มูร่ายยาว 12 นาที งัดสถิติความล้มเหลวของปีศาจแดงทั้งในเวทียุโรปและพรีเมียร์ลีกรอบ 7 ปีหลังมาเป็นเครื่องยืนยัน ว่าตัวเองรับสืบทอดมรดกที่ไม่ค่อยดีมา ไม่เหมือนกับของซิตี้ พร้อมยืนยันอยู่ต่อไม่ไปไหน
เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่มีแฟนบอลไม่ค่อยพอใจกับผลงานการเล่นของทีม หลังพ่ายต่อเซบีญ่าคาบ้านตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ลีก โชเซ่ มูรินโญ่ ก็งัดเอาข้อมูลสถิติที่เตรียมมาร่ายยาวป้องผลงานของตัวเองที่กำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่ เนื้อหาใจความตามนี้
=========================
"ผมพูดกับแฟนบอลว่า แฟนๆ ก็คือแฟนๆ มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นและมีปฏิกิริยา(ต่อผลการแข่งขัน) แต่มันมีบางสิ่งที่ผมเรียกว่า'มรดกตกทอดทางฟุตบอล'
.
"มันคืออะไรแบบว่า... ครั้งสุดท้ายที่แมนฯ ยูไนเต็ดได้แชมป์ชปล. -ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก- คือในปี 2008, ได้เข้าชิงครั้งสุดท้ายปี 2011, ในปี 2012 ตกรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งทีมในกลุ่มแทบจะเหมือนกลุ่มของเราในฤดูกาลนี้เลย มีเบนฟิก้า, บาเซิ่ล และกาลาติจากโรมาเนีย
.
"ปี 2013 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายคาโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยผมคุมทีมฝั่งตรงข้าม, ในปี 2014 ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ, ปี 2015 ไม่ได้ไปเตะฟุตบอลยุโรปเลย
.
"ในปี 2016 ได้กลับไปเล่นฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง ตกรอบแบ่งกลุ่มร่วงไปเล่นยูโรป้าลีก และในรอบน็อคเอาท์รอบสองก็ร่วงตกรอบยูโรป้าลีก
.
"ในปี 2017 เล่นในยูโรป้าลีก คว้าแชมป์ยูโรป้าลีกโดยผมเป็นคนคุมทีม และได้กลับไปเล่นในชปล., ในปี 2018 เป็นแชมป์กลุ่มโดยเก็บได้ 15 แต้มจาก 18 แต้ม และแพ้ในบ้านในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
.
"ดังนั้นในช่วง 7 ปีหลังกับผู้จัดการทีม 4 คน -ไม่ได้ไปเล่นบอลยุโรปหนึ่งปี, ตกรอบแบ่งกลุ่มสองครั้ง และดีที่สุดคือเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ- นี่คือ'มรดกทางฟุตบอล'
.
"ถ้าจะว่ากันถึงพรีเมียร์ลีก เป็นแชมป์ครั้งล่าสุดคือฤดูกาล 2012/13 และในช่วง 4 ฤดูกาลที่ผ่านมายูไนเต็ดจบที่อันดับ 7, อันดับ 4, อันดับ 5 และอันดับ 6
.
"ดังนั้นใน 4 ปีที่ผ่านมา อันดับที่ดีที่สุดคืออันดับ 4 นี่คือมรดกทางฟุตบอล มันหมายถึงว่าเมื่อคุณเริ่ม'กระบวนการ' คุณอยู่สูงเท่านี้, เท่านี้ หรือเท่านี้ - นี่คือมรดก
.
"และถ้าแฟนบอล ซึ่งผมให้ความเคารพเสมอ ถ้าแฟนบอล...หลายคนที่พวกคุณได้คุยด้วย, หลายคนที่ผมได้คุยด้วย หรือว่าผมโชคดีและพวกคุณโชคไม่ดีเอามากๆ ก็ไม่รู้นะ เพราะคนที่คุยกับพวกคุณนั้นผิดหวังกับผลงานของทีมมากๆ แต่แฟนบอลที่ผมได้คุยด้วยนั้น พวกเขารู้ว่าอะไรคือ 'มรดกทางฟุตบอล', รู้ว่าอะไรคือ 'กระบวนการ' และรู้ว่าผมเข้ามาคุมทีมเมื่อไหร่
.
