[SR] 7 วัน ปั่นจักรยาน กรุงเทพฯ - ดอยอินทนนท์ กับ...คนล่าฝัน ตอนที่ 1 ( 1/7 )

กระทู้รีวิว

เที่ยวเชิงอนุรักษ์ บันทึกนักเดินทาง ทริปจักรยาน เที่ยวไทย จักรยาน

ทริป 7 วัน ปั่นจักรยาน กรุงเทพฯ - ดอยอินทนนท์ กับ...คนล่าฝัน ตอนที่ 1-7
ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/37169062
ตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/37175355
ตอนที่ 3 https://pantip.com/topic/37175560
ตอนที่ 4 https://pantip.com/topic/37176730
ตอนที่ 5 https://pantip.com/topic/37177063
ตอนที่ 6 https://pantip.com/topic/37178925
ตอนที่ 7 https://pantip.com/topic/37180508/comment1

สวัสดีครับ เพื่อนๆ สมาชิกชาวพันทิป วันนี้ผมมีทริปเรื่องราวและประสบการณ์ในการเดินทางด้วยจักรยานมาเล่าสู่กันฟัง เป็นเรื่องราวการเดินทางไกล ตามล่าความฝันที่อยากจะทำสักครั้งในชีวิต นั่นคือการปั่นจักรยานจากบ้านที่กรุงเทพฯ ไปดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ( ซึ่งก็เคยมีนักปั่นจักรยานหลายต่อหลายท่านเดินทางแบบนี้กันมาแล้ว ) โดยการเดินทางในครั้งนี้ ผมใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 3 เดือน เพื่อวางแผนการเดินทาง พร้อมทั้งศึกษาข้อมูล ฟิตซ้อมร่างกาย ตลอดจนเตรียมความพร้อมของจักรยาน และอุปกรณ์ สัมภาระ สิ่งของที่จำเป็นในการเดินทางครับ โดยการเดินทางครั้งนี้ มีเพื่อนร่วมทางอีก 2 คน นั่นคือเสือต้อม และ เสือซัง ซึ่งก็เป็นขาประจำที่เวลาไปไหนต่อไหน ก็จะไปด้วยกันตลอดแทบทุกทริป ทริปนี้ก็เหมือนกัน พวกเรา 3 คนนัดหมาย ว่าจะเดินทางไปตามล่าฝันด้วยกัน ( จริงๆ ทริปนี้ มีเสือเบิร์ด อีกคนที่นัดว่าจะไปด้วยกันแต่ทีแรก แต่เพราะเสือเบิร์ด เคยปั่นจากบ้านที่อยู่ จังหวัดปทุมธานีไปเชียงใหม่มาแล้ว เลยรู้สึกว่ามันขาดความท้าทาย เลยขอตัวเอารถจักรยานขึ้นรถไฟไปเชียงใหม่ และจะไปปั่นรอล่วงหน้าก่อนหนึ่งอาทิตย์ โดยเสือเบิร์ดจะไปปั่นวงกลมเชียงใหม่แม่ - แม่ฮ่องสอน แล้วจะมาดักรอพวกผมแถว อ.ลี้ จังหวัดลำพูน เพื่อปั่นขึ้นดอยอินทนนท์ด้วยกันครับ แผนการเดินทางของเรา จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 7 วัน ( วันที่ 18 – 24 พ.ย. 60 ) โดยคิดไว้ว่า เส้นทางจากบ้านที่กรุงเทพฯ ถึงนครสวรรค์นั้น เราจะพยายามหลีกเลี่ยงถนนสายเอเชียซึ่งเป็นถนนหลัก ให้ได้มากที่สุด การพักค้างแรมแต่ละวัน ช่วงก่อนถึงดอยอินทนนท์ เพื่อความสะดวกเราจะพักรีสอร์ทตามข้างทาง และจะได้ชาร์ตอุปกรณ์ไฟฟ้า โทรศัพท์ ฯลฯ ที่นำติดตัวไป และส่วน 2 คืนสุดท้ายของการเดินทาง เราเลือกที่จะนอนเต็นท์ เพราะเข้าเขตจังหวัดเชียงใหม่ที่มีบรรยากาศเป็นธรรมชาติจึงเหมาะแก่การกางเต็นท์ครับ

