ขอบคุณมากนะคะที่ติดตามมาจากตอนที่ 1 ติดตามได้ที่นี่
https://pantip.com/topic/37433683
เรามาต่อกันเลยนะคะ เรายังคงอยู่ที่วันที่ 3 นะคะ กับการเดินทางออกจากแพคลองคละสู่แพรนางไพร สิ่งที่แจนชอบที่สุดในทริปต้องบอกเลยว่าคือการนั่งเรือหางยาวชมเขื่อน คือดีมากก วิวรอบข้างและอากาศมันได้มาก ยิ่งนั่งหัวเรือยิ่งฟินไปใหญ่เลยค่ะ

อากาศตอนเช้าๆ นี่ไม่ต้องพูดถึงว่าดีระดับไหน มันคือมีความละอองเย็นเข้าที่ปอดมากๆ หน่อย สูดมากไปจะปอดชื้นหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง เอ้า สูดดดดดดด

น้ำก็จะกระเด็นหน่อยๆ แต่มันคงเหมือนน้ำแร่ที่ซื้อมาฉีดหน้า แบบไม่ต้องซื้ออัลลิมิเต็ดไปเลยยยย

มีจังหวะต้องชะลอเรือเข้าซอกเขาด้วยนาจาา ใกล้ภูเขาแบบสุดๆ จนได้กลิ่นเขียวของพืชทีเดียว

ถึงเขาสามเกลอแล้วววว ใช่ค่ะ วุ่นวายมาก 5555 ไม่ได้ฟินเลยเอาตรงๆ นักท่องเที่ยวมารวมตัวที่นี่แบบอีรุงตุงนัง ถ่ายรูปใดๆ ก็ติด แล้วนึกออกไหมคะ ว่าเราอยู่บนเรืออ่ะมันจะขยับไปถ่ายแบบหลบนักท่องเที่ยวมันก็ไม่ได้ไหมอ่ะ เดินไปก็ตุ๋มเท่านั้นแหล่ะเทออ ภาพที่ได้ก็ฉะนี้แหล่ะข่าาา มืดเพราะย้อนแสง และเสียงนักท่องเที่ยวดังมาก แจนว่านั่งเรือเที่ยวดูเขาลูกอื่นคือฟินกว่ามาก 5555
เมื่อดูเสร็จอย่างไวด้วยความแบบเออ...ช่างมันละกัน บอกคนเรือว่าไปกันเถอะค่ะ เค้าก็พาไปที่พักอย่างไว คือแพนางไพร นางเป็นที่พักอยู่หน้าเขาสามเกลอเลยทีเดียว

มาถึงแพนี้ต้องช๊อคกับวิวค่ะ วิวดีมากกกกกก มากระดับที่ว่ามองนิ่งๆ ได้ สามเวลาหลังอาหารอ่ะค่ะ คือจุดเด่นของแพนางไพรให้ที่วิวเลยค่ะ

ถึงแล้วก็ต้องแวะเช็คอินกับป้ายสักหน่อย อย่างเคยค่ะ ถ่ายแล้วเก็บไว้รู้คนเดียวไปก่อนค่อยโชว์ตอนเข้าฝั่งละกันน

โชว์วิวอีกกกก เหมือนแพจะหันหน้าเข้าภูเขาแนวขนานเลยค่ะ เป็นภูเขาแบบเต็มตาจริงๆ

ความรู้สึกเหมือนเรามีแต่ธรรมชาติล้อมตัว สายลมและแสงแดดที่คอยโอบล้อมเรา

นี่คือเรือหางยาวที่เรานั่งมากันตลอดทริปนะคะ มีรอยรั่วเล็กๆ แต่ไม่จมหรอกเชื่อได้ 555555 แว๊นได้ทั่วเขื่อนแน่นอน

