เรื่องสั้นประจำปลายวีคที่ 7 เป็นเรื่องเกี่ยวกับหมาๆคนๆมาอีกแล้วครับ แต่จะด่ากันดุเดือดอย่างในเกมเมื่อปลายปีที่แล้วหรือไม่ ลองติดตามอ่านกันดู และพินิจพิจารณาว่า เจ้าของถุงมือนี้ คือใคร...เชิญครับ


“ไปให้พ้น ไอ้หมาบ้า !!!”
โป๊ก!!!
“เอ๋ง..!!!”
เสียงสามชนิดเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เริ่มต้นจากเสียงตวาดด่าเกรี้ยวกราด ของชายสูงอายุวัยหกสิบกว่า ตามมาด้วยเสียงวัตถุแข็งกระทบกันไม่ดังมากนักแต่กระทบความรู้สึก ลงท้ายด้วยเสียงร้องของสุนัขสีน้ำตาลพันธุ์ไทยที่ถูกก้อนหินขนาดเขื่องลอยมากระทบแสกหน้า จนต้องวิ่งหนีออกจากหน้าบ้านของคนขว้างก้อนหิน
เจ้าของบ้าน ความจริงน่าจะเรียกว่าเพิงหมาแหงน จะถูกต้องมากกว่า เพราะเป็นเพียงที่พักทำมาจากเศษไม้เศษผ้าเก่าๆ พอคุ้มกันลมกันฝนได้บ้างเท่านั้น ตั้งอยู่ไม่ไกลของแหล่งทิ้งขยะหลักของเมืองใหญ่ไม่มากนัก คนแถวนั้นรู้จักชายสูงอายุว่าคือลุงดำ เพราะผิวกายของแกดำคล้ำเนื่องจากตรากตรำแดดลม กับอาชีพการเก็บของเก่าขายเลี้ยงชีพ
ปกติตัวแกไม่สนใจหรอกว่าจะมีหมาแมวที่ไหนมาป้วนเปี้ยนแถวบ้าน ถ้าไม่เพราะห้าวันก่อน ลุงดำบังเอิญไปเจอเอาทารกชายเกิดใหม่ถูกทิ้งไว้ใกล้เขตกองขยะ มองเห็นหญิงชายวัยรุ่นคู่หนึ่งขับรถจักรยานยนต์หนีออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับจะหนีความผิดของตัวเอง
“ทำไมไม่เอาไปทิ้งไว้หน้าบ้านเศรษฐีวะ..?”
นั่นเป็นคำอุทานอย่างไม่เข้าใจกับการกระทำสิ้นคิดของคนนำทารกมาทิ้ง สติปัญญาสามัญสำนึกไม่มีในหัวสมองเลยหรือไง ถึงจะเป็นมนุษย์กองขยะ แต่ลุงดำไม่สามารถเมินเฉยต่อทารกน้อยได้ แต่รีบนำกลับมาที่บ้าน พยายามเลี้ยงดูตามมีตามเกิด ควักเงินเก็บจากการขายขณะออกไปหาซื้อนมผง ผ้าอ้อม และเครื่องใช้จำเป็น เท่าที่หาได้คิดได้ ไม่ง่ายเลยกับการดูแลเด็กเกิดใหม่ในสถานการณ์ลำบากยากแค้น ยังดีว่าเพื่อนร่วมอาชีพหลายคน แวะเวียนช่วยกันมาดูแลอย่างมีน้ำใจ
วันก่อนลุงดำเก็บน่องไก่จวนเน่าได้จากกองขยะ แกดีใจราวเห็นทองคำ รีบนำมาล้างอย่างดีเตรียมต้มด้วยหม้อเก่าๆ แต่ขณะวางผึ่งแดดอยู่หน้าบ้าน เจ้าหมาสีน้ำตาลตัวแสบก็เดินเข้ามางับน่องไก่อย่างเงียบกริบ แต่ไม่พ้นสายตาของลุงดำที่บังเอิญอยู่ในบ้าน แกวิ่งออกมาแย่งน่องไก่ออกจากปากหมาอย่างไม่คิดชีวิต จนเจ้าหมาตัวแสบต้องยอมปล่อย แต่เจ้าตาลก็มักวนเวียนอยู่แถวนั้นเสมอ มันคงได้กลิ่นอาหารแปลกใหม่ ต่างจากอาหารตามกองขยะ
