JJNY : เสียงสะท้อนนักวิชาการ ดัชนีคอร์รัปชั่นวูบอีก/'ทิชา'เผยยอดจี้'บิ๊กป้อม'ลาออกพุ่งอีกฯ/โฆษกกห.ยัน"บิ๊กป้อม"ไม่ลาออกฯ

เสียงสะท้อนนักวิชาการ ดัชนีคอร์รัปชั่นวูบอีก จ่ายใต้โต๊ะพุ่ง 30-35%
https://www.matichon.co.th/news/845262

ที่มา    หน้า 2 มติชนรายวัน
เผยแพร่    วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561
หมายเหตุความเห็นของนักวิชาการกรณีศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยปี 2560 ตัวเลขแย่ลงในทุกด้าน โดยเฉพาะการจ่ายเงินใต้โต๊ะที่มีตัวเลขพุ่งสูงถึง 30-35%

ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี

วิทยาลัยสหวิทยาการ ม.ธรรมศาสตร์

ผมได้ติดตามเรื่องยุทธศาสตร์ของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลนี้พยายามเอาเรื่องความสุจริตโปร่งใสเป็นวาระแห่งชาติ แต่ใน 3-4 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ การแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยวิธีการโฆษณาหรือรณรงค์ด้านศีลธรรม ไม่น่าจะใช่ทางออก ปัญหาที่ควรทำการรณรงค์คือการเพิ่มอำนาจการตรวจสอบให้มากขึ้น เพราะแนวทางของรัฐบาลใน 3-4 ปีที่ผ่านมาคือวิธีการโฆษณาให้เห็นว่าคนนี้เป็นคนดี รัฐบาลมีความจริงใจตั้งใจทำงาน แต่ปัญหาจริงๆ คืออำนาจการตรวจสอบของประชาชนน้อยลง ความสัมพันธ์กับการเมืองท้องถิ่นน้อยลง รวมถึงที่ชัดเจนคือการที่รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อนโยบายต่างๆ ก็จะน้อยลง

ผมจึงมองว่า นี่เป็นตัวชี้วัดว่ารัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งก็จะมีแนวโน้มล้มเหลวเรื่องการแก้ปัญหาเรื่องความโปร่งใส แม้ว่าจะพยายามแสดงเจตนาดีในการแก้ไขปัญหา แต่เรื่องคอร์รัปชั่นไม่ได้แก้ไขด้วยภาพลักษณ์ของการเป็นคนดีหรือมีศีลธรรม แต่ต้องแก้ด้วยการเพิ่มอำนาจให้ประชาชน

ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเป็นกราฟที่ค่อนข้างลงอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ความเชื่อถือเชื่อมั่นก็ลดลงตามระยะเวลาที่รัฐบาลอยู่ แต่ถ้าสังเกตในช่วงประมาณครึ่งปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีผลโพลทางสาธารณะเปิดเผยว่าคนเริ่มส่งเสียงมากขึ้น ไม่ใช่แค่คนธรรมดา แต่มีการเปิดเผยผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่าภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ติดต่อกับรัฐบาลนั้น เริ่มไม่มั่นใจเรื่องความโปร่งใส ที่น่าสนใจคือความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้นเริ่มถูกทำให้กลายเป็นเรื่องปกติ พยายามทำให้เราสามารถยอมรับกับสิ่งนี้ได้ เช่นที่มีมติออกว่า สนช.ที่ลาไปทำธุรกิจ ก็สามารถไปได้ ไม่ผิดกฎข้อบังคับ ความผิดปกติบางอย่างก็จะถูกทำให้ปกติมากขึ้น ตรงนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในระยะยาว

ทางที่จะแก้ไขได้ ต้องให้ความเชื่อมั่นว่าที่มาอำนาจของประชาชนคือการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งจะมีเมื่อไหร่ รวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่น และเรื่องการสืบทอดอำนาจต่างๆ เพราะจะผูกติดกับนโยบายเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ของรัฐบาลด้วย รวมถึงนโยบายในระยะยาว ถ้ารัฐบาลไม่สามารถให้ความชัดเจนเรื่องการคืนอำนาจได้ ผมคิดว่าดัชนีคอร์รัปชั่นก็จะไม่อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น
----------------------------------------------------------------------
ดร.นันทนา นันทวโรภาส

คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก

อย่างแรกต้องเริ่มต้นว่าเราเชื่อในผลการสำรวจนี้ของ ม.หอการค้าไทยไหม ถ้าเชื่อว่าทำตามหลักวิชาการอย่างมีมาตรฐาน ก็มาตีความว่าผลโพลนี้บอกอะไร อย่างแรกคือการขยายตัวของการทุจริตในภาครัฐรุนแรงขึ้น สรุปคือปีที่ 3 ของ คสช. รัฐบาลถูกมองว่ามีการทุจริตเพิ่มขึ้น เหตุที่ทำให้มีการทุจริตรุนแรง สาเหตุหนึ่งเกิดมาจากการตรวจสอบไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ รัฐบาล คสช.มีจุดขายที่สื่อสารกับประชาชนมาตั้งแต่การทำรัฐประหารว่า เป็นรัฐบาลที่จะมาปราบโกง แต่ผลการสำรวจนี้ตรงกันข้ามเลย เพราะการทุจริตในภาครัฐไม่ลดลง และมีแนวโน้มสูงขึ้น ผลที่เกิดจากการทุจริตนั้นรุนแรงระดับแสนล้าน ตรงนี้เป็นภาพลักษณ์สำคัญที่ คสช.พยายามฉายออกมาให้ประชาชนรับรู้ว่า การที่ คสช.จะต้องมาบริหารประเทศในช่วงเวลาพิเศษนี้เพื่อที่จะมาปราบปรามการทุจริต แต่เมื่อผลเป็นแบบนี้ คสช.ต้องมีคำตอบให้กับประชาชน ว่า ที่บริหารมา 3-4 ปี แล้วทุจริตไม่ลดจะทำอย่างไร

อาจบอกได้ว่าการสำรวจนี้บอกว่า คสช.อาจต้องจัดให้มีการเลือกตั้ งเพื่อให้กระบวนการตรวจสอบทุจริตสามารถทำได้อย่างทั่วถึงและมีกระบวนการตรวจสอบในระบบกลไกประชาธิปไตย ถ้า คสช.ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ว่าทำไมทุจริตเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดลงตามจุดขายที่ คสช.ประกาศไว้ จะกลายเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องการคำตอบ

จากการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างไม่อาจยอมรับเรื่องการทุจริตได้ ไม่ว่ารัฐบาลจะมีผลงานมากมายเพียงใด แต่ถ้าทุจริตเขารับไม่ได้ เรื่องทุจริตเป็นประเด็นอ่อนไหวมากกับความรู้สึกของประชาชน เพราะประชาชนรู้สึกว่าถ้ารัฐบาลบริหารแล้วเกิดการทุจริตขึ้น ก็เหมือนการเอาเงินภาษีมาใช้จ่ายโดยไม่เกิดประโยชน์กับเขา เขาย่อมรับไม่ได้และเป็นผลเสีย หลายรัฐบาลที่ต้องพ้นจากอำนาจก็เพราะเรื่องทุจริต

คสช.ต้องมีคำอธิบายว่าจากภาพลักษณ์ที่เคยฉายว่าจะเข้ามาปราบโกง แล้วการทุจริตเพิ่มมากขึ้นนั้น รัฐบาลมีคำตอบไหมว่าคืออะไร ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วไม่ได้เป็นไปตามพันธกิจที่เข้ามาบริหารประเทศ แล้วจะคืนอำนาจให้ประชาชนได้เมื่อไหร่ ประชาชนกำลังต้องการคำตอบว่า เมื่อไหร่ที่รัฐบาลจะจัดการเรื่องการทุจริตนี้ให้ได้ผล ถ้าจัดการไม่ได้ จะคืนอำนาจให้ประชาชนในการตรวจสอบเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่า จะเปิดให้มีการเลือกตั้งเมื่อไหร่