"ตอนที่ผมเข้าไปคุมทีมเรอัล มาดริด รู้มั๊ยมีนักเตะกี่คนที่เคยลงเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศชปล.? ชาบี อลองโซ่ สมัยอยู่กับลิเวอร์พูล, อิเคร์ กาซิยาส กับเรอัล มาดริด และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับแมนฯ ยูไนเต็ด ส่วนพวกที่เหลือไม่เคยเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศเลยด้วยซ้ำ นั่นคือมรดกทางฟุตบอล
.
"สถิติที่ว่ามาเป็นเรื่องจริง ผมจะบอกเรื่องจริงให้อีกสองสามเรื่องนะ ในรอบ 7 ปีหลัง อันดับที่แย่ที่สุดของแมนฯ ซิตี้ในพรีเมียร์ลีกคือที่ 4, ในรอบ 7 ปีแมนฯ ซิตี้เป็นแชมป์ลีก 2 ครั้ง หรือถ้าจะบอกว่า 3 ก็ได้เพราะอีกไม่กี่สัปดาห์ก็ได้แล้ว, พวกเขาได้รองแชมป์ 2 ครั้ง นั่นคือมรดก
.
"รู้มั๊ยอะไรอีกที่เป็นมรดก? ก็คือ...โอตาเมนดี้, เควิน เดอบรอยน์, แฟร์นานดินโญ่, ซิลวา, สเตอร์ลิ่ง, อเกวโร่ พวกเขาคือสิ่งที่ลงทุนไว้ในอดีต ไม่ใช่จากช่วง 2 ปีหลังนี้
.
"รู้มั๊ยมีนักเตะยูไนเต็ดกี่คนที่ย้ายออกไปฤดูกาลที่แล้ว? ดูสิเดี๋ยวนี้ไปเล่นอยู่ที่ไหน, เล่นเป็นยังไง, ได้ลงเล่นหรือเปล่า -นั่นคือมรดกทางฟุตบอล
.
.
"และถ้าวันนึงผมจากทีมไป ผจก.ทีมแมนฯ ยูไนเต็ดคนต่อไปจะได้เข้ามาพบกับลูกากู, มาติช, และแน่นอนเด เคอา ที่อยู่มาหลายปีแล้วด้วย จะได้เจอนักเตะที่มีหัวจิตหัวใจ, คุณภาพ, ภูมิหลัง, สถานะ และโนว์ฮาวที่ต่างออกไป
.
"และด้วยเหตุผลบางอย่าง ถ้าดูที่รอบก่อนรองชนะเลิศชปล. จะมี 4 ทีมที่เข้ามาถึงตรงนี้ตลอด บาร์เซโลน่าเข้ามาถึงตรงนี้ตลอดในรอบ 7-8 ปีหลัง, เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส, บาเยิร์น มิวนิคเข้ามาถึงตรงนี้ตลอด และก็จะมีทีมอื่นๆ เข้ามาเป็นครั้งคราวเช่น อินเตอร์ที่ผมคุม หรือโมนาโกเมื่อปีที่แล้ว แต่ทีมที่เข้ามาถึงตรงนี้ตลอดมันมีเหตุผลของมันอยู่
.
"สิ่งที่ดีและความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมก็คือ ผมมีความคิดตรงกันกับเจ้าของทีม, มิสเตอร์วูดเวิร์ด, มิสเตอร์อาร์โนลด์ เราเข้าใจตรงกัน เราเห็นพ้องต้องกันในทุกเรื่อง เรารู้ว่ามันมีกระบวนการ เราเห็นพ้องกันในเรื่องการลงทุน, ว่าเรามีอยู่อย่างที่เรามี, การลงทุนอย่างต่อเนื่องซีซั่นแล้วซีซั่นเล่า เราต้องการมากกว่าการลงทุน เรายังต้องการเวลาอีกด้วย เราเข้าใจตรงกันหมด เพราะฉะนั้นชีวิตก็เป็นไปด้วยดี ผมมีงานที่สุดยอดที่ต้องทำ
.
