ช่วงนี้มีข่าวออกมาว่าหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งประกาศนโยบาย งดรับของขวัญปีใหม่ เพื่อเป็นการสกัดต้นตอของการทุจริตคอร์รัปชั่น และแสดงความโปร่งใสในการทำงาน
ด้านองค์กรเอกชนก็ให้ความร่วมมือขานรับแนวทางเดียวกัน มีการรณรงค์งดให้ของขวัญปีใหม่ บางองค์กรทำเป็นแคมเปญภายใน แต่หลายแห่งออกเป็นนโยบาย
โดยปกติในช่วงปลายปีแบบนี้ บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ กำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมของขวัญ ของที่ระลึก เพื่อนำไปสวัสดีปีใหม่ลูกค้า คู่ค้า ซัพพลายเออร์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ขององค์กรหรือหน่วยงาน แต่ปีนี้หลายบริษัท ไม่ต้องเหนื่อยกับการหาของขวัญ และวิ่งขาขวิดไปสวัสดีปีใหม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้...ที่สำคัญประหยัดงบไปได้เยอะ เผลอ ๆ เอาไปโปะเป็นโบนัสพนักงานในบริษัทได้อีก
ในประเทศไทยนโยบายหรือแนวทางการงดให้ งดรับ ของขวัญปีใหม่ เริ่มมีมาได้หลายปีแล้ว ในส่วนของภาคเอกชน ที่เด่นชัดน่าจะนำโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เริ่มก่อน หลังจากนั้นสมาชิกในตลาดฯ ก็เริ่มขานรับแนวทางไปทำเพิ่มมากขึ้นทุกปี อย่าง ปตท. บางจาก ทรู
ปีนี้กระแส No Gift Policy ค่อนข้างแรง หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนหลายแห่งขานรับและดำเนินการอย่างพร้อมเพรียงกัน
ตัวอย่างหน่วยงานที่ประกาศนโยบาย No Gift Policy
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยว สำนักงานอัยการสูงสุด ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (GH Bank) บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ไปรษณีย์ไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ปตท. บางจาก ทีโอที ทรู สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7 และเครือเจริญโภคภัณฑ์

ว่ากันว่าเป็นการขจัดต้นตอของการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นรากเหง้าของสังคมไทยจากระบบอุปถัมภ์ ที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่างตอบแทน
ถ้าจะสาวกันเรื่องที่มา ต้นตอ เรื่องนี้คงจะยาว มาดูในส่วนของปัจจุบันน่าจะสำคัญกว่า
จะว่าไปนโยบาย No Gift Policy นี้ออกมาตอบรับตรงเป้ากับนโยบายการทำงานด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริตของรัฐบาล และตอบโจทย์ภาคเอกชนกับการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เปิดเผย มีธรรมาภิบาล และตรวจสอบได้
สอดคล้องกับกระแสโลกในยุคปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นเงื่อนไขหลักของการรับรองคุณภาพองค์กรของหน่วยงานสำคัญระดับโลก เช่น ดัชนีวัดความยั่งยืนดาวน์โจนส์ DJSI หรือ Dow Jones Sustainability Indices และ UNSDG (United Nations Sustainable Development Goals)
พูดได้ว่า No Gift Policy เป็นแนวทางที่ไปด้วยกันได้ทั้งในระดับประเทศและโลกนั่นเอง ซึ่งตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน
การร่วมใจกันประกาศเพื่อเดินตามแนวทางนี้ ในแง่ของการต่อต้านคอร์รัปชั่นและความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งที่ต้องชื่นชม
แต่ก็อาจมีคำถามตามมาว่าแล้วจะแสดงความรัก ความเอาใจใส่ มิตรภาพ หรือความผูกพัน กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไรเล่า