ชีวิตเอื่อยเฉื่อยไร้ทิศทางของลุงดำ ดูมีความหมายขึ้นทันที เมื่อนำทารกน้อยมาเลี้ยงดู แม้ว่าอนาคตข้างหน้าจะมืดดำสมชื่อ เงินทองก็มีพอเลี้ยงดูตัวเองไปวันๆ เท่านั้น ยังดีว่าเพื่อนร่วมอาชีพ ช่วยกันลงขัน ออกเงินเป็นค่านมค่าอาหาร น้ำใจไม่เคยขาดหาย แม้จะอยู่ในสังคมกองขยะก็ตาม
หมากินเด็ก...นั่นเป็นสิ่งชวนระแวง ทั้งที่เกิดมาไม่เคยเห็นหมากินคนมาก่อน แต่ความเป็นห่วงลูกของคนอื่น ทำให้ไม่กล้าประมาทกับทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะกับหมาท่าทางหิวโหยอย่างเจ้าตาล หมาก็อยู่ส่วนหมา คนก็อยู่ส่วนคน แต่เมื่อมันไม่ยอมหนีไปไหน ทำให้ต้องมีการขว้างด้วยก้อนอิฐก้อนหินกันบ้าง
แกยังหวังว่าพ่อแม่เด็กจะคิดได้ และกลับมาหาลูกตัวน้อย แต่คงเป็นความหวังลมๆแล้งๆ เท่านั้น วัยรุ่นคู่นี้ทิ้งสายเลือดของตนเองไปเหมือนปลดปล่อยของเสียออกจากร่างกายด้วยความรังเกียจ
“ข้าจะเลี้ยงเด็กคนนี้เป็นลูก”
แกประกาศต่อหน้าเพื่อนร่วมอาชีพหลายคน ขณะนั่งคุยกันอยู่หน้าที่พัก หลังจากเข้าไปดูแลทารกน้อยตามประสา จนหลับปุ๋ยไปในเปลนอนผูกโยงทำมาจากผ้าขาวม้า
“ถามจริงๆ เถอะ แกจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงดู วันๆ ก็แทบไม่พอกินอยู่แล้ว” ลุงอ่ำเพื่อนร่วมอาชีพถามอย่างสงสัย ลุงดำยิ้มอย่างมุ่งมั่น มองไปยังกองขยะมหึมาไกลออกไป ราวมองขุมทรัพย์
“ข้าจะทำงานให้หนักขึ้น ยังไงเราก็เก็บของเก่าจากกองขยะได้ทุกวัน ข้าจะอดออมเก็บเงิน ส่งเสียเจ้าหนูคนนี้ให้ได้ ถึงพ่อแม่มันจะไม่สนใจก็ตาม ข้าถือว่าเด็กเป็นลูกของข้าแล้ว”
เพื่อนทุกคนมองอย่างนับถือในน้ำใจ เพราะลุงดำแสดงให้เห็นแล้วว่า ความยากจนข้นแค้น ไม่ได้ลดค่าของความเป็นคนได้เสมอไป เพื่อนทุกคนรับปากจะแบ่งเวลาจัดเวรยามผลัดกันมาดูแล ให้แกมีเวลาออกไปหาของเก่าตามกองขยะมาขาย ทารกน้อยกลายเป็นศูนย์รวมของน้ำใจหลายคนให้เป็นหนึ่งเดียว พวกเขาเหล่านี้ไม่มีลูกหลานเพราะต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก เลยทำให้พากันตื่นเต้นกับชีวิตใหม่ผู้กำลังจะเติบโตจากสังคมขยะ
กลิ่นเนื้อเกือบเน่าแต่ถูกล้างด้วยน้ำเกลือดับกลิ่น ทำให้เจ้าตาลนั่งมองอยู่ไกล คล้ายรอคอยว่าจะมีใครใจดีแบ่งเนื้อย่างให้หรือไม่ แต่สิ่งที่ได้คือท่อนไม้จากลุงดำขว้างมาพร้อมกับเสียงด่า ทำให้ต้องวิ่งกระเจิงออกไปตั้งหลักอยู่ห่างๆ
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช้าวันที่เจ็ดทารกน้อยร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด ตัวร้อนเหมือนมีไข้ ลุงดำวิ่งพล่านทำอะไรไม่ถูก เพื่อนฝูงพากันมาดูแต่ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ นอกจากเช็ดเนื้อเช็ดตัวไปตามมีตามเกิด ความกังวลก่อเกิดในความรู้สึกของทุกคน โดยเฉพาะลุงดำผู้เป็นเจ้าของทารก นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยรู้สึกรักห่วงใยกังวลใจขนาดนี้มาก่อน ราวกับว่าเด็กน้อยเป็นลูกหลานของแกจริงๆ