และนี่คือที่พักค่าาาาา เอาตรงๆ คือโทรมกว่าแพคลองคละ และเราก็เหมือนเดิมที่เลือกห้องที่ไม่มีอะไรเลย
แต่นี่ไม่มีแม้แต่พัดลมนาจาาา คือต้องขอโทษจริงๆ ที่ลืมถ่ายข้างในไว้จริงๆ แต่ก็มีฟูกง่ายๆ ผ้าห่มและหมอนง่ายๆ เหมือนเดิมจ้าา แต่ติดอยู่ที่ว่า ห้องพักหันเข้าพระอาทิตย์ กลางวันนี่แดดลงสุดๆ ร้อนระดับแปด มากกก แต่ที่นี่มีที่พักสองฝั่งนะคะ แต่เราพักฝั่งนี้ไม่ได้เดินไปอีกฝั่งเลย เลยไม่รู้ว่าที่พักเป็นอย่างไรบ้าง ที่นี่ห้องน้ำรวมเป็นปูน ทำเหมือนข้างบนฝั่งแต่น้ำไหลไม่แรงเท่าไหร่ แล้วก็มีแพครัวแยกอีกแพค่ะ
จุดเด่นของที่นี่มีอีกเรื่องคือปลาเยอะมากกกก เยอะแบบเหมือนเป็นถิ่นอยู่อาศัยของมันเอง ถามเจ้าที่ว่าปลาอะไร
ได้คำตอบมาว่าเป็น ปลาตะเพียนหางแดงค่ะ ชาวบ้านไม่ค่อยนิยมกินเพราะก้างเยอะ โดยที่นี่จะมีบริการให้อาหารปลาด้วยเป็นเมล็ดข้าวโพดอบแห้ง เจ้าหน้าที่บอกจะทำให้น้ำไม่เน่าใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยปลาพวกนี้จะหายไปตอนหน้าวางไข่นะคะ มันจะหายไปหมดเลย สิ่งนี้ก็แปลกดีนะคะ เพราะมันเยอะมากจนไม่คิดว่าจะหายไปหมดได้เหมือนกัน เค้าลองให้เราเอาเท้าลงไปให้ปลาทำสปาเท้า แต่แบบมันเยอะเกินน น่ากลัวหน่อยๆ แต่ปลาที่นี่เชื่องมาก
ระดับที่เจ้าหน้าที่ลูบหัวมันได้อ่ะเอ้อออ

ดูฝูงปลานี่สิคะ เจ้าหน้าที่บอกให้เอาขาหย่อนลงไปให้นางแทะ นี่ล่ะกลัวขึ้นมาแล้วขาขาดมากกว่า 5555

พาโรนามาจ้าาา ดินแดนที่แบบสนธยาจริงๆ ขออวยว่าวิวที่นี่ดีจริงๆ ดีมากกกกก
กิจกรรมของที่นี่ไม่ได้ต่างจากที่คลองคละเลยค่ะ ก็คือ ว่ายน้ำ และกิจกรรมพายเรือแคนู มีค่ามัดจำพายเหมือนเดิมม แต่เนื่องด้วยเราไปถึงกันตั้งแต่ก่อนเที่ยง จะเล่นน้ำเลยก็ดูกะไร เลยไปพายเรือแคนูเล่นกันก่อน ท้าแดดลมกันเลยจ้าาา แต่ที่นี่ต้องทำใจว่า มีทัวร์ต่างชาติมาลงเยอะ อาจจะเพราะใกล้ ปลาเยอะ วิวสวย เลยมากันเยอะ แต่ไม่ได้พักนะคะมาแปปเล่นๆ ก็ไป ทำให้คนมันจะเยอะเป็นพักๆ เราก็เลยหนีคนไปพายเรือกันไกลๆ นู่นเลย เจ้าหน้าที่บอกว่าให้ไปได้เราก็พายกันไปไกลพอควร

เมื่อพายไปไกลแล้ว เริ่มกลัวจ้าาา เริ่มเจอโขดหิน พายยากขึ้นตัดสินใจกลับกันดีกว่า

เมื่อกลับมาแล้วเราก็มารอกินข้าวกลางวันที่ทางที่พักจัด กันที่ห้องพัก วิวหน้าห้องก็จะประมาณนี้มอบโล่งามๆ ให้เลย
แต่... ร้อนเรือหายเลยจ้าาา ร้อนแบบที่ขนาดห้องข้างๆ ยกฟูกมานอนหน้าห้อง แล้วจะนอนๆ พักสักหน่อยฝรั่งนางมาโดดน้ำจ้า แพยวบในยวบ ก็แลกกันกับวิวที่ได้มาก็คุ้มอยู่เด้อออ

