[CR] นั่งรถไฟ ไปดู..."ผี"...ที่เชียงดาว



หายไปนานมาก แต่ก็อยากขอบคุณทุกคนที่ยังรอติดตามกันนะ นอกจากเจ้าหนี้ก็มีพวกคุณเนี้ยล่ะ(หัวเราะ) จริงๆตามกำหนดจะต้องอัพตั้งแต่ปลายธันวาคมแล้วแต่ที่ช้า ก็เพราะว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพต้องเข้าผ่าตัดด่วน สำหรับทริปนี้ก็ยังเหมือนทริปที่ผ่านมาภาพที่เห็นทั้งหมดใช้มือถือถ่ายล้วนๆจ๊ะ สวยไม่สวยก็อดทนดูกันไปแล้วกันนะครับ เอาล่ะ! อย่าให้เสียเวลาเลยดีกว่า เอาเป็นว่าใครจะไปตามสิงสถิตที่เฟสก็จิ้มเบาๆตรงนี้ http://www.facebook.com/nipon.satupan แต่ถ้าว่างมากอยากหาอะไรไร้สาระกว่าหายใจทิ้งไปวันวันก็จิ้มทริปที่ผ่านมามันข้างล่างนี้ได้เลยจ้า
“เมื่อฉันถูก "แทง" ที่...เกาะช้าง!!!” >>https://pantip.com/topic/40516053
“ภูกระดึง” (เกือบ)ถึงที่ตาย!!! >>https://pantip.com/topic/39622790
“เจอผี...ที่เวียงจันทร์” >> http://pantip.com/topic/33113878
“แบกเป้ลำพัง...ไปลาววังเวียง” >> http://pantip.com/topic/33074302
“ดราม่า!...หลวงพระบาง” >>http://pantip.com/topic/34466332
“คนที่...5” >> http://pantip.com/topic/34528419
“ปีนัง...ปัง! ปัง! โป๊ะ!” >>https://pantip.com/topic/35690354

ผูกเชือกรองเท้ากันแล้วนะ แบกเป้ขึ้นบ่า แล้ววิ่งตามมาไวไวเลย!!!





ขออุทิศทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรีวิวนี้ให้แด่...
"ผู้หญิงคนนั้น”







บ่ายวันหนึ่งกลางเดือนธันวา อุณหภูมิเฉียด 40 องศา แต่มีกรมอะไรสักอย่างในทีวีบอกว่า “ประเทศไทยเข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัว”

บทสนทนาในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง...

“เอ่อ...เดี๋ยวนะ...คือคุณเมิงจะไปดู"ผี”ที่เชียงดาว ที่ไม่เข้าใจ...คือว่าทำไมต้องแบกสังขารแก่ๆของคุณเมิงไปไกลถึงเชียงใหม่ด้วยว่ะ?” เพื่อนผมถามไปกระดกชาเขียวปั่นแก้วใหญ่ไป

“บนดอยนั่นมันไม่มีไฟฟ้าไง มืดดีน่าจะเห็นผีง่าย” ผมตอบโดยไม่สนใจ

“อือ...ผีที่เค้าเล่าว่าดังๆที่เชียงใหม่ ที่เวลาใครขับรถไปคนเดียวจะเจอยายแก่ๆมา วิ่งหน้าเหี่ยวๆ 4x100 ไล่กวดรถใช่มะ” เพื่อนผมมันถามอย่างสนใจ

“ไอ่บ้า...ยายแกอยู่ถนนสายเอเชียวิ่งขึ้นเขาไม่ไหวหรอก แก่แล้วแกบอกกลัวตายอีกรอบ...คือ...นี่มันไม่ใช่ผียายสปีด ผีปอป ผีช่องแอร์ ช่อง3ช่อง5ช่องนนทรีย์ไรทั้งนั้นล่ะ...คนละอย่างกัน” ผมรีบชิงตัดบทก่อนเพื่อนผมมันจะพาออกทะเลไปไกล

“ว่าแต่...เมิงไหวแน่นะ โอเคแล้วแน่นะ สภาพเมิงยังดูไม่โอเคเท่าไหร่ โคตรโทรมเลยเมิงรู้มั้ย”

เพื่อนผมพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย จนบางทีผมก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า สุดท้ายก็มีแค่มันเนี้ยล่ะว่ะ ที่คอยอยู่ข้างๆคอยถามสารทุกข์สุขดิบตลอดเวลา

“เฮ้ย...แอส...หน้าเมิงดูแย่ไปนะ” เพื่อนผมมองตา

“ว่าไงว่ะ...” ผมเงยหน้าต้อนรับความห่วงใยที่เพื่อนส่งมา
...