“เอาไปส่งตำรวจดีกว่า” ในที่สุดเพื่อนคนหนึ่งคิดขึ้นมาได้ “ไอ้ดำ แกต้องตัดใจแล้วล่ะ เอาไปส่งตำรวจ พวกเขาต้องหาคนดูแลได้ดีกว่าพวกเราแน่นอน”
“จะให้ข้าทิ้งลูกข้าเหรอ” ลุงคำยกมือปาดน้ำตาเหมือนเด็กๆ หลายคนมองแล้วรู้สึกสะเทือนใจไปกับความรักความผูกพัน
“เถอะ....เชื่อข้า พวกเราก็รักเด็กคนนี้ด้วยกันทุกคน แต่เพื่ออนาคตของเด็ก เราต้องให้แกไปอยู่ที่เหมะสม อย่าให้มาเป็นเด็กกองขยะอย่างพวกเราเลย เร็วเข้า ไปรถซาเล้งของข้าก็ได้”
ตอนสายของวันนั้น รถซาเล้งสามสี่คันวิ่งออกจากอาณาเขตเมืองขยะ มุ่งหน้าของชุมชน โดยมีลุงดำกอดทารกไว้แนบอกราวกับจะให้ความรักความอบอุ่นเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อนฝูงทุกคนพร้อมใจกันหยุดงานตามไปส่งให้กำลังใจโดยเฉพาะในเวลาอันอ่อนไหวอย่างนี้ น้ำใจและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญเสมอ
ลุงดำเหม่อมองกองขยะเบื้องหน้าอย่างซึมเซา คิดถึงลูกชายชั่วคราวของแก ถึงมือตำรวจไปแล้ว ต่อไปคงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ จะเข้ามาดูแลรักษา เปลผ้าขาวม้าว่างเปล่า ขวดนมยังแช่อยู่ในหม้อเก่าๆ บู้บี้แต่ขัดถูอย่างสะอาด ตุ๊กตาหมีสีซีดขาขาดข้างหนึ่งวางทิ้งกลางห้อง เสียงร้องของเด็กทารกยังกังวานในความรู้สึก
เจ้าตาล หมาตัวแสบ ยังมาวนๆเวียนๆ
มันอะไรกันนักกันหนาวะ .....แกคิดในใจ
ลูกข้าไม่อยู่แล้วโว้ย...จะมาหาสวรรค์วิมานอะไรอีก
แต่เจ้าตาลยังไม่หนีไปไหน จ้องมองหน้าพลางเลียปากไปมาอยู่อย่างนั้น
ในที่สุดลุงดำถอนใจ หยิบกระดูกไก่ค้างคืนโยนไปให้ กระดูกไก่ที่หลายคนเลือกกินเฉพาะเนื้อแล้วทิ้งขยะ แต่ที่นี่คืออาหารแสนวิเศษ
แต่ลุงดำก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเจ้าตาลวิ่งมาคาบกระดูกไก่ ก่อนวิ่งหนึไปอย่างรวดเร็ว แทนที่จะรีบกินให้เร็วตามวิสัยหมาทั่วไป ทำให้ต้องลุกขึ้นเดินตามไปดูด้วยความอยากรู้
ห่างออกไปไม่มากนักใต้กองไม้ ลุงดำเห็นเจ้าตาลวางเศษกระดูกไก่ ท่ามกลางลูกหมาเกิดใหม่หลายตัว พวกมันเข้ามาดมๆเลียๆ กระดูกแต่กินไม่ได้เพราะฟันยังไม่ขึ้น ท่าทางตื่นเต้นดีใจกันทุกตัว หางสั้นๆ กระดิกถี่เร็ว
เจ้าตาลหันมามองลุงดำด้วยสายตาเป็นมิตร กระดูกชิ้นเดียวมันก็ไม่ลืมบุญคุณ
ลุงดำน้ำตาคลอเมื่อมองภาพเบื้องหน้าด้วยความตื้นตันใจ แม้แต่หมาออกลูกมาแล้ว มันยังไม่ลืมไม่ทิ้งลูกของมัน ไม่เคยเอาลูกไปทิ้งข้างทาง แต่คนแท้ๆ บางคน กล้าทิ้งลูกตัวเองกันได้ยังไง
