ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ : กุนซือ "ไอน์ทรัคท์ แฟรงค์เฟิร์ต" แห่ง บุนเดสลีกา เยอรมนี ผู้ที่มีความฝัน สักวันผมจะไปคุม "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
ถ้าพูดเผินๆ ถึงชื่อของ "ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์" อาจจะเป็นกุนซือที่พอมีชื่อ คุมสโมสรฟุตบอลในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าบอกว่า พ่อของเขาเคยคุมทีมทำให้ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" น้ำตาตกมาแล้ว เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน รวมถึงตัวของ "ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์" เองก็มีความผูกพันกับ ยอดทีมแห่งชายคา โอลด์ แทรฟฟอร์ด มาตั้งแต่เด็กๆ รวมถึงมีการเข้าไปมีส่วนร่วมในการปลุกปั้นแข้งที่กำลังโด่งดังกับ "ลิเวอร์พูล" และ "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" อีกด้วย เรื่องราวเป็นมาเป็นไปยังไง ไปติดตามพร้อมๆ กัน
ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 1980 ปัจจุบันอายุ 44 ปี สมัยค้าแข้งตัวเขาเคยผ่านการค้าแข้งมาหลายต่อหลายทีม โดยมีทีมเด่นๆ ที่แฟนบอลพอจะรู้จักในวงกว้างอยู่บ้างอย่าง ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต, เฟาเอ็ฟเอ็ล โบคุ่ม
ขณะที่บนถนนเส้นทางการเป็นโค้ช ของทาง ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ เกิดขึ้นเมื่อปี 2010 ที่ตัวเขาเริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยที่ เอฟเอสวี ซาล์มโรห์ร ที่เป็นสโมสรแรกในอาชีพการค้าแข้งของเขา หลังจากนั้นก็เก็บวิชาอีกหลายที่เรื่อยจนมาถึง ผู้ช่วยโค้ช แอร์เบ ไลป์ซิก จากนั้นเป็นมือขวาให้กับ ฮันซี ฟลิค ที่ บาเยิร์น มิวนิค ก่อนก้าวมาสู่บทบาทการเป็นกุนซือใหญ่เต็มตัวครั้งแรกกับ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต ในปี 2023 จนถึงปัจจุบัน
ตัดภาพย้อนกลับไปสมัยเด็ก ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ ที่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่นชอบการเล่นวิดีโอ และมักจะเล่นเกมฟุตบอลที่เป็นกีฬายอดฮิตของโลก ตอนนั้นก็มีหลายทีมให้ตัวเขาเลือกใช้สำหรับวิดีโอเกม แต่ทว่าตัวเขาไม่เลือกเล่นทีมอื่นเลยนอกจาก "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ทีมเดียวเท่านั้น เพราะนี่คือทีมที่มีความพิเศษที่สุด มากกว่าทุกสโมสรอื่นๆ แม้ตอนนั้นจะมี "เรอัล มาดริด" ที่ก็เป็นอีกสโมสรที่ยิ่งใหญ่ก็ตาม
ด้วยความที่ทาง ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ อยู่กับการเป็นแฟนบอล "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" มาตั้งแต่เด็กๆ พ่อของเขานามว่า เคลาส์ ท็อปป์โมลเลอร์ ก็เคยคุมทีม "ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น" ดวลกับ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ของทาง "เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน" ตำนานแม่ทัพชาวสกอตแลนด์ มาแล้ว เมื่อ 2001-02 ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2001-02 รอบรองฯ ที่ตอนนั้น ทีมหลังตกรอบกฎอเวย์โกล 3-3 ก่อนจบฤดูกาลด้วย ทริปเปิ้ลรองแชมป์
ตัดภาพกลับมาที่นี่ ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ ที่ก่อนหน้านี้เคยระบุกับ Bild ผ่านทาง podcast ว่า "การที่ผมได้อยู่กับ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต ถือเป็นความฝัน เป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยมมากๆ ผมรักที่สโมสรแห่งนี้ตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่น ผมได้เห็นเป็นครั้งแรกว่าพ่อของผมเป็นโค้ชบุนเดสลีกา นั่นทำให้ผมมีสายสัมพันธ์ทางอารมณ์กับสโมสรแห่งนี้อย่างลึกซึ้ง"