“เอาครีมน้ำลายหอยทากลบริ้วรอยใต้ตาที่กรูขายไปลองมั้ย 499 เองเมิง”

“โอ้ยยยยยยยย...อิบ้า...!!!” นี่ก็เอ๊ะอะขายของปีก่อนนู้นก็ประกัน 555+

ว่าแต่...จะไปวันไหน?

วันที่...13



และ...นั้นก็เป็นบทสนทนาถามตอบสั้นๆ ที่บอกเล่าที่มาและที่ที่กำลังจะไปในทริปนี้ จริงๆผมควรจะวาร์ปไปโผล่อีกทีที่เชียงดาวเดินหาที่พักสุดชิล เข้าบ้านนั้น ออกบ้านนี้ ถามตัวเองว่าเลือกที่ไหนดีน้า...แต่!!! มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างเสียงบ่นของคนที่ไปมาแล้วว่า...

“ช่วงธันวา...อย่าสะเออะไปเดินหาบ้านพักเอง...มันจะเต็ม!!!”

ถ้าไม่โทรไปจองก่อน อาจจะต้องออกไอเท็มเป็นเสื่อผืนนึงกับถุงโลตัสใบใหญ่ๆเอาไปกางนอน ตรงตีนเขาไหนสักที่นึง เพราะตอนนี้ช่วงนี้ถึงจะเป็นวันธรรมดา แต่บนเชียงดาวก็มีคนกระเหี้ยนกระหือรือมานอนตากน้ำค้างกันไม่เคยขาด

สรุป...ผมก็เลยต้องโทรไปจองห้องพักสักที่ ซึ่ง...พูดถึงเชียงดาวก็จะมีที่!!! เอ่อ...ที่"บ้านที่นั่น”แหล่ะ...ไม่บอกชื่อก็รู้กัน...ที่นั่นไง...ที่ดังๆใครๆก็รู้จักอะ 555+



ผมโทรไป"บ้านที่นั่น”ประมาณ3สายก็ไม่มีใครรับ น้องๆที่เคยไปก็บอกว่าสัญญาณโทรศัพท์ที่นั่นน้อยอย่างกะเงินเดือนยาม อยากได้ต้องโทรตามหลายรอบหน่อย ตอนหนูไปจัดไปเกือบร้อยสายกว่าจะจองห้องได้ พยายามหน่อยนะพี่!!!

ปกติ...ผมนี่เป็นพวกความอดทนต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากๆ แต่เคยได้ฟังคำคมจากนายทหารชาวอเมริกาท่านนึงที่ผมเคารพมาก ท่านชื่อ นายทหาร “สตีฟ โรเจอร์” จากสังกัด “กองงานยุทธวิธีจัดระเบียบกำลังพิเศษแห่งมาตุภูมิ” ที่ท่านเคยพูดเอาไว้ในปูมหลังครั้งไม่นานมาว่า...

“จงอดทน!!! ความอดทนคือหัวใจแห่งชัยชนะ!!!”

ผมเลยกระหน่ำกดไปเกือบ 300 สาย (จริงๆนะ!!! 555+)
แต่...ก็นิ่ง ไม่มีใครรับ จนสายสุดท้ายก่อนถอดใจก็มีสัญญาณขึ้นให้ลุ้นว่า “ติดสายซ้อน” ผมกดโทรตอนนี้อีกทีและ... “บ้านที่นั่น”ก็รับสาย

บ้านที่นั่น : สวัสดีค่ะ
ผม : สวัสดีครับ “บ้านที่นั่น” ใช่มั้ยครับ จะสำรองห้องพักหน่อยครับ
บ้านที่นั่น : มาวันที่เท่าไหร่คะ?
ผม : น่าจะวันที่ 13 ธันวาครับ
บ้านที่นั่น : มากี่คืนคะ?
ผม : น่าจะแค่คืนเดียวครับ
บ้านที่นั่น : ต้องการบ้านพักรึจะรับแบบเต็นท์คะ?
ผม : อ่า...น่าจะแบบเต็นท์ครับ ชอบแบบนั้นมากกว่า
บ้านที่นั่น : มาทั้งหมดกี่ท่านคะ?
ผม : คนเดียวครับ

บ้านที่นั่น : ขออภัยค่ะ...เต็มหมดแล้วค่ะ...ตรู๊ดดด...ตรูดดด...



อ้าว...เฮ้ยยยยย!!! คือถ้าตอนแรกมันเต็มแล้วพี่จะถามผมทำพระแสงเลเซอร์อะไรมากมายล่ะครับ จะพล่ามให้เสียเวลาสัมปทานสัญญาณโทรศัพท์เพื่ออะไร รึ...ใช่ซี้!!! ผมมันมาคนเดียวใช่มั้ย ความสำคัญมันเลยไม่ต่างอะไรกับลูกเมียน้อยไม่เหมือนพวกที่มากลุ่มใหญ่ๆละสิ!!!