เมื่อถึงเวลากินข้าวกลางวันแล้ว ขอบอกว่าอาหารเป็นเหมือนเดิมของเมื่อวานเลยค่ะ เมนูเป๊ะ กลางวันเป็นผัดมะเขือกะอะไรสักอย่างจำไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นมาพักที่นี่ 2 คืนนั้น กินอาหารเมนูเดียวกันทั้งกลางวันและเย็นนะคะ ขอรีรันหน้าตาอาหารอีกรอบ ในรูปคืออาหารเย็นนะคะ

ปลานั้นไม่ใช่ปลาตะเพียนหางแดงแน่นอนจ้า
ระหว่างให้แดดล่ม ลมสงบนั้นมีความคาดหวังจะอยู่ยังไงให้ไม่ให้สุกแดดสะก่อนเลยไปนั่งเล่นเอาเท้าแช่น้ำ
ขอบอกว่าฟินมากกก เอาคลิปมาฝากด้วย

พอแดดยังไม่สงบมากนัก อดทนที่จะเล่นน้ำไม่ไหวแล้วโดดลงน้ำเลยจ้าา อย่าลืมชูชีพเด้อออ
วิวนางดี จนต้องปลุกเพื่อนมาถ่ายรูปให้ 555

มีครอบครัวนำเด็กเล็ก เด็กน้อยมาเยอะเลยค่ะ เลยแอบถ่ายความอบอุ่นของเค้าไว้สักนิด

พอเริ่มตกเย็นบรรยากาศที่ได้จะประมาณนี้ มันจะคำพูดไหนจะอธิบายได้
เอาเป็นว่าภาพถ่ายไม่สวยเท่าตาเห็นหรอกค่ะ เอารูปไปยาวๆ

ระหว่างนั่งดูวิว ส่ิงที่คิดได้คือ การทำเขื่อนเหมือนการทำบ้านสัตว์ป่าน้ำท่วม เพื่อให้มนุษย์มีชิวตอยู่รอดยังไงยังงั้น ดันมีความดาวน์ขึ้นมาจับใจเลยค่ะ ภูเขาที่ใหญ่และเยอะขนาดนี้ เคยเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์และมีสัตว์ป่าน้อยใหญ่มากแค่ไหน แม้จะย้ายสรรพสัตว์ได้แต่คงไม่น่าหมดแน่นอน มีไม่น้อยที่กลายเป็นอินทรีย์อยู่ใต้เขื่อนนี้ ถึงแม้วันนี้จะทำอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำได้คงได้แต่ขอบคุณเค้าในใจ แล้วให้ความเคารพต่อสิ่งมีชีวิตมีบุญคุณกับเราขนาดนี้
แน่นอนค่ะมีพบและมีจากการใช้ชีวิตที่เขื่อนเชี่ยวหลานนี้ ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เนต โทรศัพท์ และความวุ่นวาย หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ เราก็ซัดคนละป๋องชมทิวทัศน์และลมเย็นๆ นอนคิดเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา ก่อนจะเข้านอนกันอย่างรวดเร็ว เพื่อกลับไปเผชิญกับโลกแห่งความจริงในวันพรุ่งนี้
วันที่ 4 ได้เวลากลับสู่โลกความจริงแล้วค่ะ เก็บของ ทานอาหารเช้า พร้อมที่จะกลับเข้าฝั่ง ใจยังไม่พร้อม แต่ชีวิตต้องมัทโกออนค่ะ กระโดดขึ้นเรืออีกรอบ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการจากลา

สัญญาณโทรศัพท์เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเต็ม ย้ำเตือนความจริงที่เข้ามา

มองอะไรก็คิดถึงการจากลาค่ะ เป็นการท่องเที่ยวที่เสมือนเมืองมายายังไงยังงั้น ไม่อยากกลับเมืองวุ่นวายจริงๆ

การเดินทางมีจาก มีเดินทางอีกครั้งค่ะ ทำใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว สำหรับครั้งนี้แจนขอลาไปพร้อมมอบความสุขจากการเดินทางครั้งนี้ให้ทุกคนที่อ่านรีวิวนี้นะคะ เรื่องบางเรื่องแจนอาจเก็บไม่หมดเพราะไม่ตั้งใจเก็บกลับมาเขียนค่ะ เรียกว่าแจนแชร์ประสบการณ์ที่มีความสุขให้เพื่อนๆ ละกันนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบค่ะ

