[CR] Brussels Mini Guide ไฮไลท์ท่องเมืองหลวงแห่งยุโรป

สวัสดีชาวพันทิปทุกคนค่ะ ...

ห่างหายไปเกือบปีได้ แต่พอเห็นข่าว Facebook ประกาศลด feed ของแฟนเพจ เลยคิดว่าจะกลับมาบล็อกในพันทิปอีกครั้ง เพื่อให้ข้อมูลท่องเที่ยวที่เขียนในแฟนเพจ https://www.facebook.com/thaifootprint/ และบล็อก www.thaifootprint.com เป็นประโยชน์กับนักเดินทางคนอื่นๆ เพราะเชื่อว่าข้อมูล content ดีๆ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อ boost/ promote และแนวทางนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากจะทำค่ะ (ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เช่นมีสปอนเซอร์)

ไกด์นี้เหมาะกับคนที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวเบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ และเยอรมัน (แฟรงเฟริต์) ค่ะ บล็อกทยอยเขียนเสร็จไปแล้ว 4 เมือง ยังเหลืออีกหลายเมืองซึ่งกำลังทยอยเขียนอยู่

ใครจะไปตามอ่านในแฟนเพจ หรือบล็อกก็ได้ทั้งนั้น หรือจะรอโพสในพันทิปก็ได้เช่นกัน เพียงแต่โพสในพันทิปจะคลอดช้ากว่าในแฟนเพจและบล็อก 2-3 วัน เพราะมีปัญหาตาแห้งค่ะ ดังนั้นจะใช้เวลาอยู่หน้าคอมฯเพียงวันละ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ

- Brussels, Belgium http://wp.me/p8na7J-45R
- Ghent, Belgium http://wp.me/s8na7J-ghent
- Bruges, Belgium http://wp.me/s8na7J-bruges
- Antwerp, Belgium http://wp.me/p8na7J-49R
- Gouda, Netherlands
- Rotterdam, Netherlands
- Delft, Netherlands
- Hague, Netherlands
- Amsterdam, Netherlands
- Heidelberg, Germany
- Frankfurt, Germany

และวันนี้ก็เป็นคิวของ Brussels (บรัสเซลส์) ค่ะ ... ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มกันเลยนะคะ

เพียงข้ามคืน (12 ชั่วโมง) … การบินไทยก็พาเราไปยัง Brussels/ Bruxelles (บรัสเซลส์) เมืองหลวงของ Belgium (เบลเยี่ยม) ในตอนเช้าตรู่ของฤดูหนาว

วีซ่าเชงเก้น 5 ปี ที่ฟ้าประทานจากสถานฑูตเนเธอร์แลนด์ทำให้รู้สึกว่ายุโรปเปิดประตูต้อนรับฉันอย่างกับอั้ม พัชราภา ยิ่งช่องทางเข้าเมืองก็สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องกรอกเอกสารใดๆทั้งสิ้น ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนกับเดินบนพรมแดงเข้ายุโรปเอาเสียจริงๆ (ยกเว้นสภาพอากาศน่ารันทดอย่างที่เกริ่นไว้)


Brussels Highlights

Brussels เป็นเมืองหลวงของ Belgium เช่นเดียวกับเมืองหลวงของยุโรป เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของ EU Parliament หรือ รัฐสภาสหภาพยุโรปซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 24 ประเทศ (ไม่นับสหราชอาณาจักร)