"เมื่อวานผมเจอคนที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ที่สโมสร เป็นงานในส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับผม เป็นคนที่ย้ายมาจากสโมสรอื่น ผมถามเขาว่า 'ทำไมคุณถึงตัดสินใจย้ายมาที่นี่?' เขาตอบว่า 'เพราะผมทำงานได้ดีกับสโมสรอื่น และผมรู้ว่าที่สโมสรนี้ผมมีงานใหญ่งานสำคัญให้ทำ ผมจึงย้ายมาเพื่อความท้าทาย'
.
"ดีแล้วล่ะ ที่ผมตัดสินใจมาคุมทีมที่นี่ก็มาจากเหตุผลเดียวกัน ผมจะไปคุมทีมที่ประเทศอื่นที่ได้แชมป์ลีกแน่นอนก็ได้ ลีกประเภทที่ว่าได้แชมป์ตั้งแต่ฤดูกาลยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ ผมจะไปคุมทีมแบบนั้นก็ได้ แต่ผมไม่ไป ผมมาที่นี่ ผมอยู่ที่นี่ และจะอยู่ต่อไป ไม่มีทางที่ผมจะเปลี่ยนแนวคิดจิตใจ
.
"มีคำกล่าวที่ผมชื่นชอบ ซึ่งบอกว่า 'ทุกกำแพงคือประตู' ผมจะไม่วิ่งหนีหายไปไหน ผมจะไม่ร้องคร่ำครวญเพราะได้ยินเสียงโห่ประปราย ผมจะไม่หลบหายไปจากอุโมงค์ เกมถัดไปผมจะเป็นคนแรกที่เดินออกไปสู่สนาม
.
"ผมเคารพแฟนบอล ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่กลัวต่อความรับผิดชอบของผม ตอนผมอายุ 20 ผมเป็นใครก็ไม่รู้ในโลกฟุตบอล, ผมเป็นแค่ลูกของคนที่พอจะเป็นที่รู้จัก ซึ่งผมก็ภูมิใจมาก มาตอนนี้อายุ 55 ผมเป็นอย่างที่เป็นอยู่ มีผลงานอย่างที่ผ่านมาก็เพราะการทำงาน เพราะความสามารถและความคิดจิตใจของผม
.
"ดังนั้นพวกเขาก็เอาเลย ผมเข้าใจว่าหลายต่อหลายปีเหลือเกินแล้วที่เป็นช่วงที่ยากลำบากสำหรับคนที่ไม่ชอบผม - 'เอาอีกแล้ว เขาชนะอีกแล้ว เอาอีกแล้ว เขาเป็นแชมป์อีกแล้ว'
.
"เป็นเวลา(แค่) 10 เดือนที่ผมไม่ได้ถ้วยแชมป์อะไร แชมป์ครั้งสุดท้ายของผมคือเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว ผมชนะลิเวอร์พูล ชนะเชลซีมาได้ ผมแพ้เซบีญ่า ก็ได้เวลาที่พวกเขาจะมีความสุขกัน โอเคเลย
.
"ผมเรียนรู้จากศาสนาว่า 'จงมีความสุขเมื่อผู้อื่นมีความสุข แม้ว่าเขาจะเป็นศัตรูของคุณก็ตาม' เพราะฉะนั้นก็เอาเลย
.
"ผมเป็นคนที่โชคดีมากๆ และผมมีความสุขที่ผมเป็นตัวของผมแบบนี้"
https://www.facebook.com/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%94-1209941409097247/
มูกร้าว.... แมน ยูล้มเหลวใน UCL เพราะตนเองได้มรดกห่วยแตก...