วันต่อมาเมื่อเพื่นฝูงมาเยี่ยมลุงดำด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ว่าแกรักทารกน้อยคนนั้นแค่ไหน ทุกคนต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นลุงดำกำลังยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข กับบรรดาลูกหมาสามสี่ตัว ที่กำลังกระโดดโลดเต้นเล่นซุกซนไปมารอบตัว เจ้าตาลนอนอย่างสบายใจอยู่ด้านข้าง ไม่ต้องคอยหลบหลีกก้อนอิฐก้อนหินอีกต่อไป
ลูกคนยังเลี้ยงมาแล้ว กะแค่ลูกหมาทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ตราบใดมีกองขยะ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะอดตาย ลุงดำคิดในใจขณะจ้องมองกองขณะเบื้องหน้าด้วยสายตาแห่งความหวังกับชีวิต แม้จะเป็นชีวิตอยู่กับกองขยะก็ตาม
รายชื่อให้เลือกตอบครับ
1. B-thirteen
2. Christian Trevelyan Grey
3. GTW
4. kasareev
5. KTHc
6. Lady Star 919
7. Luckard
8. Na(นะ)
9. peiNing
10. psycho_factory
11. Soul Master
12. Susisiri
13. Tantava
14. turtle_cheesecake
15. WANG JIE
16. เกสรผกา
17. คีตมินทร์
18. จอมยุทธนักสืบ
19. ชายขอบคันนายาว
20. น้องลิงน้อย
21. ยัยตัวร้ายมุกอันดา
22. รัชต์สารินท์
23. สวนดอก
24. อิสิ
***
รายชื่อ อาจมีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม หรือเอาออก ตลอดเวลา ^^
*** เนื่องจาก เป็นเกมแบบ "เก็บคะแนนสะสมยาว" จึง
ให้ตอบ เฉพาะในกระทู้ จะไม่มีการให้ตอบรวม
****************************************************************************************
การให้คะแนน เจ้าของถุงมือ
เมื่อผ่านไป 3 วันแล้วถึงคราวต้องเฉลยในกระทู้
ไม่มีใครทายถูกเลย 20 คะแนน
ทายถูก 1 คน เหลือ 18 คะแนน
ทายถูก 2 คน เหลือ 17 คะแนน
ทายถูก 3 คน เหลือ 16 คะแนน.......ไปเรื่อยๆ ครับ
*** จะเฉลยถุงมือนี้ใน วันที่ 18 กุมภาพันธ์ุ 2561 ***
สโลแกนของเราคือ "อยากเขียน อยากแต่ง ตอนไหนก็ได้ ไม่มีคำว่า หมดเขตเมื่อไร"
จัดไป ในแต่ละสัปดาห์ จนครบเดือน จะสรุปผลคะแนน
ผู้ชนะที่ 1 และ/หรือ ผู้ที่ไม่มีใครทายถูก จะได้สิทธิ์ร่วมรายการ THE GLOVES FINAL 2018 ตอนปลายปี ครับผม
💦❤💦 THE WEEKLY GLOVES ปลายวีคที่ 7 เรื่องสั้น#13 "ลูกหมา ลูกคน" โดย "ถุงมือ สาวเมืองนคร" ครับ 💦❤💦
เรื่องสั้นประจำปลายวีคที่ 7 เป็นเรื่องเกี่ยวกับหมาๆคนๆมาอีกแล้วครับ แต่จะด่ากันดุเดือดอย่างในเกมเมื่อปลายปีที่แล้วหรือไม่ ลองติดตามอ่านกันดู และพินิจพิจารณาว่า เจ้าของถุงมือนี้ คือใคร...เชิญครับ
“ไปให้พ้น ไอ้หมาบ้า !!!”