ได้แต่คิดประโยคนี้ดังๆในใจ ไม่กล้าพูดออกไป เพราะเราไม่สู้คน 555+

แต่ก็เข้าใจได้นะ เพราะเคยได้ยินเสียงร่ำลือมาเหมือนกันว่า “บ้านที่นั่น” จองยากจองเย็นนักหนาเพราะว่าวิวมันสวยมากคิวแน่นอย่างกับจองบัตรคอนเสิร์ตBNK48เลยไง ยิ่งถ้ามาคนเดียวส่วนใหญ่เต็นท์หมดไปก่อนเต็มล่วงหน้าเป็นเดือนๆละ

ไม่เป็นไร...หาที่อื่นก็ได้ว่ะ...

หลังจากนั้น...ผมก็ตระเวนโทรหาบ้านพักอื่นที่ได้มาจากเน็ตอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจมากมายดังนี้

13 ธันวาห้องว่างมั้ยครับ?
inbox ค่ะ
เอ่อ...(กรู)นี่ inbox อยู่ครับ
เต็มค่ะ!!!

“13 ไม่มีว่างเลยจ๊ะ”
“เต็มหมดแล้วนะครับ ลองดูบ้านอื่นนะ”
“เต็มแล้วจ้า”

โอ้ยยยยยย!!!...อะไรมันจะเต็มทุกบ้านขนาดนี้เนี้ยห่ะ ผมแทบจะลงไปกราบเบญจางคประดิษฐ์งามๆ อ้อนวอน กอดขา และยอมก้าวข้ามศักดิ์ศรีทุกอย่างในตัวที่ผมมีเพื่อที่จะได้ที่ซุกหัวนอนสักที่ คือ...เต็มชนิดที่ เต็มยันส้วม จนต้องกดติดตาม

ลองถามนายทหาร สตีฟ โรเจอร์ อีกครั้งดีดี ลองตั้งใจคิดดีๆ บางทีผมอาจจะลืมประโยคหลังๆ...



“ความอดทนเป็นเรื่องดี แต่บางครั้ง คุณจะอดทนทำไม เมื่อสุดท้ายแล้วต้องพบกับความ...ผิดหวัง” (กัปตันอเมริกา)

แว๊กกกกกกกกกกกก!!!

ยอมรับว่าตอนนั้นถอดใจไปนั่งคุยกับบานพับตู้เย็นแล้วล่ะ สงสัยจะไม่ได้ไปนั่งบนเขามืดๆดูผีอย่างที่ตั้งใจแน่ๆ

แต่แล้ว...ก็มีแม่ชีเทเรซ่ามาในรูปโปรไฟล์ของน้องคนนึงเม้นเข้ามา บอกว่ามีบ้านพักแห่งนึงที่น่าสนใจ แต่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก

น้องที่ทักเข้ามาแนะนำ “บ้านดอยหมอก”

อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ “บ้านที่นั่น”เลยล่ะ แค่มันจะ“ต่ำ!”ลงมาหน่อย คือ“ต่ำ!”กว่าระดับ“บ้านที่นั่น”ไม่เท่าไหร่ แต่วิวทิวทัศน์อะไรก็ไม่ค่อยต่างใกล้เคียงกันแค่“ต่ำ!”กว่านิด ถ้าพี่ไม่คิดอะไรมากเรื่อง“ต่ำ!” คิดว่าผู้ชายต่ำๆ! เอ้ย! ผู้ชายติดดินง่ายๆไม่เรื่องมากแบบพี่คงไม่มีปัญหา บ้านพักดี วิวสวย แค่“ต่ำ!”กว่า“บ้านที่นั่น”นิดเดียวไม่กี่เมตรค่ะ

ก็...ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่านะ ว่าน้องมันจะเน้นคำว่า“ต่ำ!”กับเราถี่จริงๆ น้องการันตีขนาดนี้ก็น่าสนใจ อันที่จริง ทางเลือกอะไรผมก็มีไม่มากแล้วได้ที่นอนก็พอ งั้นลองโทรไปก่อนก็แล้วกัน



“สวัสดีค่ะ บ้านดอยหมอกค่ะ” เฮ้ย! สายเดียวติดเลยเนี้ยนะ มันอะไรกันนี่ขุ่นพระ!
“ท่านเดียววันที่ 13 ธันวา เต็นท์นึง 500 บาทค่ะ เดี๋ยวโอนเงินแล้วแจ้งก็เข้าพักได้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ”

ทุกอย่างจบลงในเวลาไม่ถึง 5 นาที เดินไปฉี่แล้วล้างมือยังจะนานกว่านี้เลย (นี่รวมเวลาฉี่เสร็จแล้วสะบัดแล้วด้วยนะ)