ในอดีต Brussels เป็นเมืองค้าขายและจตุรัส Grand Place (แกรนด์เพลส) ก็คือศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเมือง
ปัจจุบัน Brussels มีประชากรประมาณ 2 ล้านคน ภาษาฝรั่งเศส ดัชท์ และ Flemish (เฟลมมิช) เป็นภาษาหลักที่ใช้สื่อสาร แต่คนเบลเยี่ยมส่วนใหญ่ก็พูดภาษาอังกฤษได้ การท่องเที่ยวในประเทศนี้จึงไม่เป็นปัญหานัก (คนเบลเยี่ยมตอนเหนือจะใช้ภาษาดัชท์ ส่วนตอนใต้จะใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลักค่ะ)
Old town (เมืองเก่า) ของ Brussels มีขนาดกะทัดรัด พนักงานโรงแรมขีดเส้นผ่าศูนย์กลางพร้อมบอกกับเราว่า ยูว์เดินเพียง 30 นาทีก็ทั่วเมืองเก่าแล้ว ดังนั้นการเดินเท้าจึงเป็นวิธีรู้จัก Brussels อย่างแนบชิดที่ดีที่สุด รถแทรม หรือรถไฟใต้ดินแทบไม่ได้ใช้เลย ถ้าจะเดินเล่นอยู่เฉพาะเมืองเก่า (ข้อมูลเที่ยว https://visit.brussels/en/)

Grand Place

เห็นชื่อจตุรัสครั้งแรก ก็อ่านว่า “กรองด์ พลาส์” ตามภาษาฝรั่งเศสที่เรียนมาเมื่อปีมะโว้ แต่หลังจากคุยกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรม เขากลับอ่านตามสำเนียงอังกฤษชัดเจนว่า “แกรนด์เพลส” จตุรัสใหญ่ใจกลางเมือง ที่บอกเลยว่ายิ่งใหญ่สมฐานะของชื่อจริงๆค่ะ

ในอดีต Grand Place เป็นศูนย์กลางการค้า เป็นตลาดเก่าของเมือง ถนนรายรอบจตุรัสจึงตั้งชื่อตามสินค้าที่ขาย เช่น Rue au Beurre หรือ Butter Street และ Rue des Bouchers หรือ Butcher’s Street

ประมาณศตวรรษที่ 16 ฝรั่งเศสบุกเข้ามาถล่มเมืองอยู่ถึง 36 ชั่วโมงเต็ม สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองอย่างมาก อาคารเก่าถูกทำลายกว่า 4,000 หลัง รวมถึงสิ่งก่อสร้างรายรอบ Grand Place ด้วย

เพียง 5 ปีหลังจากสงคราม Brussels ก็ลุกขึ้นมาสร้างเมืองใหม่ รวมถึง Guildhalls (ศาลากลาง) ของหลากหลายอาชีพที่โอบกอดจตุรัส ส่งผลให้ Grand Place กลายเป็นจตุรัสที่สวยงามตระการตาที่สุดของโลก และถูกขึ้นทะเบียนเป็น UNESCO World Heritage ในที่สุด


Hotel de Ville เป็นอาคารเด่นที่สุดของจตุรัส เป็นอาคารเดียวที่อยู่รอดจากการรุกรานของฝรั่งเศส ทั้งที่เป็นเป้าหมายต้นๆ หินสีครีมด้านหน้าถูกแต่งแต้มด้วยหินแกะสลักรูป Gargoyle (การ์กอยล์) เทาว์เวอร์สูง 96 เมตรประดับด้วยรูปปั้นสีทองของ St. Michel เทพประจำเมือง Hotel de Ville ดูยิ่งใหญ่และอลังการกว่าตึกใดๆใน Grand Place ใครสนใจ ก็มีทัวร์พาชมอาคารด้วยค่ะ

นอกจากนั้นยังมี Maison du Roi ตึกนีโอโกธิคสีเข้มที่ดูน่าเกรงขาม เดิมทีอาคารนี้เคยเป็นตลาดขนมปัง แต่ปัจจุบัน กลายเป็น Brussels City Museum มีแผนที่เก่าและประวัติศาสตร์ของเมืองให้เรียนรู้กัน