โป๊ก!!!
“เอ๋ง..!!!”
เสียงสามชนิดเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เริ่มต้นจากเสียงตวาดด่าเกรี้ยวกราด ของชายสูงอายุวัยหกสิบกว่า ตามมาด้วยเสียงวัตถุแข็งกระทบกันไม่ดังมากนักแต่กระทบความรู้สึก ลงท้ายด้วยเสียงร้องของสุนัขสีน้ำตาลพันธุ์ไทยที่ถูกก้อนหินขนาดเขื่องลอยมากระทบแสกหน้า จนต้องวิ่งหนีออกจากหน้าบ้านของคนขว้างก้อนหิน
เจ้าของบ้าน ความจริงน่าจะเรียกว่าเพิงหมาแหงน จะถูกต้องมากกว่า เพราะเป็นเพียงที่พักทำมาจากเศษไม้เศษผ้าเก่าๆ พอคุ้มกันลมกันฝนได้บ้างเท่านั้น ตั้งอยู่ไม่ไกลของแหล่งทิ้งขยะหลักของเมืองใหญ่ไม่มากนัก คนแถวนั้นรู้จักชายสูงอายุว่าคือลุงดำ เพราะผิวกายของแกดำคล้ำเนื่องจากตรากตรำแดดลม กับอาชีพการเก็บของเก่าขายเลี้ยงชีพ
ปกติตัวแกไม่สนใจหรอกว่าจะมีหมาแมวที่ไหนมาป้วนเปี้ยนแถวบ้าน ถ้าไม่เพราะห้าวันก่อน ลุงดำบังเอิญไปเจอเอาทารกชายเกิดใหม่ถูกทิ้งไว้ใกล้เขตกองขยะ มองเห็นหญิงชายวัยรุ่นคู่หนึ่งขับรถจักรยานยนต์หนีออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับจะหนีความผิดของตัวเอง
“ทำไมไม่เอาไปทิ้งไว้หน้าบ้านเศรษฐีวะ..?”
นั่นเป็นคำอุทานอย่างไม่เข้าใจกับการกระทำสิ้นคิดของคนนำทารกมาทิ้ง สติปัญญาสามัญสำนึกไม่มีในหัวสมองเลยหรือไง ถึงจะเป็นมนุษย์กองขยะ แต่ลุงดำไม่สามารถเมินเฉยต่อทารกน้อยได้ แต่รีบนำกลับมาที่บ้าน พยายามเลี้ยงดูตามมีตามเกิด ควักเงินเก็บจากการขายขณะออกไปหาซื้อนมผง ผ้าอ้อม และเครื่องใช้จำเป็น เท่าที่หาได้คิดได้ ไม่ง่ายเลยกับการดูแลเด็กเกิดใหม่ในสถานการณ์ลำบากยากแค้น ยังดีว่าเพื่อนร่วมอาชีพหลายคน แวะเวียนช่วยกันมาดูแลอย่างมีน้ำใจ
วันก่อนลุงดำเก็บน่องไก่จวนเน่าได้จากกองขยะ แกดีใจราวเห็นทองคำ รีบนำมาล้างอย่างดีเตรียมต้มด้วยหม้อเก่าๆ แต่ขณะวางผึ่งแดดอยู่หน้าบ้าน เจ้าหมาสีน้ำตาลตัวแสบก็เดินเข้ามางับน่องไก่อย่างเงียบกริบ แต่ไม่พ้นสายตาของลุงดำที่บังเอิญอยู่ในบ้าน แกวิ่งออกมาแย่งน่องไก่ออกจากปากหมาอย่างไม่คิดชีวิต จนเจ้าหมาตัวแสบต้องยอมปล่อย แต่เจ้าตาลก็มักวนเวียนอยู่แถวนั้นเสมอ มันคงได้กลิ่นอาหารแปลกใหม่ ต่างจากอาหารตามกองขยะ
ชีวิตเอื่อยเฉื่อยไร้ทิศทางของลุงดำ ดูมีความหมายขึ้นทันที เมื่อนำทารกน้อยมาเลี้ยงดู แม้ว่าอนาคตข้างหน้าจะมืดดำสมชื่อ เงินทองก็มีพอเลี้ยงดูตัวเองไปวันๆ เท่านั้น ยังดีว่าเพื่อนร่วมอาชีพ ช่วยกันลงขัน ออกเงินเป็นค่านมค่าอาหาร น้ำใจไม่เคยขาดหาย แม้จะอยู่ในสังคมกองขยะก็ตาม
