🔏🔓~มาลาริน~ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน รีบกระชากหน้ากากไอ้โม่งมาจัดการเลยค่ะ อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวลไปได้

อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวลค่ะ....❌❌❌❌❌




'ไอ้โม่ง'มีมากกว่า1คน คนนอกเอี่ยวโกงเงินคนจน/ปปท.เตรียมกระชากหน้ากาก


เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงปัญหาการทุจริตในโครงการของกระทรวงต่างๆว่า เรื่องทุจริตมีหลายหน่วยงานที่ปรากฏออกมา ไม่ใช่ว่ารัฐบาลนี้ปล่อยปละละเลย มีการตั้งกรรมการสอบสวนอยู่ แต่กระบวนการสอบสวนบางครั้งมันช้าเกินไป วันนี้ได้เร่งรัดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปตรวจในทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน หรือทุกงบประมาณที่มีปัญหา

ทั้งนี้ ที่ตนต้องเน้นตรงนี้ เพราะเป็นการใช้งบประมาณโดยตรงจากรัฐ เช่น ในโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเงินคนไร้ที่พึ่ง โครงการจ้างงาน และโครงการเงินทุนการศึกษา ซึ่งโครงการเหล่านี้มีมานานแล้ว และตนเคยบอกแล้วว่ามันก็อยู่ที่ผู้ได้รับผลประโยชน์ อยู่ที่เจ้าหน้าที่ อยู่ที่ประชาชนส่วนหนึ่งที่ได้ประโยชน์ก็เข้าร่วมมือด้วย และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาให้อะไรมาก็เอาหมด บังเอิญโชคดีระหว่างการสอบสวนมีผู้หญิงกับผู้ชาย 2 คน มาให้ข้อมูลก็เป็นสิ่งที่น่าชมเชย ซึ่งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันมีหลักฐานก็ออกมาพูดจะทางลับ หรือเปิดเผยก็ได้ ตนก็รับหมด


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ทั้ง 3 เรื่องดังกล่าว มีคนมาให้ข้อมูลมีเจ้าหน้าที่ต่างๆ ให้ข้อมูลแล้ว คือเขากล้าขึ้นจะไม่อยู่ร่วมขบวนการอีกต่อไป มันสะสมมายาวนาน ก็อยากให้ไปทบทวนกันให้รู้ว่ารัฐบาลนี้เอามาเปิดเผยกี่เรื่องแล้ว คดีใหญ่ๆ เล็ก กลาง ก็มาหมด ไม่ใช่รัฐบาลปล่อยปละละเลย เพียงแต่มันต้องสอบสวนหาสาเหตุ หลักฐานวัตถุพยานบุคคลมาให้ได้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมเป็นพยานกันเพราะกลัว


"ก็ต้องขอย้ำว่า ไม่ต้องกลัวหรอกผมดูแลคุ้มครองให้ เพราะใครที่ไปทำร้าย ไปรังแก เอางบประมาณที่จะต้องไปถึงคนจน คนเหล่านี้ผมถือว่าแย่มาก คนที่ด้อยโอกาสแล้วยังไปเอาของเขามาอีก ผมว่ามันน่าอับอาย ในทางศีลธรรมก็ไม่ได้อีก หลายกระทรวง ผมกำลังให้ ป.ป.ท.ลงไปตรวจสอบอยู่ในกรณีการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ มันต้องให้ความชัดเจนและให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้น" นายกฯ กล่าว

ด้านพ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่งงบฯปี60ว่า ล่าสุดป.ป.ท.ได้ตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งที่ได้รับงบฯทั้ง 76 ศูนย์พบศูนย์ที่เข้าข่ายการทุจริตมากถึง 44 ศูนย์แล้ว โดยอีก 32 ศูนย์ที่เหลือ กำลังให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า ส่วนรูปแบบการทุจริตจนถึงขณะนี้ต้องบอกว่า มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ไม่เหมือนกันทุกศูนย์ แต่ที่เจอเหมือนๆกันคือเอาหลักฐานของคนอื่นมาเบิกเงิน แล้วก็นำเงินมาจ่ายบ้าง ไม่จ่ายบ้างหรือไม่จ่ายเลยก็มี ส่วนที่ต่างกันก็คือ เรื่องการการไปนำรายชื่อหลักฐานมาเบิกเงิน

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หักหัวคิวหรือเงินจากโครงการนี้ ตั้งแต่ร้อยละ 20-50 ลักษณะคล้ายกับทุจริตเงินทอนวัดนั้น พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ป.ป.ท.ก็ได้ข้อมูลเบาะแสมาเช่นกัน อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ

"ล่าสุดเริ่มได้เค้าลางของผู้เกี่ยวข้องน่าจะเป็นคนนอกศูนย์แล้ว ข้อมูลที่ได้ยังไม่ได้ระบุถึงว่ารับเงินทอนมากี่เปอร์เซ็นต์จากโครงการนี้และเกี่ยวข้องในฐานะอะไร จะเป็นผู้ร่วมทำผิดหรือพฤติการณ์อื่น ต้องขอเวลา"พ.ท.กรทิพย์ กล่าว