"แต่ถ้าหากเขาคิดจะย้ายไปคุมทีมต่างแดนขึ้นมาจริงๆ ในอนาคต จุดหมายปลายทางในฝันของเขาคือ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" จากคำพูดดังกล่าวทำให้บรรดาแฟนบอลของ ยอดทีมสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ หัวใจพองโต ขึ้นมาทันที
นอกจากนี้ ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ ยังได้รับการยกย่องว่า มีส่วนสำคัญในพาทีมสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญด้วยการคว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก จากอันดับในลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร ไม่นับฤดูกาล 2022-23 ที่ตอนนั้นพวกเขาเคยได้สิทธิ์ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในฐานะ แชมป์ยูโรปาลีก
และที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ ในการปั้นดาวรุ่งอย่าง "อูโก้ เอกิติเก้" ที่ฝากผลงานไว้ 26 ประตู 14 แอสซิสต์ จาก 64 นัด ก่อนที่ตอนนี้ย้ายไป "ลิเวอร์พูล" ด้วยค่าตัว 79 ล้านปอนด์ หรือ ประมาณ 3,445 ล้านบาท และ "โอมาร์ มาร์มูช" ที่ฝากผลงาน 37 ประตู 20 แอสซิสต์ จาก 67 นีด ก่อนซีซั่น 2025-26 ย้ายไป "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" ด้วยค่าตัว 67 ล้านปอนด์ หรือ ประมาณ 2,922 ล้านบาท ซึ่งทาง ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ ได้มีส่วนสำคัญในการวางแนวทางการเล่น ทัศนคติ และ โอกาสในการลงสนามให้กับทั้งคู่อย่างเหมาะสมจนผลผลิตผลิดอกออกผลและกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่โด่งดังของโลกลูกหนังในเวลานี้ และ บางทีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าตัวเขาก็อาจจะเป็นหนึ่งในโค้ชที่ร้อนแรงที่สุดในโลกก็ได้... ใครจะไปรู้
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/uefa/2890419
ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ : กุนซือ "แฟร้งค์เฟิร์ต" ผู้ที่มีความฝัน สักวันผมจะไปคุม "แมนยู"
ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ : กุนซือ "ไอน์ทรัคท์ แฟรงค์เฟิร์ต" แห่ง บุนเดสลีกา เยอรมนี ผู้ที่มีความฝัน สักวันผมจะไปคุม "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
ถ้าพูดเผินๆ ถึงชื่อของ "ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์" อาจจะเป็นกุนซือที่พอมีชื่อ คุมสโมสรฟุตบอลในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าบอกว่า พ่อของเขาเคยคุมทีมทำให้ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" น้ำตาตกมาแล้ว เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน รวมถึงตัวของ "ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์" เองก็มีความผูกพันกับ ยอดทีมแห่งชายคา โอลด์ แทรฟฟอร์ด มาตั้งแต่เด็กๆ รวมถึงมีการเข้าไปมีส่วนร่วมในการปลุกปั้นแข้งที่กำลังโด่งดังกับ "ลิเวอร์พูล" และ "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" อีกด้วย เรื่องราวเป็นมาเป็นไปยังไง ไปติดตามพร้อมๆ กัน
ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 1980 ปัจจุบันอายุ 44 ปี สมัยค้าแข้งตัวเขาเคยผ่านการค้าแข้งมาหลายต่อหลายทีม โดยมีทีมเด่นๆ ที่แฟนบอลพอจะรู้จักในวงกว้างอยู่บ้างอย่าง ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต, เฟาเอ็ฟเอ็ล โบคุ่ม
ขณะที่บนถนนเส้นทางการเป็นโค้ช ของทาง ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ เกิดขึ้นเมื่อปี 2010 ที่ตัวเขาเริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยที่ เอฟเอสวี ซาล์มโรห์ร ที่เป็นสโมสรแรกในอาชีพการค้าแข้งของเขา หลังจากนั้นก็เก็บวิชาอีกหลายที่เรื่อยจนมาถึง ผู้ช่วยโค้ช แอร์เบ ไลป์ซิก จากนั้นเป็นมือขวาให้กับ ฮันซี ฟลิค ที่ บาเยิร์น มิวนิค ก่อนก้าวมาสู่บทบาทการเป็นกุนซือใหญ่เต็มตัวครั้งแรกกับ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต ในปี 2023 จนถึงปัจจุบัน