หมากินเด็ก...นั่นเป็นสิ่งชวนระแวง ทั้งที่เกิดมาไม่เคยเห็นหมากินคนมาก่อน แต่ความเป็นห่วงลูกของคนอื่น ทำให้ไม่กล้าประมาทกับทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะกับหมาท่าทางหิวโหยอย่างเจ้าตาล หมาก็อยู่ส่วนหมา คนก็อยู่ส่วนคน แต่เมื่อมันไม่ยอมหนีไปไหน ทำให้ต้องมีการขว้างด้วยก้อนอิฐก้อนหินกันบ้าง
แกยังหวังว่าพ่อแม่เด็กจะคิดได้ และกลับมาหาลูกตัวน้อย แต่คงเป็นความหวังลมๆแล้งๆ เท่านั้น วัยรุ่นคู่นี้ทิ้งสายเลือดของตนเองไปเหมือนปลดปล่อยของเสียออกจากร่างกายด้วยความรังเกียจ
“ข้าจะเลี้ยงเด็กคนนี้เป็นลูก”
แกประกาศต่อหน้าเพื่อนร่วมอาชีพหลายคน ขณะนั่งคุยกันอยู่หน้าที่พัก หลังจากเข้าไปดูแลทารกน้อยตามประสา จนหลับปุ๋ยไปในเปลนอนผูกโยงทำมาจากผ้าขาวม้า
“ถามจริงๆ เถอะ แกจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงดู วันๆ ก็แทบไม่พอกินอยู่แล้ว” ลุงอ่ำเพื่อนร่วมอาชีพถามอย่างสงสัย ลุงดำยิ้มอย่างมุ่งมั่น มองไปยังกองขยะมหึมาไกลออกไป ราวมองขุมทรัพย์
“ข้าจะทำงานให้หนักขึ้น ยังไงเราก็เก็บของเก่าจากกองขยะได้ทุกวัน ข้าจะอดออมเก็บเงิน ส่งเสียเจ้าหนูคนนี้ให้ได้ ถึงพ่อแม่มันจะไม่สนใจก็ตาม ข้าถือว่าเด็กเป็นลูกของข้าแล้ว”
เพื่อนทุกคนมองอย่างนับถือในน้ำใจ เพราะลุงดำแสดงให้เห็นแล้วว่า ความยากจนข้นแค้น ไม่ได้ลดค่าของความเป็นคนได้เสมอไป เพื่อนทุกคนรับปากจะแบ่งเวลาจัดเวรยามผลัดกันมาดูแล ให้แกมีเวลาออกไปหาของเก่าตามกองขยะมาขาย ทารกน้อยกลายเป็นศูนย์รวมของน้ำใจหลายคนให้เป็นหนึ่งเดียว พวกเขาเหล่านี้ไม่มีลูกหลานเพราะต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก เลยทำให้พากันตื่นเต้นกับชีวิตใหม่ผู้กำลังจะเติบโตจากสังคมขยะ
กลิ่นเนื้อเกือบเน่าแต่ถูกล้างด้วยน้ำเกลือดับกลิ่น ทำให้เจ้าตาลนั่งมองอยู่ไกล คล้ายรอคอยว่าจะมีใครใจดีแบ่งเนื้อย่างให้หรือไม่ แต่สิ่งที่ได้คือท่อนไม้จากลุงดำขว้างมาพร้อมกับเสียงด่า ทำให้ต้องวิ่งกระเจิงออกไปตั้งหลักอยู่ห่างๆ
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช้าวันที่เจ็ดทารกน้อยร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด ตัวร้อนเหมือนมีไข้ ลุงดำวิ่งพล่านทำอะไรไม่ถูก เพื่อนฝูงพากันมาดูแต่ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ นอกจากเช็ดเนื้อเช็ดตัวไปตามมีตามเกิด ความกังวลก่อเกิดในความรู้สึกของทุกคน โดยเฉพาะลุงดำผู้เป็นเจ้าของทารก นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยรู้สึกรักห่วงใยกังวลใจขนาดนี้มาก่อน ราวกับว่าเด็กน้อยเป็นลูกหลานของแกจริงๆ
