สวัสดีค่ะ พี่หยอดวัดยางกลับมาอีกแล้ว...คราวนี้พาบินข้ามไปเที่ยวฝั่งยุโรปที่ประเทศเบลเยี่ยมกันบ้างค่ะ

บอกก่อนว่าทริปนี้ของ “พี่หยอด” เป็นทริปที่ไปทำงานค่ะ อาจจะมีเวลาแวะแต่ละจุดไม่มากนัก
แต่ก็โชคดีที่ได้มีโอกาสเดินทางผ่าน 3 เมืองสวยๆที่ระยะทางไม่ไกลกัน นั่นคือ Brussels, Ghent และ Brugge นั่นเอง
สภาพอากาศในช่วงกลางๆเดือน มี.ค. ก็หนาวกำลังใช้ได้เลยค่ะ อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 5-12 องศา
ทั้ง 3 เมืองที่ว่านี้ หากดูจากแผนที่แล้ว จะเห็นว่าอยู่ต่อๆกันเป็นแนวเส้นตรงทแยงขึ้นไปทานตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศค่ะ
การเดินทางของทริปนี้เราใช้การเดินทางโดยรถยนต์ ระยะทางคร่าวๆ จากเมืองหลวง Brussels ไปยังเมือง Ghent ใช้เวลาประมาณเกือบๆ 1 ชั่วโมง และจาก Ghent ไปยังเมือง Brugge ใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
คือดีงามมากนะคะ หากใครมีเวลาเพียง 1-2 วันในเบลเยี่ยม สามารถใช้การเดินทาง route นี้ได้เลย...
ถึงแม้ว่าแต่ละเมืองในประเทศโซนยุโรป มองๆไปหน้าตาอาจจะเหมือนๆกัน ทั้งตึกอาคาร จัตุรัสกลางเมือง แม่น้ำ และสถาปัตยกรรม
แต่พอเราได้สัมผัสแล้วจะเห็นเลยว่าแต่ละเมืองมีสเน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์และสวยงามมากๆค่ะ ควรค่าแก่การเดินทางไปแน่นอนค่ะ
ปล.
กระทู้ Mini-review นี้จะเน้นภาพบรรยากาศซะส่วนมากกนะคะ
มาเริ่มกันที่เมืองแรกเลยดีกว่า...
มาถึง Belgium ทั้งทีจะพลาดเมืองหลวงอย่างกรุงบรัสเซลส์ไปได้อย่างไร...
Brussels กรุงบรัสเซลส์
ตั้งอยู่ในตอนกลางของประเทศเบลเยี่ยมค่ะ กรุงบรัสเซลส์ได้ชื่อว่าเป็นเหมือนศูนย์กลางของสหภาพยุโรป หรือ EU ด้วยความที่เมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศที่สำคัญๆหลายแห่ง ช่วงเดือนมีนาคม เป็นช่วงที่อากาศเย็นกำลังสบายค่ะ อยู่ที่ประมาณ 10 องศา
มาเที่ยวคราวนี้เรามีเวลาอยู่เมืองหลวงแห่งนี้แค่ไม่นาน...มาดูกันว่าในเกือบๆหนึ่งวันเราได้แวะไป check-in ที่ไหนกันบาง
-
Atomium สิ่งปลูกสร้างที่มีรูปร่างหน้าตาที่แปลกมากๆ เป็น Landmark ที่นักท่องเที่ยวจะต้องแวะมาชม
ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้วในงาน World Expo 1958 บริเวณข้างๆสวน Ossegempark ชานเมืองกรุงบรัสเซลส์
ลักษณะคล้ายๆกับโมเลกุลทรงกลม 9 ลูก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 เมตรที่เชื่อมต่อกันด้วยแท่งเหล็กขนาดใหญ่
โดยอาคารแห่งนี้มีความสูง 102 เมตร เราสามารถขึ้นไปชมวิวข้างบนได้ ค่าตั๋ว 12.00 € (แต่คราวนี้เวลามีน้อย...เลยไม่ได้ขึ้นนะ)
-
Royal Castle of Laeken - Royal Palace of Brussels พระราชวังลาเคิล ที่ประทับของราชวงศ์เบลเยี่ยมค่ะ
หากว่าช่วงไหนที่พระมหากษัตริย์แปลพระราชฐาน ก็จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมในวังได้ บริเวณรอบๆวังก็จะมีสวนขนาดใหญ่ที่ผู้คนจะมาเดินเล่นพักผ่อนและออกกำลังกาย
-
The Grand Place (กร็อง-ปลัส) หรือ Grand-Place de Bruxelles จัตุรัสขนาดใหญ่กลางกรุงบรัสเซลส์ เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายในสมัยก่อน
มีอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์เก่าแก่อยู่โดยรอบ สวยงามมากๆค่ะ
ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Hôtel de Ville de Bruxelles) ก็ตั้งอยู่บริเวณนี้เช่นกัน ที่นี่เองค่ะถูกจัดให้เป็นจัตุรัสที่สวยที่สุดในโลก ทุกๆสองปีในเดือน สิงหาคม จะมีการจัดเทศกาลพรมดอกไม้ ซึ่งจะมีการนำเอาดอกไม้พื้นเมืองเป็นแสนๆดอกมาจัดเป็นรูปต่างๆ ใครอยากไปชมงานนี้ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่
http://www.flowercarpet.brussels/en
-
Little Man Pee Pee - Manneken Pis หรือ แมนเนเกน พิส น้ำพุรูปปั้นเด็กผู้ชายที่กำลังยืนฉี่ สัญลักษณ์ของกรุงบรัสเซลส์ที่ทุกคนน่าจะคุ้นตากันเป็นอย่างดี รูปปั้นเด็กน้อยคนนี้ทำมาจากทองแดง ขนาดความสูงแค่ 61 ซม. เท่านั้นค่ะ (คือจริงๆคิดว่าจะตัวใหญ่กว่านี้ !!) น้ำพุเด็กชายฉี่นี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของ The Grand Place แยกระหว่างถนน Rue de l'Étuve/Stoofstraat และ Rue du Chêne/Eikstraat โดยแต่ละช่วงเทศกาลก็จะมีการเอาชุดมาใส่ให้กับเด็กชายคนนี้ด้วยค่ะ ครั้งนี้เป็นชุดอะไรไม่ค่อยแน่ใจ...แต่จริงๆอยากเห็นแบบ orginal เปลือยๆมากกว่า 555
- อีกหนึ่งรูปปั้นที่ไม่น่าพลาด และอาจจะยังไม่มีใครสนใจเท่าไรนัก ตะกี้เราเห็นเด็กชายยืนฉี่ไปแล้ว คราวนี้มาดูเด็กหญิงนั่งฉี่กันบ้าง
Jeanneke Pis หรือ เจนเนเค พิส ตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆ บริเวณ The Grand Place ขนาดความสูงประมาณ 50 ซม. ถูกสร้างขึ้นเพื่อสื่อถึงความเสมอภาคทางเพศนั่นเอง นอกจากนี้เด็กหญิงคนนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของการร่วมกันบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งอีกด้วยค่ะ ใครแวะไปทักทาย Manneken Pis แล้วก็อย่าลืมแวะมาเจอ Jeanneke Pis ด้วยนะคะ
- จุดสุดท้ายที่เราได้แวะไปชื่นชมความสวยงามก็คือ
St. Michael and St. Gudula Cathedral มหาวิหารเซนต์ไมเคิล อีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองบรัสเซลส์ ด้วยความใหญ่โตอลังการ สถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นในแบบ Gothic ด้านหน้ามีสวนเล็กๆเมื่อมองผ่านเข้าไปก็จะเห็นหอคอยคู่สูงตระหง่าน สวยงามมากจริงๆค่ะ
สุดท้าย ท้ายสุด สำหรับกรุงบรัสเซลส์...
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ กรุงบรัสเซลส์แห่งนี้ยังเปรียบเสมือน เมืองแห่งการ์ตูน เพราะการ์ตูนหลายๆเรื่องมีจุดเริ่มต้นมาจากที่นี่ เช่น Smurfs และ TIN TIN ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก หลายๆจุดในเมืองก็จะมี character ต่างๆของการ์ตูนให้เราได้ตามหา เช่น ภาพวาด TIN TIN บนผนังตึก หรือรูปปั้น Smurfs ด้านหน้า MOOF Museum ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาตามรอย character ที่ตัวเองชื่นชอบ
ปล. ระหว่างเดินเล่นในเมืองก็อย่าลืมหาร้าน waffle ซึ่งจัดว่าเป็นขนมท้องถิ่นของเบลเยี่ยมทานด้วยนะคะ จะราดวิปครีม ช็อคโกแลต หรือสตรอเบอรี่ก็อร่อยไปหมด ชิ้นละ 1-2 € หรือจะหาเบียร์ผลไม้รสชาติแปลกๆมาทานก็ชิวไปโลด ราคาก็เบาๆขวดละ 2-4 € ค่ะ
เป็นอีกหนึ่งวันที่คุ้มค่า ได้ชื่นชมความสวยงามของกรุงบรัสเซลส์...ถ้ามีโอกาสจะขอกลับไปอีกซักครั้งแน่นอน