และว่าตอนนี้เห็นรูปร่างของคนนอกศูนย์ฯแล้วเหลือขอข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อเติม คิ้ว ตา จมูก ปาก เพื่อจะได้ระบุชัดว่าเป็นใคร ตอนนี้เห็นชัดกว่าร้อยละ 80 แล้วว่าเป็นใครพบว่ามีมากกว่า 1 คน  ส่วนเป็นขบวนการหรือไม่ ขอเวลาอีกไม่นาน ไม่น่าจะเกิน 31 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นกำหนดจบภารกิจจะทราบแน่นอน

อย่างไรก็ตาม พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า หลังเป็นข่าวทำให้การลงพื้นที่ตรวจสอบพบปัญหาที่ทุกศูนย์ฯ ทำเหมือนกันคือการพยายามสร้างพยาน หลักฐานเท็จ โดยไปพบพี่น้องประชาชนไปบอกว่า ถ้าป.ป.ท.ลงไปตรวจสอบให้บอกว่าได้เงินแล้ว ปรากฎการณ์เช่นนี้ขอเรียกว่าเป็นการฆ่าตัวเองเพราะรู้ว่ากระทำผิดแล้วยังกล้ากระทำผิดซ้ำครั้งสอง และยังไปลากประชาชนมาเดือดร้อนด้วย

"ย้ำว่าการจากลงพื้นที่พบว่าประชาชนไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เจ้าหน้าที่ศูนย์บอกทั้งหมดแล้ว ทุกคนให้ความร่วมมือกับป.ป.ท.อย่างดี การจะมาทำหลักฐานใหม่ไม่ได้ทำให้ความผิดที่เกิดแล้วลดลง ขอเตือนว่าอย่าทำดีกว่าและขอให้หันมาร่วมให้ข้อมูลความจริงกับป.ป.ท.จะดีกว่า" พ.ท.กรทิพย์ กล่าว

ที่จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงปัญหาการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อHIV  ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่นว่า ทางคณะกรรมการตรวจสอบระดับจังหวัดที่ตนมีคำสั่งแต่งตั้งได้ส่งผลสรุปมายังตนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะส่งต่อให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.เขต4)นำไปประกอบการทำคดี เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการทำคดีต่อไป

สำหรับผลการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจ.ขอนแก่น ช่วงที่ลงพื้นที่ไปมอบเงินสงเคราะห์ให้กับผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อเอดส์ ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลหรือรพ.สต.และใช้เป็นสถานที่มอบเงิน

ในฐานะหน่วยงานช่วยอำนวยความสะดวก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการจ่ายเงินแต่อย่างใด จากการตรวจสอบก็ไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องแต่อย่างใด


http://www.naewna.com/politic/326557

ฉาวอีก! ปลัด ศธ.โร่แจ้งความญาติข้าราชการซี 8 เปิด 22 บัญชีโกงเงินกองทุนเสมาพัฒนานับสิบปี



ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งความดำเนินคดีเครือญาติข้าราชการซี 8 ที่ทุจริตในกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต พร้อมระบุ ต้องปฏิรูประบบตรวจสอบกองทุนทั้งหมด เพื่อความโปร่งใสด้วย

วันที่ 13 มี.ค.61 นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมเจ้าหน้าที่นิติกรสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.บำเพ็ญ ไวยรจนา สารวัตรสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อเครือญาติข้าราชการซี 8 กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมกับนำหลักฐานเอกสารการเปิดบัญชีต่างๆ ของเครือญาติ มอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบสำนวนการพิจารณาดำเนินคดี

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับเครือญาติของข้าราชการซี 8 กระทรวงศึกษาธิการ ที่ไปเปิดบัญชีไว้ 22 บัญชี สำหรับถ่ายโอนเงินจากกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเข้ามาในบัญชีดังกล่าว เพราะถือว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันในการรับเงินการโอนจากกองทุนนี้ เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่า การถ่ายโอนเงินจากกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตจะเข้าบัญชีทั้ง 22 บัญชีเหล่านี้แบบซ้ำๆ เดิมๆ ตลอด 10 กว่าปี ดังนั้นเชื่อมั่นว่า เครือญาติทั้งหมดของข้าราชการซี 8 จะต้องมีส่วนร่วมรู้เห็นด้วยแน่นอนจึงมาแจ้งความ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี ขณะเดียวกันจะมอบหมายให้สำนักนิติการของ สป. ดำเนินการตามระเบียบพิจารณาโทษทางวินัยข้าราชการซี 8 กระทรวงศึกษาธิการ ตามกระบวนการต่อไป อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้ต้องกลับมาปฏิรูประบบตรวจสอบภายในของกระทรวงศึกษาธิการ และการดำเนินงานของกองทุน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและรัดกุมมากยิ่งขึ้น

