“พรเพชร” เผย “มีชัย” แนะ สนช.ยื่นศาลรธน.ตีความ ปม ปล่อยกรรมการป.ป.ช.สเปกต่ำอยู่ต่อ
เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์การโต้แย้งร่างพ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) หลังผ่านวาระสามจากที่ประชุมสนช.ว่า ขณะนี้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไม่ได้โต้แย้งเนื้อหาเพื่อขอตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน 3 ฝ่ายเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช.ระหว่าง กรธ. สนช. และกรรมการ โดย สนช.จะต้องรอความคิดเห็นอย่างเป็นทางการจากป.ป.ช.อีกครั้งก่อน ซึ่งจะมีกำหนดสิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในวันนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.มีข้อเสนอแนะให้สนช.พิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับบทเฉพาะกาลของร่างพ.ร.ป.ดังกล่าว โดยเฉพาะการดำรงตำแหน่งของกรรมการป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ที่ร่างพ.ร.ป.ฉบับนี้ได้มีการยกเว้นให้กรรมการป.ป.ช.ที่มีลักษณะต้องห้าม คือ เคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือกรรมการองค์กรอิสระมาก่อนยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ โดยนายมีชัยแสดงความคิดเห็นว่าควรจะต้องมีการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เด็ดขาดว่าสามารถกำหนดการยกเว้นลักษณะต้องห้ามได้หรือไม่
นายพรเพชร กล่าวต่อว่า สำหรับการเสนอร่างกฎหมายไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้สามารถดำเนินการได้ 2 วิธี ได้แก่
1.การให้สมาชิกสนช.เข้าชื่อร่วมกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือ
2.นายกรัฐมนตรี เสนอไปให้ศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเอง
โดยในส่วนของสนช.ในฐานะประธานสนช.คงไม่สามารถไปดำเนินการเพื่อบอกกล่าวแก่สมาชิกสนช.ได้ เนื่องจากเป็นอิสระและดุลพินิจของสมาชิกสนช. อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตมีการยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญจริง ส่วนตัวคิดว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยได้ โดยไม่ได้มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ประการใด เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 5 คนที่หมดวาระไปแล้วก็ยังคงสามารถทำหน้าที่รักษาการต่อไปได้จนกว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ เหมือนกับกรณีของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ปัจจุบันก็ยังทำหน้าที่รักษาการโดยมีอำนาจเต็มอยู่
JJNY : “พรเพชร”เผย“มีชัย” แนะ สนช.ยื่นศาลรธน.ตีความ ปม ปล่อยกรรมการป.ป.ช.สเปกต่ำอยู่ต่อ
เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์การโต้แย้งร่างพ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) หลังผ่านวาระสามจากที่ประชุมสนช.ว่า ขณะนี้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไม่ได้โต้แย้งเนื้อหาเพื่อขอตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน 3 ฝ่ายเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช.ระหว่าง กรธ. สนช. และกรรมการ โดย สนช.จะต้องรอความคิดเห็นอย่างเป็นทางการจากป.ป.ช.อีกครั้งก่อน ซึ่งจะมีกำหนดสิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในวันนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.มีข้อเสนอแนะให้สนช.พิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับบทเฉพาะกาลของร่างพ.ร.ป.ดังกล่าว โดยเฉพาะการดำรงตำแหน่งของกรรมการป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ที่ร่างพ.ร.ป.ฉบับนี้ได้มีการยกเว้นให้กรรมการป.ป.ช.ที่มีลักษณะต้องห้าม คือ เคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือกรรมการองค์กรอิสระมาก่อนยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ โดยนายมีชัยแสดงความคิดเห็นว่าควรจะต้องมีการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เด็ดขาดว่าสามารถกำหนดการยกเว้นลักษณะต้องห้ามได้หรือไม่
นายพรเพชร กล่าวต่อว่า สำหรับการเสนอร่างกฎหมายไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้สามารถดำเนินการได้ 2 วิธี ได้แก่
1.การให้สมาชิกสนช.เข้าชื่อร่วมกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือ
2.นายกรัฐมนตรี เสนอไปให้ศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเอง
โดยในส่วนของสนช.ในฐานะประธานสนช.คงไม่สามารถไปดำเนินการเพื่อบอกกล่าวแก่สมาชิกสนช.ได้ เนื่องจากเป็นอิสระและดุลพินิจของสมาชิกสนช. อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตมีการยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญจริง ส่วนตัวคิดว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยได้ โดยไม่ได้มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ประการใด เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 5 คนที่หมดวาระไปแล้วก็ยังคงสามารถทำหน้าที่รักษาการต่อไปได้จนกว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ เหมือนกับกรณีของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ปัจจุบันก็ยังทำหน้าที่รักษาการโดยมีอำนาจเต็มอยู่