“
พวก-ึงจะมาสร้างที่ทางแบบฝั่งเมืองฟากโน้นไม่ได้ เพราะเกาะแถวนี้เป็นของพวกกู”
เสียงของซายอจริงจังขึ้นในฉับพลัน
“ใช่ แล้วทั่วน่านน้ำทะเลทั้งหมด ก็เป็นของพวกกู”
เสียงของละมอดังขึ้น บอกความเป็นเจ้าของสิทธิ์ในธรรมชาติย่านนี้อย่างทะนงใจ
หญิงสาวรุ่นราวยี่สิบปลายๆในชุดสวยเต็มไปด้วยสีสัน สวมใส่หมวกสีขาวปีกกว้างกันแดด ก้าวเดินมาอยู่ข้างๆชายหนุ่มของหล่อน
“มันคืออะไรกันคะพี่วิชิต” เจ้าหล่อนงงว่าใครเป็นเจ้าของอะไร คนทะเลป่าพวกนี้หรือคือเจ้าของ ไร้สาระแท้ๆ
“พวกคนทะเลเร่ร่อนแถวนี้ มันว่ามันเป็นเจ้าของเกาะนี้ ก็แค่นั้นแหละรตี”
วิชิตหันไปบอกหญิงสาวคนสวย อย่างที่ตนเองคิดว่าจะใช่
หญิงสาวที่ถูกเรียกชื่อว่า “รตี” ก้าวเท้ามายืนประจันแทบประชิดพวกยิปซีทะเล
ผิวพรรณของหล่อน
ผิวพรรณของคนทะเลทั้งสอง
คือขาวกับดำ ต่างกันสิ้นดี.. ..
“นี่ พวกแกจะบ้าเหรอไงนะ ใครเป็นเจ้าของ ฉันกับพี่วิชิตได้สัมปทานจากทางการมาเรียบร้อย และเราก็มีเอกสารสิทธิ์ ที่จะทำอะไรก็ได้บนเกาะแห่งนี้”
“สัมปะทงสัมปะทานอะไรของพวก-ึง กูไม่เข้าใจด้วยหรอก”
สายตาของซายอจ้องมองอย่างเอาเรื่อง อย่างคนที่รู้สึกกำลังจะถูกแย่งของรักดั่งชีวิต “เกาะทั้งหมดในน่านน้ำทะเล มันคือที่อยู่ของพวกกูมาหลายชั่วอายุคน พวก-ึงจะมาแย่งไปง่ายๆได้ยังไง”
“ใครแย่งของใคร”
รตีทำหน้างุนงงไม่เข้าใจ “นี่ดีนะ ที่คนงานของฉันยังกรุณาให้พวกแกเข้ามาหลบพายุได้เมื่อคืน ไม่งั้นพวกแกสองคนคงตายเป็นผีเฝ้าทะเลไปแล้ว”
“ใครกันแน่ จะเป็นผีเฝ้าทะเล กูนี่แหละจะทำให้-ึงเป็นผีเฝ้าทะเล”
ซายอก้าวเท้าไปข้างหน้า อย่างจะเอาเรื่องเอาชีวิต จนละมอต้องรีบรั้งแขนพี่ชายไว้
“ว้ายย”
รตีถอยร่นก้าวเท้ามายืนอยู่ข้างๆคนของพวกหล่อนอย่างนึกกลัว แต่ไม่วายจะกล่าวคำต่อ “นี่พวกแกจะมาป่าเถื่อนบนเกาะนี้ไม่ได้นะ และจำเอาไว้ด้วยว่านับแต่วันนี้เป็นต้นไป บนเกาะแห่งนี้มีกฎหมาย”
คำว่า “กฎหมาย” ที่พอเข้าใจความของมันอยู่บ้าง เพราะซายอเองได้มีโอกาสขึ้นไปบนฝั่งเมืองอยู่หลายหน ทำให้ซายอระงับยั้งอารมณ์ได้ทัน
“กลับกันก่อนเถอะพี่ แม่รอเราอยู่นะ”
ละมอฉุดรั้งแขนพี่ชายให้ถอยห่างออกมา
และคำบอกของน้องสาว ก็ทำให้ซายอยอมถอยหลังโดยง่าย หากแต่ในใจลึกๆไม่ได้ยอมคนพวกนี้เลยสักนิด
เหมือนสงครามแห่งการปกปักรักษาของชนเผ่า ..กำลังจะเริ่มต้น
ซายอและละมอพากันขึ้นเรือก่าบาง
..เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น แล้วสักพักเรือแห่งชีวิตลำนั้น ก็มุ่งออกสู่ท้องทะเลกว้างใหญ่อีกครั้ง
รตียืนจ้องมองเรือลำนั้นถอยห่างออกจากชายหาดอย่างนึกเคืองแค้นไม่หาย กับคำอาฆาตมาดร้ายของพวกคนทะเล
“คนป่าพวกนี้ มันคือใครกันเหรอคะพี่วิชิต”
รตีถามด้วยความสงสัย เคืองแค้น
วิชิตยิ้มเยาะที่มุมปาก ขณะสายตายังจับจดที่เรือก่าบางไกลโพ้น
"ไอ้พวกมอแกน”
อ่านต่อครั้งหน้า
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
หุบเขาแสงจันทร์ 5 (ปฐมบท ทะเลแห่งชีวิต) / ตรีวิทย์ นฤดม