“เอาไปส่งตำรวจดีกว่า” ในที่สุดเพื่อนคนหนึ่งคิดขึ้นมาได้ “ไอ้ดำ แกต้องตัดใจแล้วล่ะ เอาไปส่งตำรวจ พวกเขาต้องหาคนดูแลได้ดีกว่าพวกเราแน่นอน”
“จะให้ข้าทิ้งลูกข้าเหรอ” ลุงคำยกมือปาดน้ำตาเหมือนเด็กๆ หลายคนมองแล้วรู้สึกสะเทือนใจไปกับความรักความผูกพัน
“เถอะ....เชื่อข้า พวกเราก็รักเด็กคนนี้ด้วยกันทุกคน แต่เพื่ออนาคตของเด็ก เราต้องให้แกไปอยู่ที่เหมะสม อย่าให้มาเป็นเด็กกองขยะอย่างพวกเราเลย เร็วเข้า ไปรถซาเล้งของข้าก็ได้”
ตอนสายของวันนั้น รถซาเล้งสามสี่คันวิ่งออกจากอาณาเขตเมืองขยะ มุ่งหน้าของชุมชน โดยมีลุงดำกอดทารกไว้แนบอกราวกับจะให้ความรักความอบอุ่นเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อนฝูงทุกคนพร้อมใจกันหยุดงานตามไปส่งให้กำลังใจโดยเฉพาะในเวลาอันอ่อนไหวอย่างนี้ น้ำใจและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญเสมอ
ลุงดำเหม่อมองกองขยะเบื้องหน้าอย่างซึมเซา คิดถึงลูกชายชั่วคราวของแก ถึงมือตำรวจไปแล้ว ต่อไปคงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ จะเข้ามาดูแลรักษา เปลผ้าขาวม้าว่างเปล่า ขวดนมยังแช่อยู่ในหม้อเก่าๆ บู้บี้แต่ขัดถูอย่างสะอาด ตุ๊กตาหมีสีซีดขาขาดข้างหนึ่งวางทิ้งกลางห้อง เสียงร้องของเด็กทารกยังกังวานในความรู้สึก
เจ้าตาล หมาตัวแสบ ยังมาวนๆเวียนๆ มันอะไรกันนักกันหนาวะ .....แกคิดในใจ ลูกข้าไม่อยู่แล้วโว้ย...จะมาหาสวรรค์วิมานอะไรอีก
แต่เจ้าตาลยังไม่หนีไปไหน จ้องมองหน้าพลางเลียปากไปมาอยู่อย่างนั้น
ในที่สุดลุงดำถอนใจ หยิบกระดูกไก่ค้างคืนโยนไปให้ กระดูกไก่ที่หลายคนเลือกกินเฉพาะเนื้อแล้วทิ้งขยะ แต่ที่นี่คืออาหารแสนวิเศษ
แต่ลุงดำก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเจ้าตาลวิ่งมาคาบกระดูกไก่ ก่อนวิ่งหนึไปอย่างรวดเร็ว แทนที่จะรีบกินให้เร็วตามวิสัยหมาทั่วไป ทำให้ต้องลุกขึ้นเดินตามไปดูด้วยความอยากรู้
ห่างออกไปไม่มากนักใต้กองไม้ ลุงดำเห็นเจ้าตาลวางเศษกระดูกไก่ ท่ามกลางลูกหมาเกิดใหม่หลายตัว พวกมันเข้ามาดมๆเลียๆ กระดูกแต่กินไม่ได้เพราะฟันยังไม่ขึ้น ท่าทางตื่นเต้นดีใจกันทุกตัว หางสั้นๆ กระดิกถี่เร็ว เจ้าตาลหันมามองลุงดำด้วยสายตาเป็นมิตร กระดูกชิ้นเดียวมันก็ไม่ลืมบุญคุณ