โอเค! ได้ที่นอนล่ะ ที่เหลือก็แค่ออกเดินทาง…



บ่ายโมงกว่า ภาพตัดมาอีกทีคือผมยืนฟังเสียงประกาศดังแตกๆจากลำโพงเก่าๆ แต่รู้สึกขลังเบาๆอย่างประหลาดก้องกังวาลเข้าหูตึงๆของผมเองอยู่ที่ “หัวลำโพง” คงได้เวลาที่ผมต้องออกเดินทางแล้ว

ผมรีบสาวเท้าก้าวยาวๆไปที่ชานชาลา 9 ¾ พร้อมกับพยายามดันรถเข็นเหล็กนี้ให้พุ่งทะลุเสาหินใหญ่ โดยมีแฮกริดยืนอมยิ้มให้กำลังใจอยู่ภายใต้หนวดเครารุงระ...โอ้ย! จะบ้าเหรอไง! ไปเชียงใหม่ไม่ใช่ฮอกวอตส์ 555+



รถไฟที่จะพาผมมุ่งขึ้นไปที่หมายวันนี้ คือรถไฟโบกี้ที่ 9 เลขที่นั่งเศษ3ส่วน...เอ้ย! 32 ของขบวนที่ 109 ซึ่งก่อนจะก้าวขึ้นรถไฟ ผมใช้เวลาอึดใจนึงที่พอเหลือ เพื่อโทรหาเพื่อนและฝากฝังธุระมากมายช่วงที่ผมหายไป

อีกอย่าง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไปเชียงใหม่ด้วยรถไฟ การเดินทางข้อมูลอะไรก็ไม่ได้หาไว้ เน้นสบายๆไปถามเอาข้างหน้า เลยทิ้งท้ายกับเพื่อนไว้ว่า…

“ถ้าอาทิตย์นึงกรูยังไม่กลับ ติดต่อไม่ได้ ช่วยไปบอกเพจแหม่มโพธิ์ดำให้ระดมทุนออกตามหากรูด้วยนะ คิดว่า...ถ้าไม่หลงป่าทะลุออกทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก็คงโดนกลุ่มโจรกบฏแบ่งแยกดินแดนสักกลุ่มลากไปรุมเวียนเทียนอยู่แถวชายแดนสักที่นั่นล่ะ 555+”

ก่อนวางสายเพื่อนผมพูดประโยคแสดงความห่วงใยสั้นๆก่อนลากันครั้งสุดท้าย

“เมิงแน่ใจนะว่า...จะไม่เอาครีมน้ำลายหอยทากที่กรูขายไปใช้”

ไม่เอา!!! 555+



ผมแบกกระเป๋าใบไม่ใหญ่สักเท่าไหร่ กึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นมาบนรถไฟ ในกระเป๋ามากกว่าเสื้อผ้าชุด2ชุดก็ไม่มีอะไร นอกไปจากความตื่นเต้นที่อัดแน่นเต็มไปหมดในทุกๆลูกบาศก์ความจุของพื้นที่ ทุกซอกซอกทุกมุมของหัวใจในการเดินทางครั้งนี้

ตั๋วรถไฟชั้น 2 ผมซื้อมาในราคา 391บาทตั้งแต่วันที่จองห้องพักเพราะกลัวว่าจะไม่มีตั๋วไป อีกอย่างที่ต้องรีบจองเพราะในการเดินทาง 14-15 ชั่วโมงไปเชียงใหม่ ซื้อตอนคนยังไม่เยอะผมจะได้ขอคนขายตั๋วเลือกที่นั่งได้ ผมอยากมั่นใจว่าได้ที่"ริมหน้าต่าง”

เพราะการเดินทางด้วยรถไฟชั้น2นั้น จะมีแม่ค้าพ่อค้าเดินถากหน้าถากหลังกันอย่างกับขบวนแห่ขันหมากตลอดเวลา ถ้าได้ริมทางเดินขึ้นมาละก็นะ คงได้โดนลุงๆป้าๆเดินเอาก้นมาสแคชสีข้างตลอดทางไม่ดีแน่ ผมได้แต่เดินแบกเป้มองป้ายเลขระบุตัวเลขที่นั่งทีละแถวมองหาเลข 32 ของตัวเองอย่างสบายใจ



“32 ริมหน้าต่าง 32...32...ริมหน้าต่าง...3...2...ริมหน้า...ทาง...ทางเดิน...32 ริมทางเดิน!!!”

อ้าว! ไหงตั๋วผมดันเป็นริมทางเดินล่ะ!
ชื่อสินค้า:   ดอยหลวงเชียงดาว
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่