ส่วนอาคารเล็กที่สุดแต่กลับมีคนแวะมามากที่สุดแห่งหนึ่งก็คือ L’Etoile ที่นี่มีรูปปั้นทองเหลืองของฮีโร่คนสำคัญ Everand ‘t Serclaes ตั้งอยู่ ชาวเบลเยี่ยมมีความเชื่อว่า ถ้าใครได้ลูบรูปปั้นนี้ก็จะโชคดี คิวแถวของนักท่องเที่ยวทั้งชาวเอเชียและยุโรป จึงก่อตัวกันสั้นๆ ที่ด้านหน้ารูปปั้นฮีโร่ผู้นี้ค่ะ

ทริปเบ-เน-มันส์นี้ เกิดขึ้นปลายเดือนพฤศจิกายน ลานกว้างของจตุรัส จึงประดับต้นคริสตมาสสูงใหญ่ พร้อมกับโรงนาจำลองเรื่องราวการประสูติของพระเยซูคริสต์ และการแสดงแสงสีเสียง (เพลง) ยามค่ำคืน ที่ปลุกให้ Grand Place ของคืนนี้น่าตื่นตะลึง อารมณ์เหมือนอยู่ในดิสนีแลนด์แดนมหัศจรรย์เลยค่ะ  (1000 Brussels/ 24 ชั่วโมง/ ฟรี)


Manneken Pis (แมนเนเก้น พิส)

ถัดจากรูปปั้นของ Everard ‘t Serclaes ในซอยเดียวกันนั้น เพียง 30 เมตร ก็เป็นที่ตั้งของ Manneken Pis รูปปั้นเด็กผู้ชายยืนฉี่ดังที่สุดของโลก รูปปั้นนี้มีขนาดเล็ก สูงไม่น่าจะเกินหนึ่งเมตร ยืนแอ่นตัวฉี่เป็นสายน้ำอย่างไม่อายใคร

ความเชื่อเกี่ยวกับ Manneken Pis มีอยู่หลายอย่าง คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเด็กชายผู้นี้มีชื่อว่า Petite Julien แต่เหตุผลว่าทำไมมายืนฉี่อยู่ตรงมุมถนนนี้นั้นกลับมีหลายสาเหตุ บ้างว่า Petite Julien ยืนฉี่รดระเบิดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับเมือง บางคนก็ว่าเป็นลูกชายของคนร่ำรวยที่พลัดหลง พอเจอยืนฉี่อยู่ตรงจุดนี้ พ่อกับแม่ก็เลยสร้างรูปปั้นไว้ หรือแม้กระทั้งเชื่อกันว่า ซอยนี้เคยเป็นซอยของพ่อค้าทำหนัง ฉี่เด็กที่รดบนหนังทำให้หนังอ่อนตัว จึงเป็นที่มาของรูปปั้นค่ะ

ส่วนเสื้อผ้าที่ใช้ปกคลุมร่างกายของ Manneken Pis นี้ริเริ่มมาตั้งแต่ยุคของพระเจ้าหลุยส์ ชุดแรกถูกเก็บไว้ในพิพิธภัฑณ์ และปัจจุบันก็กลายเป็นประเพณีให้ Manneken Pis สวมใส่ชุดต่างๆตามวาระและเทศกาล แต่ไม่ว่าจะใส่ชุดไหนยังไงก็ต้องเปิดช่องให้เด็กชายได้ผ่อนเบาเหมือนเดิม

อีกเรื่องที่น้อยคนจะรู้ก็คือ Mannekin Pis นี้เป็นผลงานที่สร้างใหม่เพราะของออริจินั่ลถูกขโมยจนได้รับความเสียหาย ถึง 2 ครั้ง …

นึกถึงความรู้สึกของคน Brussels ในวันนั้น คงตกใจน่าดู ตื่นมาไม่เจอเด็กยืนฉี่ที่มุมเดิมแล้ว จนน่าจะเป็นสาเหตุให้ปัจจุบันนี้มีรั้วรอบขอบชิดอย่างทุกวันนี้ (Rue de l’Etuve 31 & Rue de Chene/ 24 ชั่วโมง/ ฟรี)