มูร่ายยาว 12 นาที งัดสถิติความล้มเหลวของปีศาจแดงทั้งในเวทียุโรปและพรีเมียร์ลีกรอบ 7 ปีหลังมาเป็นเครื่องยืนยัน ว่าตัวเองรับสืบทอดมรดกที่ไม่ค่อยดีมา ไม่เหมือนกับของซิตี้ พร้อมยืนยันอยู่ต่อไม่ไปไหน
เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่มีแฟนบอลไม่ค่อยพอใจกับผลงานการเล่นของทีม หลังพ่ายต่อเซบีญ่าคาบ้านตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ลีก โชเซ่ มูรินโญ่ ก็งัดเอาข้อมูลสถิติที่เตรียมมาร่ายยาวป้องผลงานของตัวเองที่กำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่ เนื้อหาใจความตามนี้
=========================
"ผมพูดกับแฟนบอลว่า แฟนๆ ก็คือแฟนๆ มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นและมีปฏิกิริยา(ต่อผลการแข่งขัน) แต่มันมีบางสิ่งที่ผมเรียกว่า'มรดกตกทอดทางฟุตบอล'
.
"มันคืออะไรแบบว่า... ครั้งสุดท้ายที่แมนฯ ยูไนเต็ดได้แชมป์ชปล. -ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก- คือในปี 2008, ได้เข้าชิงครั้งสุดท้ายปี 2011, ในปี 2012 ตกรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งทีมในกลุ่มแทบจะเหมือนกลุ่มของเราในฤดูกาลนี้เลย มีเบนฟิก้า, บาเซิ่ล และกาลาติจากโรมาเนีย
.
"ปี 2013 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายคาโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยผมคุมทีมฝั่งตรงข้าม, ในปี 2014 ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ, ปี 2015 ไม่ได้ไปเตะฟุตบอลยุโรปเลย
.
"ในปี 2016 ได้กลับไปเล่นฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง ตกรอบแบ่งกลุ่มร่วงไปเล่นยูโรป้าลีก และในรอบน็อคเอาท์รอบสองก็ร่วงตกรอบยูโรป้าลีก
.
"ในปี 2017 เล่นในยูโรป้าลีก คว้าแชมป์ยูโรป้าลีกโดยผมเป็นคนคุมทีม และได้กลับไปเล่นในชปล., ในปี 2018 เป็นแชมป์กลุ่มโดยเก็บได้ 15 แต้มจาก 18 แต้ม และแพ้ในบ้านในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
.
"ดังนั้นในช่วง 7 ปีหลังกับผู้จัดการทีม 4 คน -ไม่ได้ไปเล่นบอลยุโรปหนึ่งปี, ตกรอบแบ่งกลุ่มสองครั้ง และดีที่สุดคือเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ- นี่คือ'มรดกทางฟุตบอล'
.
"ถ้าจะว่ากันถึงพรีเมียร์ลีก เป็นแชมป์ครั้งล่าสุดคือฤดูกาล 2012/13 และในช่วง 4 ฤดูกาลที่ผ่านมายูไนเต็ดจบที่อันดับ 7, อันดับ 4, อันดับ 5 และอันดับ 6
.
"ดังนั้นใน 4 ปีที่ผ่านมา อันดับที่ดีที่สุดคืออันดับ 4 นี่คือมรดกทางฟุตบอล มันหมายถึงว่าเมื่อคุณเริ่ม'กระบวนการ' คุณอยู่สูงเท่านี้, เท่านี้ หรือเท่านี้ - นี่คือมรดก
.
