สิทธิผู้ชายและวัยรุ่นยุคดิจิทัล... สะท้อนจาก "Adolescence" ซีรี่ย์รางวัลเอมมี่ 2025

Adolescence ชนะทั้งรางวัลมากมายและชนะใจคนดู 
ด้วยการนำเสนอที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านบันเทิงและสาระ เปิดประเด็นใหม่ให้สังคมถกเถียง
แม้จะคล้ายแนวสืบสวนสอบสวนทั่วไป แต่แฝงไปด้วยการซ่อนรายละเอียดให้วิเคราะห์
จึงได้ระดับคุณภาพที่พ้นจากธรรมดาโดยสิ้นเชิง
 
1.      การนำเสนอ นำคนดูสู่เหตุการณ์ฆาตกรรมอย่างสมจริงและเร้าความสนใจ
เส้นเรื่อง กระตุ้นการคาดเดาว่า ใครคือคนร้าย แต่ที่โดดเด่นกว่าแนวขนบ คือ
เส้นเรื่องที่แกะรอยจิตใจตัวละคร รวมทั้งสำรวจสังคมรอบข้าง  โดยเฉพาะเจาะระบบคิดที่นำไปสู่การฆ่า  
ซึ่งคนภายนอกมองว่า ไร้เหตุผล ตรรกะเหล่านั้น คนส่วนใหญ่แทบไม่เคยเรียนรู้
ทำไมเขาจึงฆ่า จึงสำคัญกว่า รู้ว่าเขาคือใคร  

2.      แก่นเรื่อง

2.1   ปัญหาวัยรุ่น ถ้าเป็นแนวขนบคือ ฆาตกร เกิดในครอบครัวมีปัญหา ถูกพ่อทำร้าย เกิดในสลัม หรือ ผ่านสงคราม
เปล่าเลย ครอบครัวในเรื่องใกล้เคียงกับชนชั้นกลางทั่วไป แฝงความมืดในความสว่าง  
เพราะนี่คือความจริงเกี่ยวกับ ภัยใกล้ตัว มนุษย์ต่างซ่อนอารมณ์รุนแรงเอาไว้ แต่จะแสดงออกมาอย่างไร
ด้วยความที่เราเหมือนคนอื่น เราต่างก็ปฏิเสธความวิตถารในตัวเอง

การใช้คำว่า Adolescence เป็นชื่อเรื่อง เป็นภาษาการแพทย์เกี่ยวกับวัยรุ่น สนับสนุนให้การนำเสนอทั้งหมดมีน้ำหนัก
นี่คือ วัยที่เพิ่งออกมาจากสัมพันธ์แนบแน่นในครอบครัว แต่ก็ขาดประสพการณ์เกี่ยวกับโลกภายนอก
วัยที่กำลังแสวงหาที่พักพิงทางใจอื่นนอกเหนือจากครอบครัว หลายคนเข้าหากลุ่มออนไลน์ที่เชื่อและสนใจในเรื่องเดียวกัน

วัยรุ่นขาดวุฒิภาวะเกี่ยวกับเนื้อหาออนไลน์  สังคมออนไลน์เชื่อมให้คนทุกมุมโลกที่มีลอจิกเชื่อมต่อกันได้ง่ายได้คุยกัน  
เด็กเหล่านี้อาจไม่ชอบคุยกับคนที่คิดตามบรรทัดฐานสังคม ซึ่งน่าเบื่อและไม่น่าค้นหา ยากเกินไปที่พวกเขาจะเข้าถึงสาระเหล่านั้น
การลงลึกสู่กลุ่มที่ระดับความคิดทั้งคล้ายทั้งเสมอกัน จึงนำไปสู่การแสดงออกแบ่งปันความคิดได้มากกว่า

