สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นขอเเนะนำตัวเองก่อนนะค่ะ พี่ชื่อ พี่เตย นะค่ะ พี่เป็นนักศึกษาศิลปศาสตร์สาขาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเเม่ฟ้าหลวงคะ

จากประสบการณ์ตั้งแต่มาฝึกงานวันแรกเลย พี่คิดว่าการทำงานในสถานประกอบการน่าจะเคร่งครัดเพราะว่าโรงเรียนนิวสแตมฟอร์ด อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการ แต่เมื่อได้มาทำงานจริงๆแล้วกลับพบว่าเป็นระบบการทำงานแบบเป็นครอบครัว ไม่มีพิธีรีตองมากมาย เนื่องด้วยจากผู้ก่อตั้งเป็นคนหัวสมัยใหม่ และยังเป็นวัยรุ่นอยู่ สังคม ณ ที่ทำงานจึงมีความเป็นกันเองสูง แต่ไม่ถึงกับไม่มีความเคารพ พี่ๆที่ทำงานมีความเป็นกันเอง ใจดี ช่วยเหลือ มีน้ำใจ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และที่สำคัญคือความเห็นอกเห็นใจกันต่อเพื่อนร่วมงานคือสิ่งสำคัญ ที่พี่ได้เรียนรู้ ณ โรงเรียนแห่งนี้ ประโยชน์ที่พี่ได้รับจากที่ฝึกงานคือ ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา พี่ได้เรียนรู้งานหลายงาน อาทิ งานเอกสาร การเตรียมแผนการสอน การสอนเด็ก งานบ้าน จนกระทั่งงานชั่ง ประโยชน์ที่พี่ได้รับคือการมองการเรียนเชิงธุรกิจ เพราะการเรียนคือการลงทุนอย่างหนึ่งซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ มีการลงทุนมากมายในโลกใบนี้ แต่การลงทุนที่ยั่งยืนคือการลงทุนกับความรู้ และเปิดสถาบันสอนภาษา
ถือว่าเป็นธุรกิจที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ณ ปัจจุบัน เพราะผู้ปกครองต่างให้ความสนใจต่อความรู้ความสามารถของลูกของตน ดังนั้นนอกเหนือจากประโยชน์จากการเรียนรู้การสอนและดูแลเด็กเล็กแล้ว พี่ก็ได้เรียนรู้เรื่องมุมมองทางธุรกิจและวิสัยทัศน์ของผู้บุกเบิกโรงเรียน ซึ่งน้องๆสามารถเรียนรู้และนำเอาไปเป็นแนวทางการเปิดโรงเรียนสอนพิเศษ หรือสถานบันสอนต่างๆในอนาคตได้อีกด้วย ประสบการณืที่จากการฝึกงานมาใช้ในปัจจุบัน สิ่งที่พี่นำมาใช้ในชีวิตปัจจุบันเลยคือการเข้าสังคมและการปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานใหม่ เพราะในรั้วมหาวิทยาลัยน้องๆจะมีกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกันมานาน สนิท และเข้าใจกัน ส่วนที่ฝึกงานนั้นจะมีคนทุกระดับตั้งแต่แม่บ้านจนถึงผู้บริหาร ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้ว่านิสัยใจคอแต่ละคนเป็นอย่างไร ดังนั้นการทำความเคารพนอบน้อมต่อผู้ใหญ่นั้นสำคัญมาก ถึงแม้ว่าจะมีตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหนเราก็ต้องเคารพและให้เกียรติทุกคน เพราะทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ การเคารพนอบน้อมต่อผู้อาวุโสที่รู้จักและไม่รู้จักจึงเป็นสิ่งสำคัญ และนั่นจะบ่งบอกถึงพื้นฐานด้านจิตใจ ครอบครัว และความรู้การศึกษา ของตัวเราเอง อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือการแบ่งปันและมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงานและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง สิ่งที่พี่เรียนรู้จากที่ฝึกงานคือ ถึงแม้เราจะสูงส่งมาจากไหน ก็อย่าลืมที่จะมีน้ำใจต่อคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าเราต้องได้พึ่งพิงกันและกันในอนาคต