เลี้ยงลูกยังไงให้เป็นอาชญากร กรณีศึกษาตัวละครบิ๊กในล่า

ฉึกๆๆตาย ยังหลอนกับคำๆนี้จากฉากการถูกล่าของบิ๊กหนึ่งใน 7 ทรชนแห่งละครล่า วันนี้บังเอิญได้อ่านเจอคำวิเคราะห์ที่น่าสนใจจากจิตแพทย์ เพจดัง เข็นเด็กขึ้นภูเขา จึงอยากแชร์ให้ผู้ปกครองที่มีลูกหลานในวัยนี้ได้อ่านกันและนอกจากความสะใจที่ได้เห็นบิ๊กชดใช้กรรมในสิ่งที่กระทำแล้วหวังตัวละครนี้คงให้ข้อคิดอะไรกับน้องๆที่กำลังคิดเดินทางผิดเพราะขาดความรักความอบอุ่นหรือเพื่อประชดสังคมได้บ้าง

https://www.facebook.com/kendekthai/
ในละครเรื่องล่า ตอนที่ 11 ผู้ชมละครได้เห็นรายละเอียดในชีวิตของ ‘บิ๊ก’ 1ใน7 คนร้ายที่ร่วมกันข่มขืนมธุสรและลูกสาว

มีบางสิ่งบางอย่างในครอบครัวบิ๊ก ที่มาที่ไปที่อาจจะมีส่วนส่งเสริมให้บิ๊กกลายมาเป็นคนที่ทำอะไรร้ายกาจ อย่างไม่คิดถึงจิตใจคนที่ถูกเขาทำร้าย และไม่แคร์โลกรอบข้าง ไม่แม้แต่จะสนใจความเป็นไปของตัวเอง

บิ๊กเติบโตมาในบ้านที่ปราจีนบุรี ตั้งแต่เด็กเขาก็มีพฤติกรรมเกเร สร้างปัญหาอยู่เรื่อยๆ พ่อและแม่เปิดแผงขายหมูในตลาด นอกจากพ่อแม่ บิ๊กก็มียายอีกคนที่เลี้ยงดูเขามา

ยายกับแม่คอยแต่จะตามใจและไม่เคยจะขัดใจอะไรเขาเลย ส่วนพ่อนั้นเป็นคนละแบบ เหมือนขาวกับดำ

พ่อเป็นคนดุมาก เวลาเขาทำอะไรผิด พ่อจะโกรธมาก ดาว่าเสียงดังแถมยังตบตีเขารุนแรง บิ๊กรู้สึกว่าพ่อมองเขาในแง่ร้ายมาตลอด เขาไม่เคยมีอะไรดีๆในสายตาพ่อเลย เวลาที่มีเรื่องอะไร พ่อเป็นต้องโทษเขาคนแรก ทั้งที่บางครั้งเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่พ่อก็เหมารวมว่าเขาเป็นคนที่แก้ตัวอะไรให้ดีขึ้นมาไม่ได้

บิ๊กจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่พ่อกอดเขาคือเมื่อไหร่

จนวันหนึ่งที่เขาก็ไม่รู้ตัวว่า เขาเริ่มทำอะไรเลวร้าย ทั้งผิดกฎหมายและศีลธรรมที่เกินจะรับได้ เขาอาจรู้สึกว่า ถ้าทำแบบนั้นมันจะทำให้เขาพอจะมีตัวตนขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยๆ เขาก็เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆที่ทำอะไรเลวๆเหมือนกัน

ถ้าโลกนี้มันร้ายกับเขา เขาก็จะตอบแทนมันให้สาสม

บิ๊ก เป็นตัวอย่างหนึ่งของคนที่มีบุคลิกภาพผิดปกติชนิด Antisocial personality disorder ลักษณะคือ จะทำผิดโดยปราศจากการสำนึกผิดชอบชั่วดี ไม่มีความวิตกกังวลหรือเสียใจในพฤติกรรมของตน ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น หาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง ขาดมโนธรรม

โดยทั่วไปถ้าคบผิวเผินคนอื่นอาจจะไม่พบอะไรผิดปกติ แต่จะมีประวัติตั้งแต่เด็กที่เกเร โกหก หนีโรงเรียน หนีออกจากบ้าน ลักขโมย ชกต่อย ใช้ยาเสพติด ทำผิดกฎหมาย พฤติกรรมเหล่านี้จะเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นอกจากจะมีเรื่องของครอบครัวและสิ่งแวดล้อม ภาวะนี้มีปัจจัยเกี่ยวข้องเรื่องของพันธุกรรมและปัจจัยชีวภาพต่างๆ

พ่อแม่ของคนที่เป็น Antisocial PD มักมีลักษณะการเลี้ยงดูไม่เหมาะสม ทั้งการทอดทิ้ง ไม่เอาใจใส่ ใช้ความรุนแรงในการเลี้ยงดู ตบตีและทำร้ายร่างกาย ทำร้ายทางอารมณ์ความรู้สึก ขาดความสม่ำเสมอ

โดยแม่มักจะมีลักษณะ ซึมเศร้า ยอมตาม ไม่มีปากมีเสียง

ส่วนพ่อมักมีอารมณ์ร้อน อารมณ์ขึ้นลงง่าย ติดสุรา อาจมีประวัติอาชญากรรมเช่นเดียวกัน

เด็กมักเติบโตมาด้วยความรู้สึกว่า "ชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยรู้สึกถึงคุณค่าและการยอมรับ" โดยเฉพาะกับคนใกล้ชิด เช่นพ่อแม่ ไม่รู้สึกว่ามีใครเห็นใจเขา จึงไม่เรียนรู้ที่จะเห็นใจคนอื่น

คนที่เป็น Antisocial PD มักลงเอยด้วยการมีคดีความอาชญากรรมและติดคุก มีปัญหาสัมพันธภาพกับคนรอบข้าง สุดท้ายผลเสียก็เกิดกับตัวเองและคนอื่นๆ

ส่วนหนึ่งได้เข้าสู่ระบบการบำบัดรักษาทางจิตเวช แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายนักสำหรับจิตแพทย์ในการรักษา เพราะคนไข้มักไม่ให้ความร่วมมือ และไม่คิดว่าตัวเองมีความผิดปกติอะไร

ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ปัจจัยบางอย่างที่ผู้ใหญ่สามารถปรับเปลี่ยนได้และช่วยป้องกัน เช่นเรื่องของการเลี้ยงดู ผู้ปกครองควรมีความเข้าใจและเลี้ยงดูเด็กอย่างเหมาะสม มีความสมดุลในเรื่องของการให้ความรัก ความเข้าใจและระเบียบวินัย

อาจจะเป็นทางหนึ่งที่ป้องกันไม่ให้เด็กคนหนึ่งเติบโตมาเป็นคนที่ก่อความเดือดร้อนแก่สังคม หรือแม้แต่ตัวเอง

#หมอมินบานเย็น
#ล่า2017
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่