ยัยน้ำเพื่อนรัก!!!

ประสบการณ์ชีวิต ขอเรียบเรียงผ่านตัวอักษรที่ผ่านการระลึกถึง นึกคิด เรียบเรียง รวบรวมเรื่องราวของคนสองคน เรา และ น้ำ  
เพื่อนวัยเยาว์ที่มีไมตรีจิตรต่อกันมายาวนาน ใครเคยเล่นผีถ้วยแก้วบ้างคะ? เกินครึ่งของคนที่อ่านอยู่นี้เราเชื่อว่าเคยเล่นแน่นอน
และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น บางครั้งเราสามารถพิสูจน์ได้จากเหตุการณ์หลังจากนั้นว่าสิ่งที่เราลองดีมันมีจริง หรือบางครั้งอาจเป็น
เพียงแค่เรามโนไปเอง...

……………………………………………………………
บ่ายแก่ ๆ ของวิชาพละศึกษา ณ โรงเรียนประถมใจกลางเมืองกรุงแห่งหนึ่ง เราพร้อมเพื่อนนักเรียนนุ่งกางเกงวอร์มสีดำกำลังเล่น
กระโดดหนังยางหลังจากครูปล่อยให้พักครึ่ง ก่อนที่จะมีการฝึกสอนตีลังกาม้วนหน้าม้วนหลังตามหลักสูตร ในกลุ่มของเพื่อนจะต้อง
มีคนหนึ่งที่เป็นหัวโจกแทบจะทุกเรื่องไม่ว่าจะกิน เล่น ลอกการบ้านหรืออะไรก็แล้วแต่ “น้ำ” เด็กผู้หญิงตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มถูกตั้ง
ให้เป็นหัวหน้ากลุ่มไปโดยปริยาย พวกเราวิเคราะห์จากน้ำหนัก รูปร่างและความสูง เธอจึงเหมาะสมที่สุดในการเป็นผู้นำพวกเรา

“ไม่อยากเรียนแล้ว เราว่าเราม้วนตัวไม่ไหวแน่เลย” น้ำเริ่มบ่นในขณะที่เธอกำลังถือหนังยางที่ถูกมัดต่อเป็นเส้นยาวแนบอยู่กับหู

“ไม่ยากหรอกน่า ลองทำดูเดี๋ยวครูก็สอน” เราที่ยืนจับอยู่อีกฝั่งตะโกนบอก

“แล้วถ้าเราตีลังกาไม่พ้น ครูจะดุเราไหม” น้ำบ่นต่อ

“จะเอายังไงล่ะ เดี๋ยวครูก็เป่านกหวีดเรียกแล้วนะ” เพื่อนอีกคนที่กระโดดข้ามหนังยางแม่หูไปอีกฝั่งจนหน้าเกือบคะมำกับพื้นพูดขึ้น

“เราแกล้งป่วยได้ไหม นะนะ เราป่วยนะ ฝากบอกครูด้วย” น้ำพูดจบแล้วปล่อยมือออกจากหนังยางที่จับแนบกับหูอย่างรวดเร็ว
หนังยางที่ถูกยืดจนตึงเมื่อมีการปล่อยจากที่ยึดเหนี่ยวของอีกฝั่งมันก็เด้งกลับมาดีดใส่อีกฝั่งอย่างรุนแรงทันที!!!
ค่ะ มันดีดกลับมาใส่หน้าเราเต็ม ๆ โดนเข้าที่เบ้าตา ฉะนั้น ความเจ็บปวดคงไม่ต้องพูดถึง เสียงดังเปรี๊ยะ!!! เราร้องโอ๊ย!!!
แล้วก้มหน้าเอามือจับตาไว้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว

“ตายแล้ววววว เป็นยังไงบ้าง เล่นอะไรกันทำไมไม่ดูเพื่อนเลย ห๊ะ!!!” ครูที่เดินมาเห็นเหตุการณ์รีบวิ่งเข้ามาหาเรา

“ไม่ต้องตีลังกามันแล้ว ไปเลยยัยน้ำ พาเพื่อนไปที่ห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้” ครูเอ็ดน้ำพร้อมสั่งให้พาเราไปที่ห้องพยาบาล

ระหว่างที่น้ำเดินประคองเราไปที่ห้องพยาบาล เราก็บอกให้น้ำไปเรียนเถอะเดี๋ยวเราเดินไปเองได้ แต่น้ำก็ยังยืนยันว่าจะ
ไปส่งเราให้ได้ น้ำบอกให้เราเดินจับตาไว้แบบนั้นแหละไม่ต้องปล่อย ครูจะได้ให้นอนพักจนเลิกเรียน หึ... เราก็ต้องจับตา
เราไว้อยู่แล้วสิ หนังยางดีดเข้าเบ้าตาซะขนาดนั้น!!! หลังจากครูประจำห้องพยาบาลตรวจตาและเช็คความเรียบร้อยเสร็จ
ก็ถามเราว่าจะกลับไปเรียนพละต่อหรือจะนอนพัก เราซึ่งยังไม่ทันตอบ น้ำก็พูดแทรกขึ้นมา “นอนพักเถอะ เผื่อตาบอด
จะได้ช่วยทัน นะนะ”  น้ำทำหน้าตาเว้าวอน เราจึงจำยอมขอนอนพักทั้งที่ใจจริงเราอยากไปตีลังกาก็ตาม นักเรียนสองคน
ที่คนหนึ่งป่วยตาเกือบบอด กับอีกคนหนึ่งที่อยากจะป่วย นอนอยู่บนเตียงข้าง ๆ กันในห้องพยาบาลที่ปิดไฟ เปิดแค่
หน้าต่างเอาไว้รับลมและพอให้แสงลอดเข้ามาในห้องบนอาคารไม้ชั้น 2 ที่ตั้งอยู่หลังสุดของโรงเรียน เวลาผ่านไปได้สักพัก
ความเงียบก็เข้ามาครอบงำ บรรยากาศแบบนี้คงหนีไม่พ้นการเล่าเรื่องผี การเล่าเรื่องผีในห้องเรียน ห้องสมุด โรงอาหาร
หรือแม้แต่กระทั่งห้องพยาบาลที่แสนเงียบสงบแบบนี้เป็นอะไรที่ป๊อบมากในหมู่นักเรียน พวกเราสลับกันเล่าเรื่องผีที่ฮิต
ของแต่ละโรงเรียน จนกระทั่งมาถึงเรื่องของโรงเรียนเรา “จุ๊ จุ๊ อย่าเอ็ดไป เรื่องของโรงเรียนเราเหตุการณ์มันเกิดขึ้นที่นี่”
น้ำเอ็ดเรา “จริงสินะ จะว่าไปก็คิดถึงครูเนอะ…”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่