ภัย บางครั้งไม่ได้เป็นรูปแบบยาพิษสำเร็จรูป เช่นเดียวกับ เราบอกว่า น้ำตาล คือ ภัยต่อสุขภาพ
แต่การไม่กินน้ำตาลเลย คงขาดพลังงานและความสุข
คนทั่วไปยังคงต้องกินน้ำตาล แต่ในปริมาณพอดี
เช่นกัน คอนเทนออนไลน์ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เลวร้าย 100%
แต่ต้องการความระแวดระวังด้านปริมาณและภูมิการคิดวิเคราะห์จากผู้รับสาร
ที่น่าชื่มชมก็คือ ซีรีย์ ได้ทบทวนผ่านตัวละครพ่อแม่ ว่าพวกเขาทำอะไรผิดไปหรือไม่
เด็กได้รับอาหาร ที่อยู่ และความรักตามสมควรที่จะได้ พ่อแม่อาจขาดการให้เวลาไปบ้าง
หรือต่อให้มีเวลาให้มากพอ พ่อแม่จะคุมโลกออนไลน์ที่เด็กเข้าไปดำรงทางจิตอยู่ ได้หรือไม่
สาเหตุพฤติกรรมความรุนแรง เป็นไปด้วยหลายปัจจัยประกอบกัน
เช่นเดียวกับ สาเหตุที่ใครสักคนเป็นมะเร็ง คงไม่ใช่แค่น้ำตาลอย่างเดียว
แต่มีพฤติกรรมด้านอื่นๆ รวมถึงลักษณะทางพันธุกรรมและฮอร์โมนประกอบด้วย

เมื่อวัยรุ่นที่หลุดเข้าไปในโลกอินเตอร์เน็ตเรียนรู้เนื้อหาที่ปราศจากการควบคุม
และมีปัจจัยเสริม ที่ครอบครัวไม่อาจช่วยเขาได้ ด้วยเข้าสู่วัยรุ่น ชีวิตเริ่มออกห่าง
แม้ว่าพ่อแม่บางคนจะให้เวลาลูกอย่างเต็มที่ แต่การไม่แตะเรื่องส่วนตังของวัยรุ่น ก็เป็นสิ่งที่ยากจะตัดสินว่าพ่อแม่ผิด
เพราะเด็กอยู่ในวัยที่ไม่ต้องการถูกปกป้อง 100% จากครอบครัวอีกแล้ว

Adolescence  เปิดเผยให้เห็นว่า ชีวิตของวัยรุ่น ดำรงอยู่ในชุมชนออนไลน์ที่มีความเชื่อตรงกับเขา
มีวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่ม เช่น ภาษา และตรรกะ ที่คนภายนอก แม้แต่ครูและตำรวจ เข้าไม่ถึง

2.2    การเรียกร้องสิทธิทางเพศ   เริ่มจาก ผู้หญิง อยากเท่าเทียม หรือ ได้รับการดูแลมากขึ้น
ตามด้วย LGBTQ ต้องการการยอมรับและสิทธิต่างๆ มากขึ้น
ซีรีย์เรื่องนี้ มาถึงจุดที่เราต้องทบทวนความเท่าเทียมกันใหม่
ว่าระบบอำนาจในโครงสร้างแบบนี้ แฟร์กับผู้ชายหรือไม่
แน่นอน ซีรีย์ไม่ได้มีหน้าที่ให้คำตอบ แต่กระตุ้นความคิดและโยนประเด็นให้สังคมเอาไปอภิปรายต่อ
 
ผู้เขียนเคยพบกับคุณแม่คนหนึ่ง มีลูกสองคน ชาย-หญิง เขาบอกว่าเขาเลี้ยงลูกทั้งสองคนให้รู้สึกเท่าเทียมกัน
พี่ชายไม่ต้องเสียสละใดใดให้น้องสาว เขาจะได้ทุกอย่างเท่ากับน้องสาว
ผู้เขียนถามคุณแม่ท่านนั้นว่า ถ้าโตขึ้นลูกชายคนนี้ จะมีปัญหาในการแสวงหาความรักไหม
ในเมื่อเขาไม่ถูกสอนให้เสียสละ ก็ยากที่ผู้หญิงจะรักเขา แม้ว่าเขาจะหน้าตาหล่อเหลา
เขาจะดูแลความสัมพันธ์ให้ยืดยาวได้ไหม