"และถ้าแฟนบอล ซึ่งผมให้ความเคารพเสมอ ถ้าแฟนบอล...หลายคนที่พวกคุณได้คุยด้วย, หลายคนที่ผมได้คุยด้วย หรือว่าผมโชคดีและพวกคุณโชคไม่ดีเอามากๆ ก็ไม่รู้นะ เพราะคนที่คุยกับพวกคุณนั้นผิดหวังกับผลงานของทีมมากๆ แต่แฟนบอลที่ผมได้คุยด้วยนั้น พวกเขารู้ว่าอะไรคือ 'มรดกทางฟุตบอล', รู้ว่าอะไรคือ 'กระบวนการ' และรู้ว่าผมเข้ามาคุมทีมเมื่อไหร่
.
"ตอนที่ผมเข้าไปคุมทีมเรอัล มาดริด รู้มั๊ยมีนักเตะกี่คนที่เคยลงเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศชปล.? ชาบี อลองโซ่ สมัยอยู่กับลิเวอร์พูล, อิเคร์ กาซิยาส กับเรอัล มาดริด และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับแมนฯ ยูไนเต็ด ส่วนพวกที่เหลือไม่เคยเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศเลยด้วยซ้ำ นั่นคือมรดกทางฟุตบอล
.
"สถิติที่ว่ามาเป็นเรื่องจริง ผมจะบอกเรื่องจริงให้อีกสองสามเรื่องนะ ในรอบ 7 ปีหลัง อันดับที่แย่ที่สุดของแมนฯ ซิตี้ในพรีเมียร์ลีกคือที่ 4, ในรอบ 7 ปีแมนฯ ซิตี้เป็นแชมป์ลีก 2 ครั้ง หรือถ้าจะบอกว่า 3 ก็ได้เพราะอีกไม่กี่สัปดาห์ก็ได้แล้ว, พวกเขาได้รองแชมป์ 2 ครั้ง นั่นคือมรดก
.
"รู้มั๊ยอะไรอีกที่เป็นมรดก? ก็คือ...โอตาเมนดี้, เควิน เดอบรอยน์, แฟร์นานดินโญ่, ซิลวา, สเตอร์ลิ่ง, อเกวโร่ พวกเขาคือสิ่งที่ลงทุนไว้ในอดีต ไม่ใช่จากช่วง 2 ปีหลังนี้
.
"รู้มั๊ยมีนักเตะยูไนเต็ดกี่คนที่ย้ายออกไปฤดูกาลที่แล้ว? ดูสิเดี๋ยวนี้ไปเล่นอยู่ที่ไหน, เล่นเป็นยังไง, ได้ลงเล่นหรือเปล่า -นั่นคือมรดกทางฟุตบอล
.
.
"และถ้าวันนึงผมจากทีมไป ผจก.ทีมแมนฯ ยูไนเต็ดคนต่อไปจะได้เข้ามาพบกับลูกากู, มาติช, และแน่นอนเด เคอา ที่อยู่มาหลายปีแล้วด้วย จะได้เจอนักเตะที่มีหัวจิตหัวใจ, คุณภาพ, ภูมิหลัง, สถานะ และโนว์ฮาวที่ต่างออกไป
.
"และด้วยเหตุผลบางอย่าง ถ้าดูที่รอบก่อนรองชนะเลิศชปล. จะมี 4 ทีมที่เข้ามาถึงตรงนี้ตลอด บาร์เซโลน่าเข้ามาถึงตรงนี้ตลอดในรอบ 7-8 ปีหลัง, เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส, บาเยิร์น มิวนิคเข้ามาถึงตรงนี้ตลอด และก็จะมีทีมอื่นๆ เข้ามาเป็นครั้งคราวเช่น อินเตอร์ที่ผมคุม หรือโมนาโกเมื่อปีที่แล้ว แต่ทีมที่เข้ามาถึงตรงนี้ตลอดมันมีเหตุผลของมันอยู่
.
