ฟังจากช่องข่าวหลายๆช่องประมวลเหตุการณ์ได้ประมาณนี้
-ฝ่ายเทคนิคไม่มีอำนาจปลด
-ฝ่ายเทคนิคเป็นแค่หนังหน้าไฟ
-สาเหตุที่อยากปลดเพราะที่ผ่านมาผลงานไม่ดี
แพ้ฟิลิปปินส์ แพ้อิรัก ปัญหาการเรียกตัวค้านสายตาแฟนบอลบางส่วน
-ช่วงนั้นทำให้มีกระแสแฟนบอลบางส่วนอยากที่จะเปลี่ยน
-บางคนก็มีปัญหาการทำทีมของอิชิอิอยู่แล้วบวกกับกระแสแฟนบอลตอนนั้นก็เลยอยากที่จะเปลี่ยน
-ด้วยเวลามันกระชั้น ก็เลยติดต่อแอนโทนี่ฮัตสันไว้เพื่อสแปร์
-ตอนที่แพ้อิรักไม่ยอมเปลี่ยน
-ตอนที่แพ้เติร์กินิสถานไม่ยอมเปลี่ยน
-ตอนที่ชนะศรีลังกาแค่ 1-0 ไม่ยอมเปลี่ยน
-แต่ความคิดที่จะเปลี่ยนมีมาอยู่โดยตลอด
-คนที่รอก็รออยู่โดยตลอด
-ตอนที่ชนะไต้หวันแค่ 2-0 กระแสแฟนบอลก็ตำหนิอิชิอิ แต่เปลี่ยนไม่ได้เพราะมีเกมที่ 2 รออยู่
-คนที่รออยู่นานแล้วเริ่มหมดความอดทนเพราะเขาอยากคุมทีม
-เขาก็อ้างว่าเขาได้รับการติดต่อจากทีมอื่นถ้าไม่เอาเขาเขาก็จะไป
-เลยมีการตกลงว่าหลังจบไต้หวันเกมที่ 2 ยังไงก็จะเปลี่ยน
-แต่ทีมชาติไทยชนะไต้หวัน 1 ต่อ 6 แผนจริงๆคือจะเปลี่ยนหลังจากจบเกมนี้ แต่ประเมินว่าถ้าทำแบบนั้นโดนถล่มเละแน่นอนซึ่งประเมินได้ถูกต้อง
-แต่ที่ประเมินผิดก็คือถ้ารอสักหลายวันหน่อยจนกระแสหมดไป สักสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคมค่อยประกาศปลดกระแสจะเบาบาง ตรงนี้ประเมินผิด ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือเหมือนกันเลยเป็นวิกฤตศรัทธาที่ค่อนข้างใหญ่ที่สุดของสมาคมฟุตบอลในช่วงหลายๆปีหลัง แทบจะไม่แตกต่างกันเลยกับการปลดหลังจากจบเกมที่ไต้หวันทันที อันนี้ประเมินแฟนบอลต่ำเกินไป
-วันที่เรียกประชุมกับอิชิอิประชุมเกมไต้หวันก็เพื่อที่จะปลดแต่ที่ผิดแผนคืออิชิอิไม่ยอมเซ็นบอกว่าคุยกันต่อวันหลังรับรู้แล้ว
-ถ้าปล่อยไปก็จะเข้าสู่ FIFA day ครั้งหน้าเกมกับสิงคโปร์และศรีลังกา ยิ่งถ้าทำผลงานดีก็จะยิ่งเปลี่ยนไม่ได้มีจังหวะนี้จังหวะเดียวที่ต้องใช้การประกาศปลดฝ่ายเดียวจากสมาคมลับหลังเจ้าตัวออกจากห้องประชุมจนเป็นที่มาของ IG ของเจ้าตัวสวดสมาคมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องประชุม
-พิธีกรบอกว่าการที่อิชิอิทำแบบนี้ไม่ถูกใจผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลไทย ทำแบบนี้วันข้างหน้าจะไม่มีวันหางานในเมืองไทยได้อีกแล้วระบบไทยๆไม่ชอบสิ่งนี้ ชอบคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนยอมทุกอย่างไม่แข็งขืน ไม่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวที่เห็นตรงข้ามกับผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอลไทยต่อสื่อ ให้อยู่เงียบๆเจี๋ยมเจี้ยมถึงจะเป็นที่น่ารักในวงการฟุตบอลไทย (ต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคำพูดนี้จริงไหม ผู้ใหญ่ไทยที่เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลใจคอคับแคบแบบนี้จริงไหม )