ตารางการเดินทางของเรา ซึ่งแต่เดิมเรากำหนดไว้แต่ทีแรกนั้น เมื่อถึงเวลาเดินทางกันจริงๆ ก็ผิดแผนไปเยอะครับ ต้องมาสรุปทริปและวางแผนการเดินทางกันใหม่แทบทุกวัน

วันเสาร์ที่    18 พ.ย.60  : กรุงเทพฯ – อ.อินทร์บุรี (จ.สิงห์บุรี)                  (ระยะทาง  145 กม.)
วันอาทิตย์ที่ 19 พ.ย.60  : อ.อินทร์บุรี – ต.สลกบาตร (จ.กำแพงเพชร)       (ระยะทาง 134 กม.)
วันจันทร์ที่   20 พ.ย.60  : ต.สลกบาตร – จ.ตาก                                   (ระยะทาง 136 กม.)
วันอังคารที่  21 พ.ย.60  : จ.ตาก – อ.ลี้ (จ.ลำพูน)                                (ระยะทาง 145 กม.)
วันพุธที่      22 พ.ย.60  : อ.ลี้ (จ.ลำพูน) – อ.จอมทอง (จ.เชียงใหม่)        (ระยะทาง   90 กม.)
วันพฤหัสที่  23 พ.ย.60  : อ.จอมทอง – ดอยอินทนนท์                           (ระยะทาง   50 กม.)
วันศุกร์ที่     24 พ.ย.60  : ดอยอินทนนท์ – อ.เมือง จ.เชียงใหม่                (ระยะทาง   96 กม.)
วันเสาร์ที่    25 พ.ย.60   เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยรถไฟ หรือรถทัวร์

และต่อไปนี้ก็คือเรื่องราวการเดินทาง และผจญภัยของพวกเราครับ วันเสาร์ที่ 18 พ.ย.60 เวลา 04.30 น. เช้ามืดวันแรกของการเดินทาง พวกเรามารวมตัวกันในหมู่บ้าน ลืมบอกไปพวกเราอยู่หมู่บ้านเดียวกันครับ อยู่แถวเขตคลองสามวา

เวลา 05.00 น. พวกเราก็เริ่มออกสตาร์ทกันเลยครับ โดยใช้ถนนไมตรีจิตร มุ่งสู่ถนนคลองเก้า ลำหิน

เข้าเขตจังหวัดปทุมธานี ใช้ถนนองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี 2006 เข้าซอยวัดทำเลทอง แล้วเข้าถนนเลียบคลอง ๑๐ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ผ่านวัดนาป่าพง เส้นทางสายนี้พวกเราใช้ปั่นกันประจำอยู่แล้วครับ จึงคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี

ประมาณ 06.00 น.พวกเราก็ปั่นกันมาถึงสะพานข้ามคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ตรงหน้าวัดขุมแก้วกัน ช่วงนี้ยังเช้าอยู่เลยครับ (เสือซังดูเหมือนยังง่วงนอนอยู่เลยครับ 555++)

เราออกปั่นกันต่อ มุ่งหน้าเข้าเส้นถนนเลียบคลอง 10 อ.หนองเสือ ครับ

ปั่นมาเรื่อยๆ ก็เข้าเขต อ.หนองแค จ.สระบุรี ครับ เวลาประมาณ 09.00 น. เราแวะกินอาหารเช้ากันแถว อ.หนองแคครับ ร้านอาหารตามสั่งทั่วไป แถวๆ ริมคลองระพีพัฒน์มีเยอะครับ เราเลือกกินร้านต้มเลือดหมูครับ

