สื่อตัวจริงไม่หากินกับความเป็นสื่อ

เมื่อโลกปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ก็เป็นขาลงของวงการสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อจำนวนมากทั้งในระดับโลกและระดับประเทศทยอยปิดตัวไปเรื่อย ๆ

แต่คอนเทนต์ไม่มีวันตาย ตราบใดที่ผู้บริโภคยังคงต้องการเสพคอนเทนต์ใหม่ ๆ อยู่ คนทำงานด้านสื่อก็ยังมีทางรอด โดยปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป หันไปให้บริการออนไลน์แทน ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบและแพลตฟอร์ม ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ไลน์ และแอปพลิเคชัน เป็นต้น

ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนตัวเองไปให้บริการในช่องทางใด แต่รายได้ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความอยู่รอด เมื่อกระโดดมาสู่การให้บริการออนไลน์ โดยเฉพาะบนเฟซบุ๊ก จะมีคู่แข่งหน้าใหม่ ๆ รูปแบบใหม่ ๆ ต่างไปจากสื่อสิ่งพิมพ์แบบเดิมจำนวนมหาศาล ก็ต้องหาวิธีดึงดูดรายได้หรือโฆษณามาอยู่บนเพจของตัวเองให้ได้

วิธีที่จะทำให้มีโฆษณาเข้ามา ก็ต้องสร้างฐานผู้บริโภค หรือผู้เยี่ยมชม หรือที่เรียกว่า engagement ให้มากเสียก่อน แต่จะทำอย่างไรเล่า จึงจะเรียกยอดที่ว่านั้นได้

ธรรมชาติของสังคมออนไลน์ชอบอะไรที่ตื่นเต้น เร้าใจ ดราม่า หรืออะไรที่ทำให้ได้แสดงออก ดังนั้น การทำคอนเทนต์บนช่องทางนี้ของสื่อก็ต้องเปลี่ยนไปจากเดิม เพื่อตอบสนองผู้บริโภคให้ได้มาก

แต่สื่อที่ดีมีจรรยาบรรณก็ยังคงมุ่งเน้นคุณภาพเป็นหลัก โดยนำเสนอด้วยเนื้อหาที่ดีอัดแน่นตามความเป็นจริง แม้จะได้ยอด engagement น้อย โฆษณาเข้าน้อย แต่ถ้าพออยู่ได้ก็ไปต่อบนจุดยืนเดิม

ขณะที่สื่อบางแห่งที่มีเป้าหมายที่รายได้เหนือสิ่งอื่นใด จะสนใจเนื้อหาที่เรียกยอด engagement ได้เร็วได้มาก โดยสร้างความน่าสนใจด้วยการแหวกกระแส หรือใช้คำพาดหัวหรือโปรยแรง ๆ เพื่อเรียกแขก โดยจับคนในข่าวที่สังคมให้ความสนใจอยู่แล้วมาเป็นตัวประกัน ด้วยการใส่ไฟเข้าไปด้วยถ้อยคำที่ทำให้เกิดความแตกแยก เกลียดชัง แต่พอคลิกเข้าไปอ่าน บ่อยครั้งหาสาระหรือประเด็นสำคัญไม่เจอ หรือเอาของเก่าที่จบไปนานแล้วมาเล่าใหม่ ที่เรียกว่า reproduction หรือบางครั้งก็ให้ข้อมูลที่กำกวม ป้ายสี เป็นเท็จ ท้าทาย หรือทิ้งทายในทำนองให้ผู้อ่านฉุกคิดตามแต่ผู้เขียนจะชี้นำ   

เมื่อวานไล่อ่านข่าวในเพจที่เดิมเป็นแหล่งที่ใช้ข่าวเศรษฐกิจเป็นฐาน ซึ่งเป็นสื่อที่แต่เดิมมีเครดิตน่าเชื่อถือพอสมควร นำเสนอข่าวแบบตรง ๆ โปรยหัวตรง ๆ แต่พอไล่ ๆ อ่านลงไป ชักยังไง ๆ มีหลายข่าวที่ทั้งเนื้อหาและโปรยหัวแรง ๆ -ดัน เสียดสี เสี้ยมให้คนตีกัน แถมมีการหยิบข่าวการเมืองมาเล่นแล้วพาดหัวกับโปรยแรง ๆ ซึ่งคนที่ติดตามข่าวเศรษฐกิจมานาน ก็จะต้องรู้สึกเป็นแน่ว่า บางอย่างมันไม่ถูกต้องและไม่เหมือนเดิม