[CR] เขื่อนเชี่ยวหลาน ปลีกวิเวกสู่โลกส่วนตัว ตัดขาดโลก ปลดปล่อยหัวใจ และสมองไปกับสายน้ำและผืนป่า ตอนที่ 2
เรามาต่อกันเลยนะคะ เรายังคงอยู่ที่วันที่ 3 นะคะ กับการเดินทางออกจากแพคลองคละสู่แพรนางไพร สิ่งที่แจนชอบที่สุดในทริปต้องบอกเลยว่าคือการนั่งเรือหางยาวชมเขื่อน คือดีมากก วิวรอบข้างและอากาศมันได้มาก ยิ่งนั่งหัวเรือยิ่งฟินไปใหญ่เลยค่ะ
อากาศตอนเช้าๆ นี่ไม่ต้องพูดถึงว่าดีระดับไหน มันคือมีความละอองเย็นเข้าที่ปอดมากๆ หน่อย สูดมากไปจะปอดชื้นหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง เอ้า สูดดดดดดด
น้ำก็จะกระเด็นหน่อยๆ แต่มันคงเหมือนน้ำแร่ที่ซื้อมาฉีดหน้า แบบไม่ต้องซื้ออัลลิมิเต็ดไปเลยยยย
มีจังหวะต้องชะลอเรือเข้าซอกเขาด้วยนาจาา ใกล้ภูเขาแบบสุดๆ จนได้กลิ่นเขียวของพืชทีเดียว
ถึงเขาสามเกลอแล้วววว ใช่ค่ะ วุ่นวายมาก 5555 ไม่ได้ฟินเลยเอาตรงๆ นักท่องเที่ยวมารวมตัวที่นี่แบบอีรุงตุงนัง ถ่ายรูปใดๆ ก็ติด แล้วนึกออกไหมคะ ว่าเราอยู่บนเรืออ่ะมันจะขยับไปถ่ายแบบหลบนักท่องเที่ยวมันก็ไม่ได้ไหมอ่ะ เดินไปก็ตุ๋มเท่านั้นแหล่ะเทออ ภาพที่ได้ก็ฉะนี้แหล่ะข่าาา มืดเพราะย้อนแสง และเสียงนักท่องเที่ยวดังมาก แจนว่านั่งเรือเที่ยวดูเขาลูกอื่นคือฟินกว่ามาก 5555
เมื่อดูเสร็จอย่างไวด้วยความแบบเออ...ช่างมันละกัน บอกคนเรือว่าไปกันเถอะค่ะ เค้าก็พาไปที่พักอย่างไว คือแพนางไพร นางเป็นที่พักอยู่หน้าเขาสามเกลอเลยทีเดียว
มาถึงแพนี้ต้องช๊อคกับวิวค่ะ วิวดีมากกกกกก มากระดับที่ว่ามองนิ่งๆ ได้ สามเวลาหลังอาหารอ่ะค่ะ คือจุดเด่นของแพนางไพรให้ที่วิวเลยค่ะ
ถึงแล้วก็ต้องแวะเช็คอินกับป้ายสักหน่อย อย่างเคยค่ะ ถ่ายแล้วเก็บไว้รู้คนเดียวไปก่อนค่อยโชว์ตอนเข้าฝั่งละกันน
โชว์วิวอีกกกก เหมือนแพจะหันหน้าเข้าภูเขาแนวขนานเลยค่ะ เป็นภูเขาแบบเต็มตาจริงๆ
ความรู้สึกเหมือนเรามีแต่ธรรมชาติล้อมตัว สายลมและแสงแดดที่คอยโอบล้อมเรา
นี่คือเรือหางยาวที่เรานั่งมากันตลอดทริปนะคะ มีรอยรั่วเล็กๆ แต่ไม่จมหรอกเชื่อได้ 555555 แว๊นได้ทั่วเขื่อนแน่นอน
และนี่คือที่พักค่าาาาา เอาตรงๆ คือโทรมกว่าแพคลองคละ และเราก็เหมือนเดิมที่เลือกห้องที่ไม่มีอะไรเลย
แต่นี่ไม่มีแม้แต่พัดลมนาจาาา คือต้องขอโทษจริงๆ ที่ลืมถ่ายข้างในไว้จริงๆ แต่ก็มีฟูกง่ายๆ ผ้าห่มและหมอนง่ายๆ เหมือนเดิมจ้าา แต่ติดอยู่ที่ว่า ห้องพักหันเข้าพระอาทิตย์ กลางวันนี่แดดลงสุดๆ ร้อนระดับแปด มากกก แต่ที่นี่มีที่พักสองฝั่งนะคะ แต่เราพักฝั่งนี้ไม่ได้เดินไปอีกฝั่งเลย เลยไม่รู้ว่าที่พักเป็นอย่างไรบ้าง ที่นี่ห้องน้ำรวมเป็นปูน ทำเหมือนข้างบนฝั่งแต่น้ำไหลไม่แรงเท่าไหร่ แล้วก็มีแพครัวแยกอีกแพค่ะ