Comic Street Art หรือ Comic Book Route

คนเบลเยี่ยมเป็นนักวาดการ์ตูนตัวยง สร้างศิลปินชื่อเสียงระดับโลกมากมาย Brussels จึงสละพื้นที่ตามกำแพงที่ว่างเปล่าของเมืองเก่าให้กับภาพการ์ตูนดังในตำนานตั้งแต่ปี 1991 ค่ะ

Brousaille Wall คือกำแพงแรกของเมือง เดินจาก Manneken Pis ไม่นานนัก ก็จะเจอกับภาพของ Brousaille กุมมือกับแฟนสาวอย่างมีความสุข การ์ตูนเรื่องนี้เป็นฝีมือของ Frank Pe นักวาดการ์ตูนชื่อดังของเบลเยี่ยม (Rue du Marche au Charbon)

ใกล้ๆกันก็ยังมี Comic Street Art อีก 2-3 ภาพ แต่ภาพดังที่สุดก็คือ The Adventures of Tin Tin ที่เขียนในปี 1929 โดย Georges Remi หรือนามปากกาว่า Herge Tintin

Tin Tin เป็นนักข่าว มีผมเป็นเอกลักษณ์ มักเดินทางไปแก้ไขความลับทั่วโลกกับ Snowy สุนัขคู่ใจ ภาพนี้อยู่ในตอน The Calculas Affair ตั้งอยู่ที่ Rue de L’Etuve 37 ไม่ไกลจาก Mannekin Pis อีกเช่นกัน (Rue de L’Etuve/ 24 ชั่วโมง/ ฟรี)

Jeanneke Pis

หลังจากเดินดู Comic Street Art กันจนพอใจ ฉันเดินย้อนไปอีกฝั่งของเมืองเก่า เพื่อไปดู Jennekin Pis เด็กหญิงนั่งฉี่ ที่หลายคนบอกว่าเป็นน้องสาวของ Mannekin Pis แต่วันนี้กลับมีลูกกรงมาปิดตรงรูปปั้นค่ะ เราจะเดินกลับไปอีกครั้งในวันถัดมา ลูกกรงก็ยังคงปิดอยู่และไม่มีป้ายบอกเหตุผลใด มีแต่เพียงแผ่นป้ายติดข้างๆกำแพง บอกให้นักท่องเที่ยวโยนเหรียญเข้าไปในอ่างแล้วจะโชคดี ซึ่งเราก็ปฏิบัติตามอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด (Impasse de la Fidélité 10-12/ 24 ชั่วโมง/ ฟรี)

Mont Des Art

บนเนินสูงไม่ไกลจาก Grand Place ผ่าน Central Station ตรงไปยัง Mont Des Art หรือเนินเขาแห่งศิลปะซึ่ง King Leopold II ผู้ได้ชื่อว่ากษัตริย์นักสร้างได้สร้างไว้ด้านหน้าพระราชวังหลวง

บนเนินแห่งนี้มีสวนฝรั่งเศสขนาดเล็กไต่ระดับกันไป พร้อมกับขั้นบันไดที่เดินขึ้นไปยังพระราชวังหลวง รอบๆมีพิพิธภัณฑ์น่าชมมากมาย จนเรียกได้ว่าเป็น Art Town ของเมือง เช่น RMFA, MIM และ Maritte Museum

คองานศิลปะดูรายละเอียดของพิพิธภัณฑ์ได้ที่เว็บไซต์ และถ้าเราหันหลังให้กับพระราชวัง มองตรงไปด้านหน้าก็จะเห็น Brussels เกือบทั้งเมืองเลยค่ะ (Rue Royale 2-4 Koningsstraat/ www.montdesarts.com/en/49)
ชื่อสินค้า:   บรัสเซลส์ เบลเยี่ยม เที่ยวบรัสเซลส์ ไกด์เที่ยวบรัสเซลส์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่