หลังจากนั้นพวกเราก็ปั่นกันต่อครับ มุ่งหน้า อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยากันต่อครับ โดยใช้ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์(1405) มาเรื่อยๆครับ ถนนเส้นนี้รถพ่วง รถสิบล้อค่อนข้างเยอะครับ เนื่องจากเป็นย่านนิคมอุตสาหกรรม

เหลือบมองนาฬิกาเวลาประมาณ 11.00 น. อากาศตอนนี้เริ่มร้อนแล้วครับ ก่อนเข้า อ.ภาชี เสือซังที่ตอนแรกใส่เสื้อกล้ามอยู่ ทนไม่ไหวแล้วครับ ต้องงัดกระเป๋าคว้าเสื้อแขนยาวมาสวมทับเพื่อกันความร้อนจากแสงแดด ขืนโชว์กล้ามทั้งวัน แขนคงต้องไหม้เป็นแน่แท้ 555++

วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนเลยทีเดียว พวกเราปั่นไปแวะพักไปครับ เมื่อผ่าน อ.ภาชี มาแล้วก็มุ่งหน้าไปทาง อ.บางปะหันกันต่อครับ ก่อนถึง อ.บางปะหัน พวกเราตั้งใจไว้ว่าจะไปทางสำนักสงฆ์วัดป่าไทรย้อย แต่ว่าด้วยความมั่นใจเกินเหตุเลยพากันปั่นผิดเส้นทางแยกออกมาทาง อ.มหาราฃ แทนที่จะได้ปั่นเลียบสายเอเชียกลับต้องปั่นฉีกหนีสายเอเชียไปอีก งานนี้ผมในฐานะคนวางแผนการเดินทางขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวครับ และไอ้จักรยานนี่ เวลามันหลงไปผิดที่ผิดทาง มันเสียทั้งแรงทั้งเวลาเลยนะพ่อคุณ พวกเราก็วนเวียนถามชาวบ้านบ้าง จับGPSบ้าง จนสามารถกลับมาทางสำนักสงฆ์วัดป่าไทรย้อยได้ แม้จะเสียเวลาและเสียพละกำลังไปบ้างก็ช่างเถอะ นึกว่าซ้อมๆกันไว้ 555++

มองเวลาก็ปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าแล้ว ทั้งร้อนทั้งหิว พวกเราปั่นเข้าถนนเลียบคลองชลประทานหลังสำนักสงฆ์วัดป่าไทรย้อยซึ่งเป็นถนนเลียบคู่ขนานไปกับสายเอเชีย เขตตำบลหันสัง และแวะกินข้าวกัน หลังจากกินข้าวเสร็จพวกเราตกลงว่าจะหาศาลาในวัดแถวๆนั้น นอนพักผ่อนเอาแรงก่อน และหลบแสงแดดร้อนๆกันด้วย แดดร่มลมตกแล้วค่อยมาโซโล่กันต่อครับ

และที่นี่วัดสุเมธ ต.บ้านใหม่ อ.มหาราช อยุธยา ครับ แต่ยังไม่ทันจะได้นอนพักเอาแรง เสือซังก็งานเข้าคนแรกก่อนเลยครับ ยางรั่วตั้งแต่วันแรกเลย หลังจากปะเปลี่ยนเสร็จ พวกเราก็หลับซิครับ เพราะเพลียแดดมาทั้งวันครับ

ประมาณ 16.00 น. พวกเราก็เตรียมเดินทางกันต่อครับ แต่ยังไม่ทันออกตัว รถจักรยานของเสือต้อมก็งานเข้าอีกคนครับ น็อตล็อคที่ยึดสับจานหน้าเกิดคลายตัวทำให้สับจานหน้ามันบิดแล้วไม่ทันได้เห็น เวลาสับจานทำให้ถูกโซ่ดึงแล้วตัวสับจานงอ ผิดรูปไปมาก ไม่สามรถใช้สับจานใบอื่นได้อีก ดัดอย่างไงก็ไม่เข้ารูปเดิม ดีนะเนี๊ยที่มันยังค้างอยู่จานใบกลาง