ในต่างประเทศส่วนใหญ่ เขาจะส่งข้อความหรือบัตรอวยพรทางอิเล็กทรอนิกส์กัน หรือจะทำผ่านช่องทางออฟไลน์อื่น ๆ ก็ได้ สิ่งเหล่านี้แม้จะไม่มีราคาทางตัวเงิน แต่ก็เป็นของขวัญที่มีมูลค่าทางจิตใจที่น่าจดจำด้วยซ้ำไป
สวัสดีปีใหม่...ไม่ให้ ไม่รับ ฉบับ No Gift Policy
ด้านองค์กรเอกชนก็ให้ความร่วมมือขานรับแนวทางเดียวกัน มีการรณรงค์งดให้ของขวัญปีใหม่ บางองค์กรทำเป็นแคมเปญภายใน แต่หลายแห่งออกเป็นนโยบาย
โดยปกติในช่วงปลายปีแบบนี้ บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ กำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมของขวัญ ของที่ระลึก เพื่อนำไปสวัสดีปีใหม่ลูกค้า คู่ค้า ซัพพลายเออร์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ขององค์กรหรือหน่วยงาน แต่ปีนี้หลายบริษัท ไม่ต้องเหนื่อยกับการหาของขวัญ และวิ่งขาขวิดไปสวัสดีปีใหม่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในประเทศไทยนโยบายหรือแนวทางการงดให้ งดรับ ของขวัญปีใหม่ เริ่มมีมาได้หลายปีแล้ว ในส่วนของภาคเอกชน ที่เด่นชัดน่าจะนำโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เริ่มก่อน หลังจากนั้นสมาชิกในตลาดฯ ก็เริ่มขานรับแนวทางไปทำเพิ่มมากขึ้นทุกปี อย่าง ปตท. บางจาก ทรู
ปีนี้กระแส No Gift Policy ค่อนข้างแรง หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนหลายแห่งขานรับและดำเนินการอย่างพร้อมเพรียงกัน
ตัวอย่างหน่วยงานที่ประกาศนโยบาย No Gift Policy
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ว่ากันว่าเป็นการขจัดต้นตอของการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นรากเหง้าของสังคมไทยจากระบบอุปถัมภ์ ที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่างตอบแทน
ถ้าจะสาวกันเรื่องที่มา ต้นตอ เรื่องนี้คงจะยาว มาดูในส่วนของปัจจุบันน่าจะสำคัญกว่า
จะว่าไปนโยบาย No Gift Policy นี้ออกมาตอบรับตรงเป้ากับนโยบายการทำงานด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริตของรัฐบาล และตอบโจทย์ภาคเอกชนกับการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เปิดเผย มีธรรมาภิบาล และตรวจสอบได้
สอดคล้องกับกระแสโลกในยุคปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นเงื่อนไขหลักของการรับรองคุณภาพองค์กรของหน่วยงานสำคัญระดับโลก เช่น ดัชนีวัดความยั่งยืนดาวน์โจนส์ DJSI หรือ Dow Jones Sustainability Indices และ UNSDG (United Nations Sustainable Development Goals)
พูดได้ว่า No Gift Policy เป็นแนวทางที่ไปด้วยกันได้ทั้งในระดับประเทศและโลกนั่นเอง ซึ่งตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน
การร่วมใจกันประกาศเพื่อเดินตามแนวทางนี้ ในแง่ของการต่อต้านคอร์รัปชั่นและความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งที่ต้องชื่นชม
แต่ก็อาจมีคำถามตามมาว่าแล้วจะแสดงความรัก ความเอาใจใส่ มิตรภาพ หรือความผูกพัน กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไรเล่า
ในต่างประเทศส่วนใหญ่ เขาจะส่งข้อความหรือบัตรอวยพรทางอิเล็กทรอนิกส์กัน หรือจะทำผ่านช่องทางออฟไลน์อื่น ๆ ก็ได้ สิ่งเหล่านี้แม้จะไม่มีราคาทางตัวเงิน แต่ก็เป็นของขวัญที่มีมูลค่าทางจิตใจที่น่าจดจำด้วยซ้ำไป