พระพุทธองค์ทรงสอนให้ยึดธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ยึดคำเป็นที่พึ่ง พระไตรปิฎกก็เป็นดุจเข็มทิศชี้ทาง ไม่ใช่ยึดเข็มทิศนั่นว่าเป็นทาง จะถึงทางมันต้องออกเดิน ไม่ใช่นั่งกอดเข็มทิศ”
การที่ อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล กล่าวว่า “พระพุทธองค์ทรงสอนให้ยึดธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ยึดคำเป็นที่พึ่ง พระไตรปิฎกก็เป็นดุจเข็มทิศชี้ทาง ไม่ใช่ยึดเข็มทิศนั่นว่าเป็นทาง จะถึงทางมันต้องออกเดิน ไม่ใช่นั่งกอดเข็มทิศ” ใน วิภงฺค.อ.(สมฺโมหวิโนทนี) หน้า ๕๑๔ (มจร.) กล่าวไว้ว่า

“แม้ภิกษุผู้มีปัญญาทราม นั่งในท่ามกลางผู้อุปัฏฐากทั้งหลายแล้ว กล่าวอยู่เป็นต้นว่า “พวกเราละทิ้งพระปริยัติธรรมแล้ว ด้วยความคิดว่า 'เมื่อเราตรวจดูธรรมสามหมวดที่ทำให้สัตว์เนิ่นช้าในมัชฌิมนิกายอยู่, มรรคนั่นแหละมาแล้วพร้อมด้วยฤทธิ์, ธรรมดาพระปริยัติธรรม เป็นสิ่งที่กระทำได้โดยไม่ยากสำหรับพวกเรา, แท้จริงการสนใจในพระปริยัติธรรม ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ได้” ดังนี้ ย่อมแสดงความที่ตนเป็นผู้มีปัญญามาก
ก็เมื่อภิกษุกล่าวอยู่อย่างนี้ ย่อมให้การทำลายล้างในพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น, ชื่อว่ามหาโจรผู้เช่นกับด้วยภิกษุนี้ ย่อมไม่ม เพราะว่าบุคคลผู้ทรงพระปริยัติธรรมไว้ ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ หามีไม่”
ดังนั้นการที่ อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล กล่าวเช่นนี้ถือว่าเป็นการทำลายล้างพระพุทธศาสนาหรือไม่
สุดท้ายนี้ขอยกคำของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
ความว่า “ใครก็ตามที่กล่าวอ้างตนปฏิบัติได้โดยไม่อาศัยพระไตรปิฎกก็คือพูดว่า ปฏิบัติตนได้โดยไม่ต้องอาศัยพระพุทธเจ้า เราจะเรียกการปฏิบัตินั้นว่าเป็นพระพุทธศาสนาได้อย่างไร แน่นอนว่านั่นเป็นการปฏิบัติลัทธิความเชื่อหรือความคิดของตัวเขาเองหรือของใครอื่น ที่คิดข้อปฏิบัตินั้นขึ้นมา”
อย่าไปหลงกับมาร ที่มาต่อว่าขัดขวางท่านอาจารย์อัจฉราวดี
บาปนี่หนักหนานัก จะตกนรกหลายแสนกัป
พระพุทธองค์ไม่เคยสอนให้ท่องจำ มีแต่ทรงสอนให้นั่งภาวนาให้ปลีกวิเวก ให้มีอินทรีย์สังวร ให้มีสติรู้วางอุเบกขา
การที่ อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล กล่าวว่า “พระพุทธองค์ทรงสอนให้ยึดธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ยึดคำเป็นที่พึ่ง พระไตรปิฎกก็เป็นดุจเข็มทิศชี้ทาง ไม่ใช่ยึดเข็มทิศนั่นว่าเป็นทาง จะถึงทางมันต้องออกเดิน ไม่ใช่นั่งกอดเข็มทิศ” ใน วิภงฺค.อ.(สมฺโมหวิโนทนี) หน้า ๕๑๔ (มจร.) กล่าวไว้ว่า
“แม้ภิกษุผู้มีปัญญาทราม นั่งในท่ามกลางผู้อุปัฏฐากทั้งหลายแล้ว กล่าวอยู่เป็นต้นว่า “พวกเราละทิ้งพระปริยัติธรรมแล้ว ด้วยความคิดว่า 'เมื่อเราตรวจดูธรรมสามหมวดที่ทำให้สัตว์เนิ่นช้าในมัชฌิมนิกายอยู่, มรรคนั่นแหละมาแล้วพร้อมด้วยฤทธิ์, ธรรมดาพระปริยัติธรรม เป็นสิ่งที่กระทำได้โดยไม่ยากสำหรับพวกเรา, แท้จริงการสนใจในพระปริยัติธรรม ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ได้” ดังนี้ ย่อมแสดงความที่ตนเป็นผู้มีปัญญามาก
ก็เมื่อภิกษุกล่าวอยู่อย่างนี้ ย่อมให้การทำลายล้างในพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น, ชื่อว่ามหาโจรผู้เช่นกับด้วยภิกษุนี้ ย่อมไม่ม เพราะว่าบุคคลผู้ทรงพระปริยัติธรรมไว้ ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ หามีไม่”
ดังนั้นการที่ อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล กล่าวเช่นนี้ถือว่าเป็นการทำลายล้างพระพุทธศาสนาหรือไม่
สุดท้ายนี้ขอยกคำของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
ความว่า “ใครก็ตามที่กล่าวอ้างตนปฏิบัติได้โดยไม่อาศัยพระไตรปิฎกก็คือพูดว่า ปฏิบัติตนได้โดยไม่ต้องอาศัยพระพุทธเจ้า เราจะเรียกการปฏิบัตินั้นว่าเป็นพระพุทธศาสนาได้อย่างไร แน่นอนว่านั่นเป็นการปฏิบัติลัทธิความเชื่อหรือความคิดของตัวเขาเองหรือของใครอื่น ที่คิดข้อปฏิบัตินั้นขึ้นมา”
อย่าไปหลงกับมาร ที่มาต่อว่าขัดขวางท่านอาจารย์อัจฉราวดี บาปนี่หนักหนานัก จะตกนรกหลายแสนกัป