สาเหตุที่ปลดอิชิอิเมื่อ2วันที่แล้ว และสาเหตุที่ตั้งฮัตสันเมื่อวาน
-ฝ่ายเทคนิคไม่มีอำนาจปลด
-ฝ่ายเทคนิคเป็นแค่หนังหน้าไฟ
-สาเหตุที่อยากปลดเพราะที่ผ่านมาผลงานไม่ดี
แพ้ฟิลิปปินส์ แพ้อิรัก ปัญหาการเรียกตัวค้านสายตาแฟนบอลบางส่วน
-ช่วงนั้นทำให้มีกระแสแฟนบอลบางส่วนอยากที่จะเปลี่ยน
-บางคนก็มีปัญหาการทำทีมของอิชิอิอยู่แล้วบวกกับกระแสแฟนบอลตอนนั้นก็เลยอยากที่จะเปลี่ยน
-ด้วยเวลามันกระชั้น ก็เลยติดต่อแอนโทนี่ฮัตสันไว้เพื่อสแปร์
-ตอนที่แพ้อิรักไม่ยอมเปลี่ยน
-ตอนที่แพ้เติร์กินิสถานไม่ยอมเปลี่ยน
-ตอนที่ชนะศรีลังกาแค่ 1-0 ไม่ยอมเปลี่ยน
-แต่ความคิดที่จะเปลี่ยนมีมาอยู่โดยตลอด
-คนที่รอก็รออยู่โดยตลอด
-ตอนที่ชนะไต้หวันแค่ 2-0 กระแสแฟนบอลก็ตำหนิอิชิอิ แต่เปลี่ยนไม่ได้เพราะมีเกมที่ 2 รออยู่
-คนที่รออยู่นานแล้วเริ่มหมดความอดทนเพราะเขาอยากคุมทีม
-เขาก็อ้างว่าเขาได้รับการติดต่อจากทีมอื่นถ้าไม่เอาเขาเขาก็จะไป
-เลยมีการตกลงว่าหลังจบไต้หวันเกมที่ 2 ยังไงก็จะเปลี่ยน
-แต่ทีมชาติไทยชนะไต้หวัน 1 ต่อ 6 แผนจริงๆคือจะเปลี่ยนหลังจากจบเกมนี้ แต่ประเมินว่าถ้าทำแบบนั้นโดนถล่มเละแน่นอนซึ่งประเมินได้ถูกต้อง
-แต่ที่ประเมินผิดก็คือถ้ารอสักหลายวันหน่อยจนกระแสหมดไป สักสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคมค่อยประกาศปลดกระแสจะเบาบาง ตรงนี้ประเมินผิด ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือเหมือนกันเลยเป็นวิกฤตศรัทธาที่ค่อนข้างใหญ่ที่สุดของสมาคมฟุตบอลในช่วงหลายๆปีหลัง แทบจะไม่แตกต่างกันเลยกับการปลดหลังจากจบเกมที่ไต้หวันทันที อันนี้ประเมินแฟนบอลต่ำเกินไป
-วันที่เรียกประชุมกับอิชิอิประชุมเกมไต้หวันก็เพื่อที่จะปลดแต่ที่ผิดแผนคืออิชิอิไม่ยอมเซ็นบอกว่าคุยกันต่อวันหลังรับรู้แล้ว
-ถ้าปล่อยไปก็จะเข้าสู่ FIFA day ครั้งหน้าเกมกับสิงคโปร์และศรีลังกา ยิ่งถ้าทำผลงานดีก็จะยิ่งเปลี่ยนไม่ได้มีจังหวะนี้จังหวะเดียวที่ต้องใช้การประกาศปลดฝ่ายเดียวจากสมาคมลับหลังเจ้าตัวออกจากห้องประชุมจนเป็นที่มาของ IG ของเจ้าตัวสวดสมาคมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องประชุม
-พิธีกรบอกว่าการที่อิชิอิทำแบบนี้ไม่ถูกใจผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลไทย ทำแบบนี้วันข้างหน้าจะไม่มีวันหางานในเมืองไทยได้อีกแล้วระบบไทยๆไม่ชอบสิ่งนี้ ชอบคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนยอมทุกอย่างไม่แข็งขืน ไม่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวที่เห็นตรงข้ามกับผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอลไทยต่อสื่อ ให้อยู่เงียบๆเจี๋ยมเจี้ยมถึงจะเป็นที่น่ารักในวงการฟุตบอลไทย (ต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคำพูดนี้จริงไหม ผู้ใหญ่ไทยที่เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลใจคอคับแคบแบบนี้จริงไหม )