จุดเด่นของที่นี่มีอีกเรื่องคือปลาเยอะมากกกก เยอะแบบเหมือนเป็นถิ่นอยู่อาศัยของมันเอง ถามเจ้าที่ว่าปลาอะไร
ได้คำตอบมาว่าเป็น ปลาตะเพียนหางแดงค่ะ ชาวบ้านไม่ค่อยนิยมกินเพราะก้างเยอะ โดยที่นี่จะมีบริการให้อาหารปลาด้วยเป็นเมล็ดข้าวโพดอบแห้ง เจ้าหน้าที่บอกจะทำให้น้ำไม่เน่าใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยปลาพวกนี้จะหายไปตอนหน้าวางไข่นะคะ มันจะหายไปหมดเลย สิ่งนี้ก็แปลกดีนะคะ เพราะมันเยอะมากจนไม่คิดว่าจะหายไปหมดได้เหมือนกัน เค้าลองให้เราเอาเท้าลงไปให้ปลาทำสปาเท้า แต่แบบมันเยอะเกินน น่ากลัวหน่อยๆ แต่ปลาที่นี่เชื่องมาก
ระดับที่เจ้าหน้าที่ลูบหัวมันได้อ่ะเอ้อออ
ดูฝูงปลานี่สิคะ เจ้าหน้าที่บอกให้เอาขาหย่อนลงไปให้นางแทะ นี่ล่ะกลัวขึ้นมาแล้วขาขาดมากกว่า 5555
พาโรนามาจ้าาา ดินแดนที่แบบสนธยาจริงๆ ขออวยว่าวิวที่นี่ดีจริงๆ ดีมากกกกก
กิจกรรมของที่นี่ไม่ได้ต่างจากที่คลองคละเลยค่ะ ก็คือ ว่ายน้ำ และกิจกรรมพายเรือแคนู มีค่ามัดจำพายเหมือนเดิมม แต่เนื่องด้วยเราไปถึงกันตั้งแต่ก่อนเที่ยง จะเล่นน้ำเลยก็ดูกะไร เลยไปพายเรือแคนูเล่นกันก่อน ท้าแดดลมกันเลยจ้าาา แต่ที่นี่ต้องทำใจว่า มีทัวร์ต่างชาติมาลงเยอะ อาจจะเพราะใกล้ ปลาเยอะ วิวสวย เลยมากันเยอะ แต่ไม่ได้พักนะคะมาแปปเล่นๆ ก็ไป ทำให้คนมันจะเยอะเป็นพักๆ เราก็เลยหนีคนไปพายเรือกันไกลๆ นู่นเลย เจ้าหน้าที่บอกว่าให้ไปได้เราก็พายกันไปไกลพอควร
เมื่อพายไปไกลแล้ว เริ่มกลัวจ้าาา เริ่มเจอโขดหิน พายยากขึ้นตัดสินใจกลับกันดีกว่า
เมื่อกลับมาแล้วเราก็มารอกินข้าวกลางวันที่ทางที่พักจัด กันที่ห้องพัก วิวหน้าห้องก็จะประมาณนี้มอบโล่งามๆ ให้เลย
แต่... ร้อนเรือหายเลยจ้าาา ร้อนแบบที่ขนาดห้องข้างๆ ยกฟูกมานอนหน้าห้อง แล้วจะนอนๆ พักสักหน่อยฝรั่งนางมาโดดน้ำจ้า แพยวบในยวบ ก็แลกกันกับวิวที่ได้มาก็คุ้มอยู่เด้อออ
เมื่อถึงเวลากินข้าวกลางวันแล้ว ขอบอกว่าอาหารเป็นเหมือนเดิมของเมื่อวานเลยค่ะ เมนูเป๊ะ กลางวันเป็นผัดมะเขือกะอะไรสักอย่างจำไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นมาพักที่นี่ 2 คืนนั้น กินอาหารเมนูเดียวกันทั้งกลางวันและเย็นนะคะ ขอรีรันหน้าตาอาหารอีกรอบ ในรูปคืออาหารเย็นนะคะ
ปลานั้นไม่ใช่ปลาตะเพียนหางแดงแน่นอนจ้า