แต่ก็นับว่าวิธีใหม่ที่สื่อแห่งนี้นำเสนอ สามารถเรียก engagement ได้มากขึ้น เพราะมีคนมาคอมเมนท์กันมากมายอย่างเมาส์มัน เหมือนสื่อ community อื่น ๆ ที่ไม่ใช่สื่อเศรษฐกิจ ที่ก่อนหน้านี้แต่ละข่าว แต่ละโพสต์แทบไม่มีคอมเมนท์เลย แต่พอเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอให้แรง ๆ กาก ๆ แบบนี้ กลับมียอดคอมเมนท์ถล่มทลาย

ใครที่อ่านสื่อนี้ประจำ ก็คงจะมองเห็นเจตนาเบื้องลึกของสื่อแห่งนี้ได้ไม่ยาก ว่าเปลี่ยนวิธีการนำเสนอจากเดิมไปมากแบบนี้เพราะต้องการอะไร

เอาเถอะ ใครทำอะไรก็รู้ตัวเองแหละ แต่จะยอมรับหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่อยากจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรมากไปกว่านี้ แค่อยากจะยกตัวอย่างว่า ยุคที่สื่อต้องดิ้นรนเอาตัวรอดแบบนี้ สื่อแท้สื่อเทียมแยกกันออกได้ไม่ยากเลย สื่อแท้ก็ยังคงมุ่งเน้นคุณภาพ จรรยาบรรณ และส่งเสริมสังคมกันต่อไป

แต่สื่อเทียมที่อาศัยความเป็นสื่อหากิน ก็จะทำทุกวิถีทางให้ได้เงินมีรายได้ โดยไม่สนเรื่องคุณภาพ คุณธรรม จรรยาบรรณ เพราะมันจับต้องไม่ได้

เหตุการณ์นี้ทำให้นึกถึงข้อเขียนของคุณสุนันท์ ศรีจันทรา ซึ่งเพิ่งเขียนไว้ในคอลัมน์หนึ่งเมื่อ 1 – 2 เดือนที่ผ่านมา เชิญทัศนากันตามสะดวกครับ


“...เพราะถ้าประพฤติตัวเป็นสื่อเลว เป็นจอมตบทรัพย์ เป็นเจ้าชายสวมมงกุฎ 18 อัน ในวงการสื่อ หรือทำตัวเป็นแก๊งสื่ออันธพาล เที่ยวถือปากกาไล่ทิ่มแทงใคร สักวันลูกหลานจะรับกรรม ถูกสังคมประณามว่า มีบรรพบุรุษเป็น “กากเดน” สื่อ

อย่าคิดว่า พฤติกรรมในมุมมืด จะไม่มีใครล่วงรู้ อย่าย่ามใจว่า ความชั่วร้ายที่ก่อไว้ จะไม่ถูกขุดคุ้ยเปิดโปง เพียงแต่อาจยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น

อดีตที่ผิดพลาดนั้นเปลี่ยนได้ แต่ต้องสำนึกในความผิดที่ผ่านมา และกลับตัวกลับใจแก้ไขใหม่ ไม่มีคำว่าสาย สำหรับการเริ่มต้นสู่การเป็นสื่อที่ดี

การเป็นสื่อที่ดี ไม่มีรางวัลใดเป็นของขวัญ นอกจากธุลีแห่งความภาคภูมิใจเก็บไว้ให้วงศ์ตระกูล ในฐานะผู้ที่มีวาสนาได้ก้าวเข้ามาสู่วิชาชีพฐานันดร 4 แม้จะไม่ได้ช่วยทำให้สังคมสื่อสูงขึ้นก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “เดนสื่อ” ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของแวดวงสื่อสารมวลชนตกต่ำลง…”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่