การสร้างสังคมเพื่อนร่วมงานและคู่ค้าธุรกิจยิ่งสำคัญ การที่เราร่วมกิจกรรม และเจอคนมากมาย สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และนั่นอาจจะทำให้เรามีโอกาสในการพัฒนาตนเองและธุรกิจควบคู่ไปด้วยกัน เเละสิ่งที่พี่อยากฝากน้องๆก่อนฝึกปฏิบัติงาน คือพี่อยากให้น้องๆเตรียมความอดทน การเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ร่างกาย และจิตใจ ของน้องๆก่อนมาฝึกงาน พี่โชคดีที่เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี และน่ารัก นิสัยเข้ากันได้ แต่ถ้าหากน้องๆไปทำงานที่อื่น เราอาจจะเจอคนหลายรูปแบบที่นิสัยอาจจะแตกต่างจากเราอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงอยากจะฝากให้น้องๆ เปิดใจและเตรียมพร้อมที่จะเจอกับผู้คนในสังคมการทำงาน เรื่องเวลาหากน้องๆเป็นคนไม่ตรงเวลา พี่ขอแนะนำว่าควรปรับปรุงการบริหารจัดการเวลาชีวิตของเรา เพราะในชีวิตเรียนเราอาจจะเข้าเรียนสายได้ 15 นาที แต่ที่ก็ไม่มีใครว่าอะไร(หากอาจารย์ใจดี) สาย 15 ที่ทำงานถือว่าโดนปรับเป็นเงินเป็นทอง และยังถูกจับตามองจากหัวหน้าที่ทำงานเป็นพิเศษ ดังนั้นการสร้างระเบียบวินัยต่อตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตการทำงานในอนาคตของน้องๆ จึงอยากให้น้องๆทุกคนใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษด้วย

เเละเรื่องสุดท้ายคือสิ่งที่พี่อยากเเนะนำรุ่นน้องที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาพี่อยากแนะนำว่าจริงๆแล้วการฝึกงานไม่ได้ตัดสินชีวิตเราว่าถ้าฝึกงานแบบนี้ เราต้องไปทำงานแนวนี้ สิ่งที่พี่อยากบอกคือ ฝึกงานที่คิดว่าชอบจริงๆ สำหรับคนที่รู้ตัวเองว่าต้องการจะทำงานต่อด้านไหนจะช่วยให้ได้รับประสบการณ์และมีโอกาสในการทำงานมากขึ้น ส่วนคนที่ลังเลอยู่ให้เลือกอาชีพที่คิดว่าในชีวิตจริงเราคงได้ไปทำงานแบบนั้นหรืออาชีพที่เราสนใจ เพื่อที่ครั้งหนึ่งในชีวิต เราจะได้รับประสบการณ์ที่เราไม่สามรถหาได้ในรั้วมหาวิทยาลัย สำหรับคนที่จะจบไป พี่อยากให้น้องๆรีบๆตามหาเป้าหมายในชีวิตว่าน้องๆอยากทำอะไร เมื่อน้องๆหาเจอเราก็จะประสบผลสำเร็จเร็ว ส่วนคนที่ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะทำอะไร พี่อยากให้น้องๆลองทำงานหาประสบการณ์ดูก่อน ถ้าหากไม่ใช่เราก็ยังมีโอกาสหาประสบการณ์ใหม่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจองานที่ใช่สำหรับเรา เพราะเรายังมีเวลาอีกหลายปีลองผิดลองถูกดู ไม่แน่งานที่ใช่สำหรับเราอาจจะเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนในชีวิตก็เป็นได้ ไม่ต้องเครียดและลองเปิดใจนะค่ะเเละสิ่งที่พี่นำมาเเชร์นี้ก็หวังว่าจะเป็นทางเลือกเเละประโยชน์กับน้องๆที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะฝึกงานที่ไหนดี จะต้องเจออะไรบ้าง ไม่ว่าจะเจออะไรอยากให้น้องๆคิดไว้เสมอว่ามันคือประสบการณ์ก่อนออกไปใช้ชีวิตวัยทำงานเเบบจริงจัง หาเป้าหมายตัวเองให้เจอเเล้วก็ทำมันให้เต็มความสามารถ เป็นกำลังใจให้น้องๆทุกคนนะค่ะ จากพี่เตย
[CR] เเชร์ประสบการณ์การฝึกงานโรงเรียน Newstamford เชียงใหม่