ด้าน พ.ต.ท.บำเพ็ญ กล่าวว่า การดำเนินคดีกับเครือญาติข้าราชการซี 8 กระทรวงศึกษาธิการนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้ ซึ่งจะต้องขอดูพยานหลักฐานต่างๆ ก่อน เนื่องจากบัญชีที่เปิดไว้มีหลายบัญชีมาก อีกทั้งจะต้องดูด้วยว่าเครือญาติของข้าราชการซี 8 กระทรวงศึกษาธิการ มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ หรือญาติได้ประโยชน์จากส่วนนี้ด้วยหรือไม่

http://www.amarintv.com/news-update/news-7627/168897/




นายการุณ กล่าวว่า ตนได้แจ้งความดำเนินคดีกับเครือญาติของข้าราชการซี 8 ศธ.ที่ไปเปิดบัญชีไว้ 22 บัญชี เพื่อใช้ในการถ่ายโอนเงินจากกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเข้ามาในบัญชีดังกล่าว ซึ่งถือว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันในการรับเงินโอนจากกองทุนนี้ เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่าการถ่ายโอนเงินจากกองทุนดังกล่าวเข้าบัญชีทั้ง 22 บัญชี มาโดยตลอดเป็นเวลา 10 กว่าปี ดังนั้น ตนเชื่อมั่นว่าเครือญาติทั้งหมดของข้าราชการคนนี้จะต้องมีส่วนร่วมรู้เห็นด้วยแน่นอน  ดังนั้นจึงได้มาแจ้งความ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี


ขณะเดียวกันตนจะมอบหมายให้สำนักนิติการของ สป.ดำเนินการตามระเบียบพิจารณาโทษทางวินัยข้าราชการซี 8 ศธ.ตามกระบวนการต่อไป สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้ตนและคณะกรรมการกองทุนฯ เห็นว่าจะต้องกลับมาพิจารณายกเครื่องระบบตรวจสอบภายในของ ศธ.และการดำเนินงานของกองทุนฯ อย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและรัดกุมมากยิ่งขึ้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่าระบบการตรวจสอบอาจจะยังมีจุดบกพร่องอยู่ อีกทั้งเร็วๆ นี้ จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของสำนักงานปลัด ศธ. โดยจะมีการเสนอให้พิจารณาโทษความผิดร้ายแรงกับข้าราชการระดับ 8 ทันที เพราะถือว่าเป็นความผิดชัดแจ้งที่เจ้าตัวสารภาพจึงไม่ต้องมีการสอบสวนวินัยอีก และก็ถือว่าเป็นไปตามกฎ ก.พ.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.2556

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการขยายการสืบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไปถึงผู้ที่เคยปฏิบัติหน้าที่ ปลัด ศธ. ในช่วงก่อนหน้านี้หรือไม่ ในฐานะละเลยปล่อยให้ข้าราชการในสังกัดยักยอกเงินด้วยหรือไม่ นายการุณ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในแต่ละช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งเท่าที่ทราบปลัด ศธ. แต่ละคนก็อยู่ในตำแหน่งคราวละ 1-2 ปีเท่านั้น อีกทั้งผู้กระทำความผิดก็ได้จัดทำเอกสารเท็จขึ้นมานำเสนอ เพื่อขออนุมัติเงินกองทุนแต่ในละครั้ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะรับรู้ได้ว่าเกิดการยักยอกเงินเกิดขึ้น

http://www.thaipost.net/main/detail/4878


สำหรับดิฉันมีความเห็นว่า...👇👇👇👇👇


ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน  เป็นสำนวนไทย แปลว่า.....👇👇👇👇👇

คนซื่อสัตย์จะอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้นาน และมีความมั่นคงในชีวิตการงาน ส่วนคนคดโกงอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ไม่นานในที่สุดจะถูกจับได้สักวัน


ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน หมายถึง ความซื่อสัตย์นั้นกินใช้ไม่มีวันหมด มีกินได้เรื่อยๆ

ขยายความ – สุภาษิต ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน โบราณท่านใช้เป็ยบทสอนใจให้เราเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงานและการกระทำทั่งหมด ไม่ให้มีนิสัยคดโกงผู้อื่น โดยสอนเปรียบเทียบไว้ว่าคนซื้อสัตย์นั้นสามารถทำงานหรือทำมาหากินได้เรื่อยๆ ไม่มีวันหมด ในขณะที่คนคดโกงนั้น เมื่อโดนจับได้ก็จะต้องรับผลกรรม หมดหน้าที่การงานในทันที

ที่มา – พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ลุงตู่บอกว่า....มีคนให้ข้อมูล คือเขากล้าขึ้น  จะไม่อยู่ร่วมขบวนการอีกมันสะสมมายาวนาน อดีตส่วนใหญ่ไม่ยอมเป็นพยานกันเพราะกลัวอิทธิพล  

ลุงตู่ถอนรากถอนโคนพวกทุจริตให้หนักเลยนะคะ  สังคมไทยปล่อยเอาไว้นานจนมีนิสัยเคยตัว เห็นการทุจริต เป็นเรื่องทำแล้วดี ไม่กลัวบาปกรรม ทำตามๆกัน

# ทีมลุงตู่ไม่เปลี่ยนใจค่ะ...💗💗💗💗💗💗💗

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่