7 วัน ปั่นจักรยาน กรุงเทพฯ - ดอยอินทนนท์ กับ...คนล่าฝัน ตอนที่ 2 ( 2/7 )

ทริป 7 วัน ปั่นจักรยาน กรุงเทพฯ - ดอยอินทนนท์ กับ...คนล่าฝัน ตอนที่ 1-7
ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/37169062
ตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/37175355
ตอนที่ 3 https://pantip.com/topic/37175560
ตอนที่ 4 https://pantip.com/topic/37176730
ตอนที่ 5 https://pantip.com/topic/37177063
ตอนที่ 6 https://pantip.com/topic/37178925
ตอนที่ 7 https://pantip.com/topic/37180508/comment1



ต่อนี้ไปจะรีวิวตอนที่ 2 และก็เป็นการเดินทางของวันที่ 2 ต่อครับผม


หลังจากเมื่อคืนนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายที่กรีนวิว รีสอร์ท อินทร์บุรี ราคาห้องพักห้องละ 350 บาท พวกเราตื่นกันแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัวเดินทางกันต่อ วันนี้เป้าหมายเราอยู่ที่ ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษณ์ จ.กำแพงเพชร


เช้าวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย.60 เวลาประมาณ 07.00 น.พวกเราก็เดินทางกันต่อโดยใช้เส้นถนนเลียบคลองส่งน้ำชลประทาน (3018) ซึ่งเป็นเส้นคู่ขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ทางฝั่งซ้ายและทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32ที่อยู่ทางฝั่งขวา มุ่งหน้า ตัว จ.ชัยนาทครับ


ถนนเส้นนี้ลาดยางอย่างดี มีเลนส์จักรยานด้วยครับ รถก็น้อย บรรยากาศสองข้างทางจะเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านครับ เหมาะแก่การปั่นจักรยานแบบ ชิวๆ จริงๆ


พวกเราปั่นกันไปเรื่อยๆครับ แดดก็เริ่มจะร้อน ท้องก็เริ่มจะหิว ประมาณ 09.00 น. พวกเราก็มาถึงเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทกันครับ


พวกเราแวะกินข้าวเช้ากันที่ร้านอาหารครัวเขื่อนปลาแม่น้ำ ร้านก็อยู่ใกล้กับตัวเขื่อนเจ้าพระยานั่นแหละครับ รสชาติอร่อยครับ แต่ไม่รู้ว่าอร่อยเพราะความหิวหรือเปล่านะ 555++


หลังจากฟาดอาหารเช้ากันเสร็จเราก็มุ่งหน้าปั่นเข้าเมืองชัยนาทกันต่อครับ วันนี้ตั้งใจไว้ว่าถ้าเจอร้านจักรยาน ก็จะเปลี่ยนชุดสับจานหน้าจักรยานของเสือต้อมด้วยเลย


พอเข้าตัวเมืองชัยนาท เราก็เจอกับน้องฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่สายๆของวันนี้แล้ว พอเรามาถึงชัยนาทสายฝนก็เทลงมาอย่างเต็มที่ พวกเราต้องหาที่หลบฝนแล้วจัดแจงเอาถุงกันน้ำมาคลุมกระเป๋าข้างจักรยานกัน


เราเห็นร้านจักรยานอยู่ใกล้จุดที่เราหลบฝน พอฝนหยุดเม็ด เราก็เลยนำรถจักรยานของเสือต้อมเข้าศูนย์เป็นการด่วน โดยต้องเปลี่ยนสับจานหน้าใหม่ครับ


ระหว่างที่ช่างกำลังซ่อมจักรยานของเสือต้อมอยู่นั้น แม่สาวน้อยร้อยชั่ง ลูกสาววัย 2 ขวบของช่างที่เป็นเจ้าของร้านก็อ้อนพ่อตลอด เดี๋ยวก็ร้องให้ไปกอดพ่อ ทำให้ช่างของเราทำงานไม่ถนัด เดือดร้อนเสือซังต้องทำหน้าที่เป็นคนรักเด็ก ทำหน้าที่เป็นพ่อนม ตอนที่ช่างเขากำลังทำงาน 555++ แหมอย่างกับพ่อลูกกันจริงๆเลย