ถือว่าเป็นธุรกิจที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ณ ปัจจุบัน เพราะผู้ปกครองต่างให้ความสนใจต่อความรู้ความสามารถของลูกของตน ดังนั้นนอกเหนือจากประโยชน์จากการเรียนรู้การสอนและดูแลเด็กเล็กแล้ว พี่ก็ได้เรียนรู้เรื่องมุมมองทางธุรกิจและวิสัยทัศน์ของผู้บุกเบิกโรงเรียน ซึ่งน้องๆสามารถเรียนรู้และนำเอาไปเป็นแนวทางการเปิดโรงเรียนสอนพิเศษ หรือสถานบันสอนต่างๆในอนาคตได้อีกด้วย ประสบการณืที่จากการฝึกงานมาใช้ในปัจจุบัน สิ่งที่พี่นำมาใช้ในชีวิตปัจจุบันเลยคือการเข้าสังคมและการปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานใหม่ เพราะในรั้วมหาวิทยาลัยน้องๆจะมีกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกันมานาน สนิท และเข้าใจกัน ส่วนที่ฝึกงานนั้นจะมีคนทุกระดับตั้งแต่แม่บ้านจนถึงผู้บริหาร ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้ว่านิสัยใจคอแต่ละคนเป็นอย่างไร ดังนั้นการทำความเคารพนอบน้อมต่อผู้ใหญ่นั้นสำคัญมาก ถึงแม้ว่าจะมีตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหนเราก็ต้องเคารพและให้เกียรติทุกคน เพราะทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ การเคารพนอบน้อมต่อผู้อาวุโสที่รู้จักและไม่รู้จักจึงเป็นสิ่งสำคัญ และนั่นจะบ่งบอกถึงพื้นฐานด้านจิตใจ ครอบครัว และความรู้การศึกษา ของตัวเราเอง อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือการแบ่งปันและมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงานและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง สิ่งที่พี่เรียนรู้จากที่ฝึกงานคือ ถึงแม้เราจะสูงส่งมาจากไหน ก็อย่าลืมที่จะมีน้ำใจต่อคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าเราต้องได้พึ่งพิงกันและกันในอนาคต การสร้างสังคมเพื่อนร่วมงานและคู่ค้าธุรกิจยิ่งสำคัญ การที่เราร่วมกิจกรรม และเจอคนมากมาย สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และนั่นอาจจะทำให้เรามีโอกาสในการพัฒนาตนเองและธุรกิจควบคู่ไปด้วยกัน เเละสิ่งที่พี่อยากฝากน้องๆก่อนฝึกปฏิบัติงาน คือพี่อยากให้น้องๆเตรียมความอดทน การเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ร่างกาย และจิตใจ ของน้องๆก่อนมาฝึกงาน พี่โชคดีที่เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี และน่ารัก นิสัยเข้ากันได้ แต่ถ้าหากน้องๆไปทำงานที่อื่น เราอาจจะเจอคนหลายรูปแบบที่นิสัยอาจจะแตกต่างจากเราอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงอยากจะฝากให้น้องๆ เปิดใจและเตรียมพร้อมที่จะเจอกับผู้คนในสังคมการทำงาน เรื่องเวลาหากน้องๆเป็นคนไม่ตรงเวลา พี่ขอแนะนำว่าควรปรับปรุงการบริหารจัดการเวลาชีวิตของเรา เพราะในชีวิตเรียนเราอาจจะเข้าเรียนสายได้ 15 นาที แต่ที่ก็ไม่มีใครว่าอะไร(หากอาจารย์ใจดี) สาย 15 ที่ทำงานถือว่าโดนปรับเป็นเงินเป็นทอง และยังถูกจับตามองจากหัวหน้าที่ทำงานเป็นพิเศษ ดังนั้นการสร้างระเบียบวินัยต่อตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตการทำงานในอนาคตของน้องๆ จึงอยากให้น้องๆทุกคนใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษด้วย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น