เพราะเขาจะถูกสังคมคาดหวังว่า ผู้ชาย ต้องเสียสละมากกว่า เช่น บนรถเมล์ ผู้ชายต้องลุกให้ผู้หญิงนั่ง
ผู้ชายต้องตักทีหลังในร้านบุพเฟ่  ผู้ชายต้องมีรายได้มากกว่าผู้หญิง ถ้างูเข้าบ้าน ผู้ชายถูกสั่งด้วยสายตาให้ตีงู
ถ้าไฟไหม้บ้าน ผู้ชาย คือ ผู้ที่ถูกคาดหวังว่าเขาต้องวิ่งเข้าไปช่วยคนในนั้น
และเมื่อหย่าร้าง ผู้ชายต้องจ่ายค่าเลี้ยงดู
 
ตัวละครเอกในซีรีย์มีความเชื่อมโยง กับกลุ่ม "INCEL"  ซึ่งเป็นกลุ่มพูดคุย สิทธิผู้ชาย (Men's Right)
กลุ่มแนวนี้ไม่ได้ตั้งขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่เป็นกลุ่มที่มุ่งเยียวยาความรู้สึก + สร้างกำลังใจ
ให้ผู้ที่รู้สึกเสียเปรียบในสังคมที่แบกค่านิยมกระแสหลัก

ผู้หญิง มองหาผู้ชายที่มีฮอร์โมนเพศชาย มีลักษณะความเป็นชายโดยธรรมชาติ
และเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ผู้หญิงเลือกผู้ชายที่ให้ชนชั้นที่ดีในสังคม
ไม่ต่างกัน ผู้ชายก็เลือกผู้หญิงแนวขนบ เป็นแม่ที่ดี ดูแลเขาและลูกๆ ผู้หญิงที่สวยงามทั้งรูปลักษณ์และการแต่งกาย
ด้วยค่านิยมและความต้องการตามธรรมชาติในเชิงนี้ ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อย ที่ไร้ที่ยืนในความสัมพันธ์
เพราะ ไม่มีเสน่ห์ทางเพศ  ไม่อยู่ในชนชั้นสูง ไม่มีความสำเร็จดึงดูดผู้อื่น

คนที่เหลือนี้จะได้คู่ก็ต่อเมื่อ ประนีประนอม ยอมรับว่า คู่ของเรา อาจจะรูปลักษณ์ไม่ดี ฐานะไม่ดี
ไม่ดีเลิศสักอย่าง แต่เขาจะอยู่เป็นเพื่อนเราเป็นคู่ชีวิต  
หากไม่ยอมรับความจริงนี้ และไม่ปรับตัวให้อยู่ร่วมกันอย่างประนีประนอม พวกเขาก็เลือกเป็นโสด
แต่ "INCEL" หรือ กลุ่มคนที่ซีรีย์เรื่องนี้กล่าวถึง คือ กลุ่มที่เป็นโสดที่ไม่สมัครใจ หรือ ไม่ได้ happy กับการเป็นโสด
หากแต่รู้สึกว่า สังคมและพันธุกรรมแต่กำเนิดทำให้พวกเขาอยู่ในจุดที่ไม่ถูกยอมรับในคุณค่า
และไม่อาจบำบัดความเหงาได้ด้วยตนเอง