เที่ยงกว่าแล้ว เราถึงได้ออกจากตัวเมืองชัยนาท เราใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน ( 1) มุ่งหน้าสู่ อ.มโนรมย์ เพื่อจะไปยังแพขนานยนต์เพื่อข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสู่เมืองอุทัยธานีกันต่อครับ อ่อ ลืมบอกไปครับ ถนนเส้นนี้มีเลนส์จักรยานด้วยครับ ปั่นสบายไม่ต้องหวาดเสียวกับรถใหญ่เลยครับ เพราะมีเกาะกั้นขวางแยกระหว่างเลนส์รถใหญ่กับจักรยานออกจากกัน ปั่นสบายเลยครับ


ถึง อ.มโนรมย์ พวกเราต้องไปขึ้นแพขนานยนต์ที่ท่าน้ำตลาดคุ้งสำเภา ตรงนี้เห็นมีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยากันอยู่ครับ


ระหว่างที่เรารอแพขานยนต์เพื่อข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่นั้น ก็เจอนักปั่นจักรยานสาวเข้ามาทักทายพูดคุย เธอบอกเธอมารอแพข้ามฟากเพื่อจะไปตัวเมืองอุทัยเหมือนกัน วันนี้เธอกับเพื่อนๆไปปั่นที่นครสวรรค์กันมา เธอแนะนำตัวเองว่าเธอชื่อแว่น ทำงานอยู่ที่ โรงพยาบาลอุทัยธานี เธอทำงานพยาบาลครับ เราพูดคุยกันอย่างถูกคอตามประสานักปั่นด้วยกัน เธอเล่าว่า อีก 2 ปีหลังสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาตรงนี้สร้างเสร็จ ก็จะไม่มีแพขนานยนต์ข้ามฟากนี้แล้ว มันจะกลายเป็นตำนาน และเรื่องเล่าต่อๆกันไปในอนาคต ว่าครั้งหนึ่งที่นี่ เคยมีแพขนานยนต์ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา พวกผมฟังแล้วก็รู้สึกใจหายที่รับรู้เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะแพขนานยนต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตความผูกพันของชาวบ้านร้านตลาดสองฝั่งแม่น้ำ ผ่านเรื่องราวต่างๆมากว่าหลายขวบสิบปี แต่เราก็ต้องยอมรับกับวัฎจักรความเปลี่ยนแปลง เพราะทุกวันนี้เราอยู่กับปัจจุบันและอนาคตครับ


หลังจากเราลงจากแพขนานยนต์ทางด้านฝั่ง จ.อุทัยธานีแล้ว ก็ร่ำรากับคุณแป้งนักปั่นหัวใจเวอร์จิ้น พวกเราแยกทางกันตรงนั้น แล้วมุ่งหน้าปั่นต่อสู่จังหวัดอุทัยธานี พวกเราใช้ถนน(3265)คู่ขนานไปกับแม่น้ำสะแกรัง ถนนเส้นนี้เพิ่งทำทางลาดยางเสร็จใหม่ๆ ถนนจึงค่อนข้างจะดีเลยทีเดียวครับ ถนนเส้นนี้ผ่านวัดท่าซุง หรือวัดหลวงพ่อฤษีลิงดำ อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองไทยครับ


พอถึงเมืองอุทัย ผมรถผมก็ยางรั่วครับ เสียเวลาปะเปลี่ยนไปพักนึงครับ


หลังจากนั้นเราก็ออกจากจังหวัดอุทัยก็ใช้เส้นทาง อุทัยธานี – อ.โกรกพระ (3220) ถนนเส้นนี้รถน้อยปั่นสบายครับ ช่วงแรกจากจังหวัดอุทัยมา มีการก่อสร้างซ่อมถนน แต่ก็ไม่กี่กิโลครับ หลังจากนั้นทางดี ถนนเรียบครับ แต่ปั่นมาได้สักพัก รถจักรยานของเสือต้อมก็ยางรั่วอีก เราเลยต้องหาศาลาจอดพักและปะเปลี่ยนยางไปในตัว