ระหว่างให้แดดล่ม ลมสงบนั้นมีความคาดหวังจะอยู่ยังไงให้ไม่ให้สุกแดดสะก่อนเลยไปนั่งเล่นเอาเท้าแช่น้ำ
ขอบอกว่าฟินมากกก เอาคลิปมาฝากด้วย
พอแดดยังไม่สงบมากนัก อดทนที่จะเล่นน้ำไม่ไหวแล้วโดดลงน้ำเลยจ้าา อย่าลืมชูชีพเด้อออ
วิวนางดี จนต้องปลุกเพื่อนมาถ่ายรูปให้ 555
มีครอบครัวนำเด็กเล็ก เด็กน้อยมาเยอะเลยค่ะ เลยแอบถ่ายความอบอุ่นของเค้าไว้สักนิด
พอเริ่มตกเย็นบรรยากาศที่ได้จะประมาณนี้ มันจะคำพูดไหนจะอธิบายได้
เอาเป็นว่าภาพถ่ายไม่สวยเท่าตาเห็นหรอกค่ะ เอารูปไปยาวๆ
ระหว่างนั่งดูวิว ส่ิงที่คิดได้คือ การทำเขื่อนเหมือนการทำบ้านสัตว์ป่าน้ำท่วม เพื่อให้มนุษย์มีชิวตอยู่รอดยังไงยังงั้น ดันมีความดาวน์ขึ้นมาจับใจเลยค่ะ ภูเขาที่ใหญ่และเยอะขนาดนี้ เคยเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์และมีสัตว์ป่าน้อยใหญ่มากแค่ไหน แม้จะย้ายสรรพสัตว์ได้แต่คงไม่น่าหมดแน่นอน มีไม่น้อยที่กลายเป็นอินทรีย์อยู่ใต้เขื่อนนี้ ถึงแม้วันนี้จะทำอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำได้คงได้แต่ขอบคุณเค้าในใจ แล้วให้ความเคารพต่อสิ่งมีชีวิตมีบุญคุณกับเราขนาดนี้
แน่นอนค่ะมีพบและมีจากการใช้ชีวิตที่เขื่อนเชี่ยวหลานนี้ ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เนต โทรศัพท์ และความวุ่นวาย หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ เราก็ซัดคนละป๋องชมทิวทัศน์และลมเย็นๆ นอนคิดเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา ก่อนจะเข้านอนกันอย่างรวดเร็ว เพื่อกลับไปเผชิญกับโลกแห่งความจริงในวันพรุ่งนี้
วันที่ 4 ได้เวลากลับสู่โลกความจริงแล้วค่ะ เก็บของ ทานอาหารเช้า พร้อมที่จะกลับเข้าฝั่ง ใจยังไม่พร้อม แต่ชีวิตต้องมัทโกออนค่ะ กระโดดขึ้นเรืออีกรอบ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการจากลา
สัญญาณโทรศัพท์เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเต็ม ย้ำเตือนความจริงที่เข้ามา
มองอะไรก็คิดถึงการจากลาค่ะ เป็นการท่องเที่ยวที่เสมือนเมืองมายายังไงยังงั้น ไม่อยากกลับเมืองวุ่นวายจริงๆ
การเดินทางมีจาก มีเดินทางอีกครั้งค่ะ ทำใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว สำหรับครั้งนี้แจนขอลาไปพร้อมมอบความสุขจากการเดินทางครั้งนี้ให้ทุกคนที่อ่านรีวิวนี้นะคะ เรื่องบางเรื่องแจนอาจเก็บไม่หมดเพราะไม่ตั้งใจเก็บกลับมาเขียนค่ะ เรียกว่าแจนแชร์ประสบการณ์ที่มีความสุขให้เพื่อนๆ ละกันนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบค่ะ