"สิ่งที่ดีและความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมก็คือ ผมมีความคิดตรงกันกับเจ้าของทีม, มิสเตอร์วูดเวิร์ด, มิสเตอร์อาร์โนลด์ เราเข้าใจตรงกัน เราเห็นพ้องต้องกันในทุกเรื่อง เรารู้ว่ามันมีกระบวนการ เราเห็นพ้องกันในเรื่องการลงทุน, ว่าเรามีอยู่อย่างที่เรามี, การลงทุนอย่างต่อเนื่องซีซั่นแล้วซีซั่นเล่า เราต้องการมากกว่าการลงทุน เรายังต้องการเวลาอีกด้วย เราเข้าใจตรงกันหมด เพราะฉะนั้นชีวิตก็เป็นไปด้วยดี ผมมีงานที่สุดยอดที่ต้องทำ
.
"เมื่อวานผมเจอคนที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ที่สโมสร เป็นงานในส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับผม เป็นคนที่ย้ายมาจากสโมสรอื่น ผมถามเขาว่า 'ทำไมคุณถึงตัดสินใจย้ายมาที่นี่?' เขาตอบว่า 'เพราะผมทำงานได้ดีกับสโมสรอื่น และผมรู้ว่าที่สโมสรนี้ผมมีงานใหญ่งานสำคัญให้ทำ ผมจึงย้ายมาเพื่อความท้าทาย'
.
"ดีแล้วล่ะ ที่ผมตัดสินใจมาคุมทีมที่นี่ก็มาจากเหตุผลเดียวกัน ผมจะไปคุมทีมที่ประเทศอื่นที่ได้แชมป์ลีกแน่นอนก็ได้ ลีกประเภทที่ว่าได้แชมป์ตั้งแต่ฤดูกาลยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ ผมจะไปคุมทีมแบบนั้นก็ได้ แต่ผมไม่ไป ผมมาที่นี่ ผมอยู่ที่นี่ และจะอยู่ต่อไป ไม่มีทางที่ผมจะเปลี่ยนแนวคิดจิตใจ
.
"มีคำกล่าวที่ผมชื่นชอบ ซึ่งบอกว่า 'ทุกกำแพงคือประตู' ผมจะไม่วิ่งหนีหายไปไหน ผมจะไม่ร้องคร่ำครวญเพราะได้ยินเสียงโห่ประปราย ผมจะไม่หลบหายไปจากอุโมงค์ เกมถัดไปผมจะเป็นคนแรกที่เดินออกไปสู่สนาม
.
"ผมเคารพแฟนบอล ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่กลัวต่อความรับผิดชอบของผม ตอนผมอายุ 20 ผมเป็นใครก็ไม่รู้ในโลกฟุตบอล, ผมเป็นแค่ลูกของคนที่พอจะเป็นที่รู้จัก ซึ่งผมก็ภูมิใจมาก มาตอนนี้อายุ 55 ผมเป็นอย่างที่เป็นอยู่ มีผลงานอย่างที่ผ่านมาก็เพราะการทำงาน เพราะความสามารถและความคิดจิตใจของผม
.
"ดังนั้นพวกเขาก็เอาเลย ผมเข้าใจว่าหลายต่อหลายปีเหลือเกินแล้วที่เป็นช่วงที่ยากลำบากสำหรับคนที่ไม่ชอบผม - 'เอาอีกแล้ว เขาชนะอีกแล้ว เอาอีกแล้ว เขาเป็นแชมป์อีกแล้ว'
.
"เป็นเวลา(แค่) 10 เดือนที่ผมไม่ได้ถ้วยแชมป์อะไร แชมป์ครั้งสุดท้ายของผมคือเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว ผมชนะลิเวอร์พูล ชนะเชลซีมาได้ ผมแพ้เซบีญ่า ก็ได้เวลาที่พวกเขาจะมีความสุขกัน โอเคเลย
.
"ผมเรียนรู้จากศาสนาว่า 'จงมีความสุขเมื่อผู้อื่นมีความสุข แม้ว่าเขาจะเป็นศัตรูของคุณก็ตาม' เพราะฉะนั้นก็เอาเลย
.
"ผมเป็นคนที่โชคดีมากๆ และผมมีความสุขที่ผมเป็นตัวของผมแบบนี้"
https://www.facebook.com/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%94-1209941409097247/