ผลโพลนี้คิดว่ารุนแรงมาก เพราะ ม.หอการค้าไทยเป็นองค์กรที่ทำโพลดัชนีเศรษฐกิจ และรัฐบาลใช้ดัชนีของ ม.หอการค้าไทยมาอ้างอิงเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจในการบริหารงานชุดนี้ด้วย ถ้าบอกว่าจะรับแต่เรื่องดัชนีเศรษฐกิจ แต่ไม่รับเรื่องดัชนีทุจริตคงเป็นไปไม่ได้ แล้วถ้ารับผลนี้แล้ว จะมีคำตอบยังไงให้ประชาชนว่ารัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศแล้วผลการทุจริตออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจำนวนมากจะมีความรู้สึกกับโพลนี้ เมื่อประชาชนจำนวนหนึ่งที่ยอมให้ คสช.เข้ามาบริหารประเทศหวังจะเห็นการปราบปรามทุจริตทั้งหมด แต่มันตรงกันข้าม




'ทิชา' เผยยอดจี้ 'บิ๊กป้อม' ลาออกพุ่งอีกหลังส่ง 8 หมื่นชื่อ ชี้มีนัยยะเชิงสัญลักษณ์
https://www.matichon.co.th/news/845335

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาโดยสรุปกล่าวว่า แม้รายชื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลาออกจะถูกส่งถึงนายกรัฐมนตรีแล้วกว่า 80,000 ราย แต่จำนวนคนลงชื่อเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ change.org ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์ที่มีความหมาย ดังนั้นขอให้คนที่ยังไม่ลงชื่อร่วมลงชื่อ

ข้อความมีดังนี้

แม้รายชื่อผู้สนับสนุน …
ให้รองนายกฯประวิตร ลาออก
ในล็อตแรก 80,018 รายชื่อ
จะส่งไปถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว
แต่ตัวเลขที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ คือ การสื่อสารเชิงสัญลักษณ์
ที่ยังมีนัย มีความหมาย

ฉะนั้น …
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ลงชื่อ
เชิญลงชื่อสนับสนุน
ให้รองนายกฯประวิตร ลาออกต่อไปนะคะ



โฆษกกลาโหมยัน"บิ๊กป้อม" ไม่ลาออกแม้ถูกล่ารายชื่อจี้
https://www.dailynews.co.th/politics/627865

โฆษกกลาโหม ย้ำ “บิ๊กป้อม” ไม่ลาออก หลังถูกกระแสล่ารายชื่อจี้ ยันทำงานดูแลความมั่นคงให้ประเทศต่อ

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ยื่นรายชื่อที่รวบรวมผ่านทางเว็บไซต์ จำนวน 80,018 ชื่อถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเรียกร้องให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม แสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งว่า ตนยืนยันว่าพล.อ.ประวิตร ตั้งใจทำงานเต็มร้อย เพื่อดูแลความมั่นคงให้ประเทศต่อไป โดยที่ไม่หวั่นไหวต่อกระแสกดดันให้ลาออก เพราะยังมีประชาชนยอมรับในการทำงานด้านความมั่นคงอยู่ ส่วนคนที่ออกมากดดันให้พล.อ.ประวิตรลาออกจากตำแหน่งนั้น เราก็ต้องรับฟังข้อมูลของพวกเขา เพราะพวกเขาก็มีสิทธิเห็นต่างโดยที่เราไม่ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมายของบ้านเมือง ไม่ก้าวล่วงกฎหมาย และกติกาของบ้านเมือง ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ได้สังคมก็จะไม่สงบสุข

“ผมมั่นใจว่าพล.อ.ประวิตรมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะทำงานให้ประเทศชาติต่อไป โดยจะไม่ลาออก การที่นางทิชาออกมาล่ารายชื่อนั้น ผมไม่เข้าใจเจตนาว่าต้องการอะไร “
พล.ท.คงชีพ กล่าว.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่