ลุงดำน้ำตาคลอเมื่อมองภาพเบื้องหน้าด้วยความตื้นตันใจ แม้แต่หมาออกลูกมาแล้ว มันยังไม่ลืมไม่ทิ้งลูกของมัน ไม่เคยเอาลูกไปทิ้งข้างทาง แต่คนแท้ๆ บางคน กล้าทิ้งลูกตัวเองกันได้ยังไง
วันต่อมาเมื่อเพื่นฝูงมาเยี่ยมลุงดำด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ว่าแกรักทารกน้อยคนนั้นแค่ไหน ทุกคนต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นลุงดำกำลังยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข กับบรรดาลูกหมาสามสี่ตัว ที่กำลังกระโดดโลดเต้นเล่นซุกซนไปมารอบตัว เจ้าตาลนอนอย่างสบายใจอยู่ด้านข้าง ไม่ต้องคอยหลบหลีกก้อนอิฐก้อนหินอีกต่อไป
ลูกคนยังเลี้ยงมาแล้ว กะแค่ลูกหมาทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ตราบใดมีกองขยะ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะอดตาย ลุงดำคิดในใจขณะจ้องมองกองขณะเบื้องหน้าด้วยสายตาแห่งความหวังกับชีวิต แม้จะเป็นชีวิตอยู่กับกองขยะก็ตาม
โดย ถุงมือ สาวเมืองนคร
รายชื่อให้เลือกตอบครับ
1. B-thirteen
2. Christian Trevelyan Grey
3. GTW
4. kasareev
5. KTHc
6. Lady Star 919
7. Luckard
8. Na(นะ)
9. peiNing
10. psycho_factory
11. Soul Master
12. Susisiri
13. Tantava
14. turtle_cheesecake
15. WANG JIE
16. เกสรผกา
17. คีตมินทร์
18. จอมยุทธนักสืบ
19. ชายขอบคันนายาว
20. น้องลิงน้อย
21. ยัยตัวร้ายมุกอันดา
22. รัชต์สารินท์
23. สวนดอก
24. อิสิ
*** รายชื่อ อาจมีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม หรือเอาออก ตลอดเวลา ^^
*** เนื่องจาก เป็นเกมแบบ "เก็บคะแนนสะสมยาว" จึงให้ตอบ เฉพาะในกระทู้ จะไม่มีการให้ตอบรวม
****************************************************************************************
การให้คะแนน เจ้าของถุงมือ
เมื่อผ่านไป 3 วันแล้วถึงคราวต้องเฉลยในกระทู้
ไม่มีใครทายถูกเลย 20 คะแนน
ทายถูก 1 คน เหลือ 18 คะแนน
ทายถูก 2 คน เหลือ 17 คะแนน
ทายถูก 3 คน เหลือ 16 คะแนน.......ไปเรื่อยๆ ครับ
*** จะเฉลยถุงมือนี้ใน วันที่ 18 กุมภาพันธ์ุ 2561 ***
สโลแกนของเราคือ "อยากเขียน อยากแต่ง ตอนไหนก็ได้ ไม่มีคำว่า หมดเขตเมื่อไร"
จัดไป ในแต่ละสัปดาห์ จนครบเดือน จะสรุปผลคะแนน
ผู้ชนะที่ 1 และ/หรือ ผู้ที่ไม่มีใครทายถูก จะได้สิทธิ์ร่วมรายการ THE GLOVES FINAL 2018 ตอนปลายปี ครับผม