ตัดภาพย้อนกลับไปสมัยเด็ก ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ ที่เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่นชอบการเล่นวิดีโอ และมักจะเล่นเกมฟุตบอลที่เป็นกีฬายอดฮิตของโลก ตอนนั้นก็มีหลายทีมให้ตัวเขาเลือกใช้สำหรับวิดีโอเกม แต่ทว่าตัวเขาไม่เลือกเล่นทีมอื่นเลยนอกจาก "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ทีมเดียวเท่านั้น เพราะนี่คือทีมที่มีความพิเศษที่สุด มากกว่าทุกสโมสรอื่นๆ แม้ตอนนั้นจะมี "เรอัล มาดริด" ที่ก็เป็นอีกสโมสรที่ยิ่งใหญ่ก็ตาม
ด้วยความที่ทาง ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ อยู่กับการเป็นแฟนบอล "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" มาตั้งแต่เด็กๆ พ่อของเขานามว่า เคลาส์ ท็อปป์โมลเลอร์ ก็เคยคุมทีม "ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น" ดวลกับ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ของทาง "เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน" ตำนานแม่ทัพชาวสกอตแลนด์ มาแล้ว เมื่อ 2001-02 ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2001-02 รอบรองฯ ที่ตอนนั้น ทีมหลังตกรอบกฎอเวย์โกล 3-3 ก่อนจบฤดูกาลด้วย ทริปเปิ้ลรองแชมป์
ตัดภาพกลับมาที่นี่ ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ ที่ก่อนหน้านี้เคยระบุกับ Bild ผ่านทาง podcast ว่า "การที่ผมได้อยู่กับ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต ถือเป็นความฝัน เป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยมมากๆ ผมรักที่สโมสรแห่งนี้ตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่น ผมได้เห็นเป็นครั้งแรกว่าพ่อของผมเป็นโค้ชบุนเดสลีกา นั่นทำให้ผมมีสายสัมพันธ์ทางอารมณ์กับสโมสรแห่งนี้อย่างลึกซึ้ง"
"แต่ถ้าหากเขาคิดจะย้ายไปคุมทีมต่างแดนขึ้นมาจริงๆ ในอนาคต จุดหมายปลายทางในฝันของเขาคือ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" จากคำพูดดังกล่าวทำให้บรรดาแฟนบอลของ ยอดทีมสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ หัวใจพองโต ขึ้นมาทันที
นอกจากนี้ ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ ยังได้รับการยกย่องว่า มีส่วนสำคัญในพาทีมสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญด้วยการคว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก จากอันดับในลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร ไม่นับฤดูกาล 2022-23 ที่ตอนนั้นพวกเขาเคยได้สิทธิ์ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในฐานะ แชมป์ยูโรปาลีก
และที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ ในการปั้นดาวรุ่งอย่าง "อูโก้ เอกิติเก้" ที่ฝากผลงานไว้ 26 ประตู 14 แอสซิสต์ จาก 64 นัด ก่อนที่ตอนนี้ย้ายไป "ลิเวอร์พูล" ด้วยค่าตัว 79 ล้านปอนด์ หรือ ประมาณ 3,445 ล้านบาท และ "โอมาร์ มาร์มูช" ที่ฝากผลงาน 37 ประตู 20 แอสซิสต์ จาก 67 นีด ก่อนซีซั่น 2025-26 ย้ายไป "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" ด้วยค่าตัว 67 ล้านปอนด์ หรือ ประมาณ 2,922 ล้านบาท ซึ่งทาง ดิโน่ ท็อปป์โมลเลอร์ ได้มีส่วนสำคัญในการวางแนวทางการเล่น ทัศนคติ และ โอกาสในการลงสนามให้กับทั้งคู่อย่างเหมาะสมจนผลผลิตผลิดอกออกผลและกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่โด่งดังของโลกลูกหนังในเวลานี้ และ บางทีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าตัวเขาก็อาจจะเป็นหนึ่งในโค้ชที่ร้อนแรงที่สุดในโลกก็ได้... ใครจะไปรู้
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/uefa/2890419