"The Iron Duke" Part 4 : เมื่อ "วีรบุรุษ" พบ "วีรบุรุษ"

หลังจากจบสงคราม Anglo - Maratha ครั้งที่ 2 นั้น Arthur ก็บ่นๆร่ำอย่างกลับอังกฤษ โดยเขาบอกว่า "ฉันรับใช้อินเดียมานาน พอเท่ากับที่ชายคนหนึ่งรับใช้ได้ทุกที่" อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กลับอังกฤษทันที เพราะมีเหตุจลาจลเกิดขึ้นในอินเดียอีก จนเขาต้องนำกำลังเข้าปราบปราม ถึงแม้เหตุการณ์จะยังไม่สงบเขาก็ตัดสินใจกลับอังกฤษอยู่ดี ประจวบเหมาะกับพี่ชายของเขาท่าน Lord Mornington นั้นหมดวาระ ข้าหลวงพอดี จึงเป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะได้เดินทางกลับอังกฤษพร้อมกัน ฉะนั้นในวันที่ 24 มิถุนายนเขาก็ร่ำลากองทหารของเขาที่เมือง Poona และลาออกจากตำแหน่งทุกตำแหน่งในอินเดีย และเดินทางลงเรือหลวง Howe ไปพร้อมกับพี่ชาย...และเนื่องด้วยคุณงามความดีที่เขาทำในอินเดียทำให้เขาได้รับเครื่องราชอิสราชอิสริยยศ อัศวินแห่ง Bath (อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์) ทำให้เขากลายเป็นท่าน Sir ไปโดยปริยายรวมถึงนำเงินกลับไปกว่า 42,000 ปอนด์ (ซึ่งถือว่ามากโขในสมัยนั้น) และด้วยความบังเอิญเหลือเชื่อ ในระหว่างทางกลับอังกฤษนั้น เรือหลวง Howe ได้ไปแวะเทียบท่าที่ เกาะเซนต์เฮเลน่า ซึ่งกาลต่อมาจะเป็นสถานที่พำนักสุดท้ายของ นโปเลียน และยังไม่พอท่าน Sir Arthur นั้น ได้ไปนอนพักผ่อนใน Long Wood House ซึ่งเป็นสถานที่ จักรพรรดิ นโปเลียนสวรรคตอีกล่ะครับ (อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้)

ในเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 1805 เขานั้นได้เดินทางกลับมาถึงอังกฤษ แต่ถึงแม้ชื่อเสียงการรบของเขานั้นจะขจรไกลในอินเดีย แต่ที่อังกฤษนั้นคนละเรื่องครับ เพราะเขาก็ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนหมู่มากอยู่ดี เขาก็ได้ไปนั่งรอใน สำนักงาน เลขานุการสงครามแห่งอังกฤษ เพื่อรอรับหน้าที่ใหม่ที่จะมอบให้ และเรื่องบังเอิ๊ญ บังเอิญแสนน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเองเมื่อเขาก็พบว่า พลเรือโท "Horatio Nelson" นั้นก็นั่งรออยู่ในห้องเดียวกัน





พลเรือโท Lord Horatio Nelson



สำหรับผู้อ่านที่ไม่ทราบว่า Horatio Nelson นั้นเป็นใคร เขาผู้นี้คือนายพลเรืออังกฤษที่ได้เป็น ตำนานค้างฟ้า ของวงการทหารเรือครับ โดยวีรกรรมแสบๆของเขานั้น ตั้งแต่ไปถล่มกองเรือรบฝรั่งเศส จนราบที่ปากแม่น้ำไนล์ ทำให้ นโปเลียนกลับบ้านไม่ได้ 55 นอกจากนี้ยังไป ถล่มเรือรบ เดนมาร์ก คาท่า แล้วก็เอาชนะกองเรือ สเปน ที่มากกว่าได้อย่างงดงามที่แหลม St. Vincent (ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะเป็นนายพลชั้นรอง แต่ด้วยกลยุทธ์ของเขานั้นแหละที่ทำให้อังกฤษชนะ) และเขาผู้นี้ ก็กำลังจะเดินทางไปตามถล่ม เรือกองเรือรบฝรั่งเศส - สเปน ใน เมดิเตอร์เรเนียนให้ราบ (ซึ่งจะกลายเป็น ยุทธนาวีที่แหลม Trafalgar อันโด่งดัง และ ยุทธนาวีนี่แหละทำให้เขาเป็น ตำนาน ในที่สุดถึงแม้จะแลกด้วยชีวิตของเขาก็ตาม และสุดท้าย ไอ้ยุทธนาวีที่ว่านี่ มันก็กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าด้วย!!)

แน่นอนครับว่าระหว่างนั่งรอทั้งคู่ก็สนทนากันแก้เบื่อ โดยเนื้อหาการสนทนาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นเรื่องอะไร แต่หลังจากนั้นไม่นาน Nelson ก็ได้พูดถึง ท่าน Sir Arthur ว่า "เขาเป็นนายทหารที่น่าถึงมาก เขารู้ถึงได้ทุกปัญหาทั้งๆที่ยังไม่ได้รับคำสั่งเลยด้วยซ้ำ"

ในปีเดียวกันใน วันที่ 30 ตุลาคม Sir Arthur ก็ได้รับตำแหน่ง เจ้าพนักงานในมณฑล Kent และกำลังได้คุมกองพลทหารอังกฤษ ใน Hanover (อันเป็นรัฐ 1 ในเยอรมันที่ พระเจ้าจอร์จที่ 3 เป็น ผู้ปกครอง) แต่แผนการณ์ก็ต้องถูกยกเลิกเนื่องจาก ชัยชนะของ นโปเลียนที่มีเหนือต่อทัพพันธมิตรใน Austerlitz หลังจบศึกนี้นั้นทำให้ ออสเตรีย ถอนตัวออกจากสงคราม อำนาจของฝรั่งเศสทวีมากขึ้นในแถบเยอรมัน ฉะนั้นการส่งทหารเข้าไปในเยอรมันดูจะเป็นการสุ่มเสี่ยงไป

1 ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1806 เขาก็ได้รับตำแหน่งเป็น ส.ส. ของรัฐสภาแห่ง Rye แต่ไม่นาน สภาก็ถุกยุบ เขาจึงไปดำรงตำแหน่ง เลขานุการสภาแห่งไอร์แลนด์ ในสภาแห่ง Portland โดยมีท่าน Duke of Richmond เป็น ประธาน ซึ่งที่นั้นก็ดูเหมือนจะมีปัญหากับการต่อต้านจากพวก แคธอลิก พอสมควร (อังกฤานั้น นับถือนิกาย Church of England) และที่สำคัญคือเขาเป็นคน ไอร์แลนด์ อย่างไรก็ตามเขาก็สาบานกับทางสภาไปแล้ว ว่าจะปฎิบัติหน้าที่โดยไม่สนข้อเรียกร้องของพวก คาทอลิก ซึ่งนั้นทำให้เขาหนักใจพอควร แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ ปฎิรูปตำรวจใน Dublin และ พัฒนาการเก็บภาษีเพื่อการเกษตรและการขุดคลอง และเมื่อ สภายุบลง.... สงครามครั้งใหม่นั้นก็กำลังคืบคลานมาหาอังกฤษอีกครั้ง นั้นคือ สงครามระหว่าง อังกฤษ กับ เดนมาร์ก!!!




รูปวาดในจินตนาการขณะที่ Sir Arthur Wellesley พบกับ พลเรือโท Lord Horatio Nelson โดยบังเอิญ ที่สำนักงานเลขานุการสงครามแห่งอังกฤษ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่