เหลือบมองดูเวลาก็ประมาณบ่ายสองบ่ายสามโมงแล้ว อากาศกำลังร้อนได้ที่เลยครับ


หลังจากนั้นเราก็ปั่นต่อ ปั่นไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอร้านอาหารชาวบ้านริมทางเลยแวะเข้าไปเติมพลัง ก่อนจะออกมามาปั่นต่อ ก็อย่างที่บอกไว้แต่ต้นละครับ ว่าเราพยายามจะหลีกเลี่ยงถนนสายหลักให้มากที่สุด แม้ว่าจะต้องปั่นไกลขึ้นเพราะเส้นทางสายรองของพวกเรามันจะอ้อมๆหน่อย ก็คิดเสียว่ามาปั่นท่องเที่ยวชมภูมิทัศน์ตามต่างจังหวัดครับ


สุดทางของถนนสายนี้เราก็เจอถนน (3319) ตรงสามแยก ทางขวาไป อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ทางซ้ายไป อ.ทัพทัน จ.อุทัย เราเลี้ยวซ้ายปั่นไปทาง อ.ทัพทันประมาณไม่กี่กิโล ก็จะมีทางแยกขวามือตรงทางเข้าวัดเนินกระพี้ ถนนเส้นทางนี้เป็นถนนทางหลวงชนบท(นว 4096) สามารถไป อ.ลาดยาว นครสวรรค์ได้ พวกเราก็ปั่นกันไปเรื่อยๆ ครับ


ถนนเส้นนี้แทบจะไม่มีรถสวนเลยครับ เปลี่ยวจริงๆ เวลาก็เย็นมากขึ้นเรื่อยๆครับ


ตอนนี้เริ่มจะมืดแล้วครับ ตอนแรกเรากะว่าจะปั่นไปให้ถึง อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ แต่ด้วยความมืดระหว่างทาง ด้านซ้ายเป็นภูเขา ด้านขวามองอะไรก็ไม่ค่อยจะเห็น อากาศก็เริ่มเย็น ฟ้าก็มืด แถมเส้นทางยังเปลี่ยวมากๆด้วย ปั่นแบบวังเวงเลย นานๆทีจะผ่านบ้านคน หมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านก็อยู่ห่างไกลกันเหลือเกินครับ พวกเราเลยตัดสินใจจับ GPSเปลี่ยนเส้นทาง หาทางกลับเข้าถนนหลัก เพื่อตั้งหลักกันก่อนครับ


หลังจากคลำหาทางออกมาถนนสายหลักสักพัก ประมาณ 20.00 น.พวกเราก็มาโผล่ ถนนเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ เราปรึกษากันว่า วันนี้เราจะหยุดปั่นกันเท่านี้ หาร้านอาหารกินข้าวและหาที่พักที่ใกล้ที่สุด พรุ่งนี้ค่อยซัดยาวไป จ.ตาก ม้วนเดียวเลย  พวกเรานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารอีสานแถวเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ก่อนไปหาที่พักผ่อนหลับนอนครับ

เส้นทางยังอีกยาวไกล วันนี้ไปไม่ถึง ต.สลกบาตร ตามแผนที่วางไว้  แต่ก็ไม่เป็นไร ขอให้พวกเรายังอยู่ในเส้นทางที่จะไปก็แล้วกัน  ตอนที่ 2 วันที่ 2 ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ ส่วนการเดินทางของวันที่ 3 จะมารีวิวต่อในตอนถัดไปครับ คืนนี้ "ราตรีสวัสดิ์ครับ"


ตอนที่ 3 ของการเดินทางวันที่ 3 ครับ    https://pantip.com/topic/37175560
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่