ถ้าเข้าเมืองคงต้องหาร้านจักรยานเพื่อมาเซอร์วิสกันใหม่ ก็ต้องถูๆไถๆ ปั่นไปแบบนั้นก่อน ยังไรซะช่วงนี้ยังอยู่แถวภาคกลาง ยังพอใช้จานกลางไปก่อนได้

พวกเราปั่นเข้าถนนสายเอเชีย (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32) พอผ่านทางเข้า จ.อ่างทอง สักพัก ก็ปั่นออกถนนที่เลียบแม่น้ำเจ้าพระยาครับ

ปั่นเลาะแม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิวกินบรรยากาศไปเรื่อยๆครับ ช่วงนี้แดดร่มลมตกปั่นสบายๆครับ

ปั่นกันเพลินๆ ก็รู้สึกตัวว่ามันเย็นมากแล้ว ควรจะต้องรีบปั่นไปให้ถึงที่พัก เพื่อจะได้พักผ่อนกันเสียที จุดหมายของเราวันนี้ อยู่ที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เราเลยปั่นออกถนนสายเอเชีย(32) เพื่อรีบปั่นไปให้ถึงจุดหมายไวๆครับ

ดูท่าทางแล้วคงต้องปั่นกลางคืนกันแน่ๆ เราจอดพักและติดไฟท้ายไฟหน้ากันครับ และก็ไม่ลืมที่จะใส่เสื้อสะท้อนแสง ยังไงก็ต้องเซฟไว้ก่อนครับ สายเอเชียนี่ปั่นกลางคืน ยังไงก็ไม่สนุกครับ

เหนื่อยก็แวะปั้มครับ หาอะไรกินเพื่อเติมพลังบ้าง ปั่นมา 150 กว่ากิโลแล้ว รู้สึกว่าสีหน้าเริ่มไม่แจ่มใสแล้วครับ

ประมาณ 20.00 น. ก่อนเข้า อ.อินบุรีบุรีไม่กี่กิโล รถเสือซังก็รั่วอีกแล้วครับ พวกเราแวะที่จุดลงเวลารถทัวร์ ซึ่งเป็นจุดพักรถและมีร้านอาหารในตัว พวกเราปะเปลี่ยนยางกันที่นี่ พร้อมกับกินข้าวที่เลยครับ

ออกจากจุดลงเวลารถทัวร์มายังไม่เท่าไหร่ คราวนี้ถึงคราวเสือต้อมบ้างครับ ยางรั่วริมทาง ร้านค้าปั้มน้ำมัน
บ้านคนก็ไม่มี เปลี่ยวก็เปลี่ยว มืดก็มืด ยุงก็เยอะ แถมยังเหนื่อยมากแล้วด้วย (โธ่ ชีวิต เรามาทำอะไรกันว่ะเนี๊ย) พวกเราหาที่แถวๆนั้นพอจะมีแสงสว่างได้ จอดปะเปลี่ยนกันที่ข้างทางครับ

หลังจากเปลี่ยนยางกันเสร็จ เราก็ปั่นต่อ จนมาถึงที่พักกรีนวิว รีสอร์ท ที่ อ.อินทร์บุรีกันเกือบสี่ทุ่ม ช่วงนี้ไม่ได้ถ่ายรูปแล้วนะครับ มันมืดแถมยังเหนื่อยด้วย ใจมุ่งแต่จะหาที่นอนอย่างเดียว วันนี้เราปั่นได้ระยะทางกันดีมาก ล่อเข้าไปตั้ง 181 กม. เนื่องจากเถลไถลออกนอกเส้นทางมากไปหน่อยครับ สำหรับการปั่นในวันแรกของพวกเราก็จบกันแค่นี้ก่อนครับ ไว้วันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการเดินทาง ผมจะมารีวิวให้ชมกันใหม่ ขอบคุณที่ติดตามครับ