The Grand Place

Atomium

ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์


St. Michael and St. Gudula Cathedral

Manneken Pis


Jeanneke Pis


Royal Castle of Laeken

[CR] เที่ยวรัวรัว : 3 เมืองในฝันเมื่อฉันไปเบลเยี่ยม Brussels , Ghent , Brugge
บอกก่อนว่าทริปนี้ของ “พี่หยอด” เป็นทริปที่ไปทำงานค่ะ อาจจะมีเวลาแวะแต่ละจุดไม่มากนัก
แต่ก็โชคดีที่ได้มีโอกาสเดินทางผ่าน 3 เมืองสวยๆที่ระยะทางไม่ไกลกัน นั่นคือ Brussels, Ghent และ Brugge นั่นเอง
สภาพอากาศในช่วงกลางๆเดือน มี.ค. ก็หนาวกำลังใช้ได้เลยค่ะ อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 5-12 องศา
ทั้ง 3 เมืองที่ว่านี้ หากดูจากแผนที่แล้ว จะเห็นว่าอยู่ต่อๆกันเป็นแนวเส้นตรงทแยงขึ้นไปทานตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศค่ะ
การเดินทางของทริปนี้เราใช้การเดินทางโดยรถยนต์ ระยะทางคร่าวๆ จากเมืองหลวง Brussels ไปยังเมือง Ghent ใช้เวลาประมาณเกือบๆ 1 ชั่วโมง และจาก Ghent ไปยังเมือง Brugge ใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
คือดีงามมากนะคะ หากใครมีเวลาเพียง 1-2 วันในเบลเยี่ยม สามารถใช้การเดินทาง route นี้ได้เลย...
ถึงแม้ว่าแต่ละเมืองในประเทศโซนยุโรป มองๆไปหน้าตาอาจจะเหมือนๆกัน ทั้งตึกอาคาร จัตุรัสกลางเมือง แม่น้ำ และสถาปัตยกรรม
แต่พอเราได้สัมผัสแล้วจะเห็นเลยว่าแต่ละเมืองมีสเน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์และสวยงามมากๆค่ะ ควรค่าแก่การเดินทางไปแน่นอนค่ะ
ปล. กระทู้ Mini-review นี้จะเน้นภาพบรรยากาศซะส่วนมากกนะคะ
มาเริ่มกันที่เมืองแรกเลยดีกว่า...
มาถึง Belgium ทั้งทีจะพลาดเมืองหลวงอย่างกรุงบรัสเซลส์ไปได้อย่างไร...
Brussels กรุงบรัสเซลส์
ตั้งอยู่ในตอนกลางของประเทศเบลเยี่ยมค่ะ กรุงบรัสเซลส์ได้ชื่อว่าเป็นเหมือนศูนย์กลางของสหภาพยุโรป หรือ EU ด้วยความที่เมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศที่สำคัญๆหลายแห่ง ช่วงเดือนมีนาคม เป็นช่วงที่อากาศเย็นกำลังสบายค่ะ อยู่ที่ประมาณ 10 องศา
มาเที่ยวคราวนี้เรามีเวลาอยู่เมืองหลวงแห่งนี้แค่ไม่นาน...มาดูกันว่าในเกือบๆหนึ่งวันเราได้แวะไป check-in ที่ไหนกันบาง
- Atomium สิ่งปลูกสร้างที่มีรูปร่างหน้าตาที่แปลกมากๆ เป็น Landmark ที่นักท่องเที่ยวจะต้องแวะมาชม
ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้วในงาน World Expo 1958 บริเวณข้างๆสวน Ossegempark ชานเมืองกรุงบรัสเซลส์
ลักษณะคล้ายๆกับโมเลกุลทรงกลม 9 ลูก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 เมตรที่เชื่อมต่อกันด้วยแท่งเหล็กขนาดใหญ่
โดยอาคารแห่งนี้มีความสูง 102 เมตร เราสามารถขึ้นไปชมวิวข้างบนได้ ค่าตั๋ว 12.00 € (แต่คราวนี้เวลามีน้อย...เลยไม่ได้ขึ้นนะ)
- Royal Castle of Laeken - Royal Palace of Brussels พระราชวังลาเคิล ที่ประทับของราชวงศ์เบลเยี่ยมค่ะ
หากว่าช่วงไหนที่พระมหากษัตริย์แปลพระราชฐาน ก็จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมในวังได้ บริเวณรอบๆวังก็จะมีสวนขนาดใหญ่ที่ผู้คนจะมาเดินเล่นพักผ่อนและออกกำลังกาย
- The Grand Place (กร็อง-ปลัส) หรือ Grand-Place de Bruxelles จัตุรัสขนาดใหญ่กลางกรุงบรัสเซลส์ เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายในสมัยก่อน
มีอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์เก่าแก่อยู่โดยรอบ สวยงามมากๆค่ะ ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Hôtel de Ville de Bruxelles) ก็ตั้งอยู่บริเวณนี้เช่นกัน ที่นี่เองค่ะถูกจัดให้เป็นจัตุรัสที่สวยที่สุดในโลก ทุกๆสองปีในเดือน สิงหาคม จะมีการจัดเทศกาลพรมดอกไม้ ซึ่งจะมีการนำเอาดอกไม้พื้นเมืองเป็นแสนๆดอกมาจัดเป็นรูปต่างๆ ใครอยากไปชมงานนี้ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.flowercarpet.brussels/en
- Little Man Pee Pee - Manneken Pis หรือ แมนเนเกน พิส น้ำพุรูปปั้นเด็กผู้ชายที่กำลังยืนฉี่ สัญลักษณ์ของกรุงบรัสเซลส์ที่ทุกคนน่าจะคุ้นตากันเป็นอย่างดี รูปปั้นเด็กน้อยคนนี้ทำมาจากทองแดง ขนาดความสูงแค่ 61 ซม. เท่านั้นค่ะ (คือจริงๆคิดว่าจะตัวใหญ่กว่านี้ !!) น้ำพุเด็กชายฉี่นี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของ The Grand Place แยกระหว่างถนน Rue de l'Étuve/Stoofstraat และ Rue du Chêne/Eikstraat โดยแต่ละช่วงเทศกาลก็จะมีการเอาชุดมาใส่ให้กับเด็กชายคนนี้ด้วยค่ะ ครั้งนี้เป็นชุดอะไรไม่ค่อยแน่ใจ...แต่จริงๆอยากเห็นแบบ orginal เปลือยๆมากกว่า 555
- อีกหนึ่งรูปปั้นที่ไม่น่าพลาด และอาจจะยังไม่มีใครสนใจเท่าไรนัก ตะกี้เราเห็นเด็กชายยืนฉี่ไปแล้ว คราวนี้มาดูเด็กหญิงนั่งฉี่กันบ้าง Jeanneke Pis หรือ เจนเนเค พิส ตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆ บริเวณ The Grand Place ขนาดความสูงประมาณ 50 ซม. ถูกสร้างขึ้นเพื่อสื่อถึงความเสมอภาคทางเพศนั่นเอง นอกจากนี้เด็กหญิงคนนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของการร่วมกันบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งอีกด้วยค่ะ ใครแวะไปทักทาย Manneken Pis แล้วก็อย่าลืมแวะมาเจอ Jeanneke Pis ด้วยนะคะ
- จุดสุดท้ายที่เราได้แวะไปชื่นชมความสวยงามก็คือ St. Michael and St. Gudula Cathedral มหาวิหารเซนต์ไมเคิล อีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองบรัสเซลส์ ด้วยความใหญ่โตอลังการ สถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นในแบบ Gothic ด้านหน้ามีสวนเล็กๆเมื่อมองผ่านเข้าไปก็จะเห็นหอคอยคู่สูงตระหง่าน สวยงามมากจริงๆค่ะ
สุดท้าย ท้ายสุด สำหรับกรุงบรัสเซลส์...
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ กรุงบรัสเซลส์แห่งนี้ยังเปรียบเสมือน เมืองแห่งการ์ตูน เพราะการ์ตูนหลายๆเรื่องมีจุดเริ่มต้นมาจากที่นี่ เช่น Smurfs และ TIN TIN ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก หลายๆจุดในเมืองก็จะมี character ต่างๆของการ์ตูนให้เราได้ตามหา เช่น ภาพวาด TIN TIN บนผนังตึก หรือรูปปั้น Smurfs ด้านหน้า MOOF Museum ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาตามรอย character ที่ตัวเองชื่นชอบ
ปล. ระหว่างเดินเล่นในเมืองก็อย่าลืมหาร้าน waffle ซึ่งจัดว่าเป็นขนมท้องถิ่นของเบลเยี่ยมทานด้วยนะคะ จะราดวิปครีม ช็อคโกแลต หรือสตรอเบอรี่ก็อร่อยไปหมด ชิ้นละ 1-2 € หรือจะหาเบียร์ผลไม้รสชาติแปลกๆมาทานก็ชิวไปโลด ราคาก็เบาๆขวดละ 2-4 € ค่ะ
เป็นอีกหนึ่งวันที่คุ้มค่า ได้ชื่นชมความสวยงามของกรุงบรัสเซลส์...ถ้ามีโอกาสจะขอกลับไปอีกซักครั้งแน่นอน