บทพ่อในซีรีย์  คือ  ตัวละครที่เปล่งประกาย และถูกนำเสนอคู่ขนานกับลูกชาย
พ่อคือชายแนวขนบ รูปลักษณ์มีกล้าม เป็นพ่อที่อบอุ่น รับผิดชอบครอบครัว
เวลาจะระเบิดอารมณ์ ก็แอบทำ ไม่ให้ลูกเห็น ไม่เอามาลงกับคนในครอบครัว
แม้พ่อไม่เคยใช้ความรุนแรงต่อลูกเมีย
แต่ก็เห็นความจริงว่า ทุกคนล้วนเก็บกดความรุนแรงเอาไว้
แล้วแต่จะระบายออกทางใด
สิ่งนี้ ทำให้วัยรุ่น ไม่ผิดแบบไม่เหลือพื้นที่เห็นใจ เพราะเขาก็คือ
มนุษย์คนหนึ่งที่เก็บซ่อนความรุนแรง และความอยากเอาชนะเอาไว้
 
ซีนที่สุดยอด คือ ตอนที่เจมมี่ วัยรุ่นชายที่กำลังเติบโต เผชิญกับ นักจิตวิทยาหญิง
ตอนที่เธอขยับเข้าใกล้เขาด้วยอยากให้เกิดความเชื่อใจ หนึ่งในกระบวนการยุติธรรมต่อวัยรุ่น
เขาเผชิญหน้า เธออ้าขา เจมมี่สวมเสื้อสีขาวแสดงความบริสุทธิ์ ยืนตรงระหว่างขาของเธอ ระหว่างการโต้เถียง
เป็นท่าเชิงสัญลักษณ์  ชาย-หญิง  ทำให้นึกถึงภาพยนตร์ Hamlet ของ วิลเลียม เชกสเปียร์ ในปี 1990
ตัวละครเอกแสดงโดยเมล กิ๊บสัน ซึ่งกำลังถกเกียง ไม่พอใจแม่ซึ่งเป็นราชินี
อภิเษกกับกษัตริย์องค์ใหม่ เพื่อบัลลังค์ เขาโกรธเคืองแทนพ่อ ที่แม่เอาตัวรอด
หรือจะด้วยความเป็นชายที่โกรธเคืองหญิง  เมื่อเห็นความไม่จริงใจในตัวแม่
เขาระบายความโกรธโดยใช้ท่าสัญลักษณ์ชาย-หญิง เช่นกัน

ตัวละคร ไม่ได้ทำผิดเชิงศีลธรรมในการพยายามเอาชนะทางความคิดดังกล่าว
แต่ด้วยสถานการณ์กำลังโต้เถียงกัน ขับเคลื่อนอารมณ์ที่หลุดออกมาจากจิตใต้สำนึก
ภาพยนตร์ยังคงความสะอาดแต่แสดงนัยอำนาจ ชาย-หญิง ออกมาอย่างมีชั้นเชิง เช่นเดียวกับซีรีย์เรื่องนี้
 
2.3  การฆ่าจากความชังโลก  เดิมเราหาเหตุผลไม่ได้ว่า วัยรุ่นฆ่าคนอื่นทำไม ไม่ใช่เพื่อชิงทรัพย์ ไม่ใช่ข่มขืน
ไม่ใช่เพราะเป็นศัตรูด้านเชื้อชาติ ศาสนา แต่การฆ่ามาจากเพียงถูกบุลลี่ในจุดที่เป็นปมด้อย
หรือแม้แต่ฆ่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตเขาโดยตรง

พฤติกรรมเหล่านี้มาจากการปฏิเสธกติกาโลกที่เป็นอยู่ ระบายโดยการทำร้ายผู้อื่น
ผู้ชายจำนวนมาก ได้รับความกดดันแบบไม่รู้ตัว เพราะความสามารถไม่โดดเด่น รูปลักษณ์ไม่สง่างาม
ถูกคาดหวังจากครอบครัวและผู้หญิง ให้เปลี่ยนตนเอง เช่น เล่นกีฬา เป็นสุภาพบุรุษ