“พวก-ึงจะมาสร้างที่ทางแบบฝั่งเมืองฟากโน้นไม่ได้ เพราะเกาะแถวนี้เป็นของพวกกู”
เสียงของซายอจริงจังขึ้นในฉับพลัน
“ใช่ แล้วทั่วน่านน้ำทะเลทั้งหมด ก็เป็นของพวกกู”
เสียงของละมอดังขึ้น บอกความเป็นเจ้าของสิทธิ์ในธรรมชาติย่านนี้อย่างทะนงใจ
หญิงสาวรุ่นราวยี่สิบปลายๆในชุดสวยเต็มไปด้วยสีสัน สวมใส่หมวกสีขาวปีกกว้างกันแดด ก้าวเดินมาอยู่ข้างๆชายหนุ่มของหล่อน
“มันคืออะไรกันคะพี่วิชิต” เจ้าหล่อนงงว่าใครเป็นเจ้าของอะไร คนทะเลป่าพวกนี้หรือคือเจ้าของ ไร้สาระแท้ๆ
“พวกคนทะเลเร่ร่อนแถวนี้ มันว่ามันเป็นเจ้าของเกาะนี้ ก็แค่นั้นแหละรตี”
วิชิตหันไปบอกหญิงสาวคนสวย อย่างที่ตนเองคิดว่าจะใช่
หญิงสาวที่ถูกเรียกชื่อว่า “รตี” ก้าวเท้ามายืนประจันแทบประชิดพวกยิปซีทะเล
ผิวพรรณของหล่อน
ผิวพรรณของคนทะเลทั้งสอง
คือขาวกับดำ ต่างกันสิ้นดี.. ..
“นี่ พวกแกจะบ้าเหรอไงนะ ใครเป็นเจ้าของ ฉันกับพี่วิชิตได้สัมปทานจากทางการมาเรียบร้อย และเราก็มีเอกสารสิทธิ์ ที่จะทำอะไรก็ได้บนเกาะแห่งนี้”
“สัมปะทงสัมปะทานอะไรของพวก-ึง กูไม่เข้าใจด้วยหรอก”
สายตาของซายอจ้องมองอย่างเอาเรื่อง อย่างคนที่รู้สึกกำลังจะถูกแย่งของรักดั่งชีวิต “เกาะทั้งหมดในน่านน้ำทะเล มันคือที่อยู่ของพวกกูมาหลายชั่วอายุคน พวก-ึงจะมาแย่งไปง่ายๆได้ยังไง”
“ใครแย่งของใคร”
รตีทำหน้างุนงงไม่เข้าใจ “นี่ดีนะ ที่คนงานของฉันยังกรุณาให้พวกแกเข้ามาหลบพายุได้เมื่อคืน ไม่งั้นพวกแกสองคนคงตายเป็นผีเฝ้าทะเลไปแล้ว”
“ใครกันแน่ จะเป็นผีเฝ้าทะเล กูนี่แหละจะทำให้-ึงเป็นผีเฝ้าทะเล”
ซายอก้าวเท้าไปข้างหน้า อย่างจะเอาเรื่องเอาชีวิต จนละมอต้องรีบรั้งแขนพี่ชายไว้
“ว้ายย”
รตีถอยร่นก้าวเท้ามายืนอยู่ข้างๆคนของพวกหล่อนอย่างนึกกลัว แต่ไม่วายจะกล่าวคำต่อ “นี่พวกแกจะมาป่าเถื่อนบนเกาะนี้ไม่ได้นะ และจำเอาไว้ด้วยว่านับแต่วันนี้เป็นต้นไป บนเกาะแห่งนี้มีกฎหมาย”
คำว่า “กฎหมาย” ที่พอเข้าใจความของมันอยู่บ้าง เพราะซายอเองได้มีโอกาสขึ้นไปบนฝั่งเมืองอยู่หลายหน ทำให้ซายอระงับยั้งอารมณ์ได้ทัน
“กลับกันก่อนเถอะพี่ แม่รอเราอยู่นะ”
ละมอฉุดรั้งแขนพี่ชายให้ถอยห่างออกมา
และคำบอกของน้องสาว ก็ทำให้ซายอยอมถอยหลังโดยง่าย หากแต่ในใจลึกๆไม่ได้ยอมคนพวกนี้เลยสักนิด
เหมือนสงครามแห่งการปกปักรักษาของชนเผ่า ..กำลังจะเริ่มต้น
ซายอและละมอพากันขึ้นเรือก่าบาง
..เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น แล้วสักพักเรือแห่งชีวิตลำนั้น ก็มุ่งออกสู่ท้องทะเลกว้างใหญ่อีกครั้ง
รตียืนจ้องมองเรือลำนั้นถอยห่างออกจากชายหาดอย่างนึกเคืองแค้นไม่หาย กับคำอาฆาตมาดร้ายของพวกคนทะเล
“คนป่าพวกนี้ มันคือใครกันเหรอคะพี่วิชิต”
รตีถามด้วยความสงสัย เคืองแค้น
วิชิตยิ้มเยาะที่มุมปาก ขณะสายตายังจับจดที่เรือก่าบางไกลโพ้น
"ไอ้พวกมอแกน”
อ่านต่อครั้งหน้า
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008