ความรู้สึกเจ็บปวด หรือ ด้อยกว่า เมื่อถูกดูถูก หรือ ปฏิเสธความสัมพันธ์ เหล่านี้ คือ ปัจจัยกระตุ้น
หรือกดปุ่ม ปมธรรมชาติผู้ชาย
เช่น อยากเอาชนะ อยากเป็นฝ่ายควบคุม เอื้อต่อการใช้ความรุนแรงโดยขาดความเห็นอกเห็นใจ
ด้านดี นี่คือ drive ที่ขับเคลื่อนโลก ผู้ชายคือ ฝ่ายออกไปล่าสัตว์ ปกป้องอันตราย
แต่มีด้านลบ คือ ภาวะสงคราม การแย่งชิง
 
ยิ่งกว่านั้น “weak men” อาจไม่ใช่บุรุษที่อ่อนแอทางกาย และไม่ใช่คนที่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จเลย
แต่เกิดจากความรู้สึกอ่อนแอ มองผู้หญิงอย่างคู่แข่ง มองเห็นผู้หญิงในด้านแย่ เช่น มักเล่นบทเหยื่อ
มีมารยาหว่านเสน่ห์ มีความทะเยอทะยานทางชนชั้นโดยใช้ผู้ชายเป็นบันได

พวกเขามองว่า ผู้หญิงไม่จริงใจต่อความรัก  
เหยื่อของผู้ชายประเภทนี้จึงเป็นผู้หญิงซึ่งเขารู้สึกชิงชังไปเสียทุกคน หรือ เขาไม่อาจรักได้โดยแท้จริง
แบบเดียวกับผู้หญิงที่มอง ผู้ชายทั่วไปอย่างไม่น่าไว้ใจ ในแง่ก่อความรุนแรง และมีความหยาบคาย

เหล่า “weak men” หาความสุขไม่ได้จากชัยชนะในการต่อสู้ระหว่างเพศชายด้วยกัน
การต่อสู้กับเพศหญิงเพื่อเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า จึงสนองความสุขทางอารมณ์
เมื่อได้กระทำ เขากลับกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจ สังคมถามหา ถูกให้ความสำคัญ ต่างจากเดิมที่ถูกมองข้าม
 
คนไทยได้อะไรจากซีรีย์เรื่องนี้ :  สังคมไทยยังโชคดีที่มีทางออกด้านระบบคิดมากมายให้เลือก
รวมถึงสายสัมพันธ์ในสังคมค่อนข้างดีกว่าตะวันตก เช่น เด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง เขาอาจมีน้ามียายช่วยดูแล
แม้กระบวนการยุติธรรมอาจยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ซีรีย์นี้นำเสนอ
ซีรีย์เรื่องนี้คือยานพาหนะให้เราเดินทางเข้าถึงปัญหาจิตใจวัยรุ่นตะวันตกได้อย่างดี
และตระหนักถึงสาเหตุความรุนแรงพฤติกรรมวัยรุ่นที่ไม่อาจมองอย่างตื้นเขิน 
โดยเฉพาะ การหาบทสรุปแบบขนบที่มักชี้ไปที่ปัจจัยเดียว

นอกจากนี้ ควรทบทวนเรื่องสิทธิความเท่าเทียมในการอยู่ร่วมกันของเพศต่างๆ
เท่าเทียมที่ว่านี้ อาจไม่เหมือนกัน แบบ เธอวิ่ง 10 กม และฉันก็ต้องวิ่ง 10 กม
แต่เป็นความเท่าเทียม ที่จัดสรรเพียงพอต่อความต้องการต่างกัน และข้อจำกัดที่ต่างกัน
ทำให้อยู่ร่วมกันได้โดยไม่รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ
ตลอดจนใช้สื่อออนไลน์ด้วยความตระหนัก ทั้งภัยเชิงลบ และเนื้อหาเชิงบวก
หาจุดสมดุลระหว่างหล่อหลอมทางสังคมด้านจริยธรรมในการสร้างสรรค์และแสดงออก
กับการไม่ปิดกั้นความเห็นต่าง อัตลักษณ์ที่แตกต่าง และความสนใจส่วนบุคคล
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่