ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 9/12/2560 - Nero's burning Rome

กระทู้คำถาม


สวัสดีครับอมยิ้ม17 สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์ MC แอ๊ด (WANG JIE) กลับมาเข้าประจำการแล้วครับ อมยิ้ม36

หลังจากที่ห่างหายไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง เป็นเวลาเดือนเศษ เพื่อไปดำเนินงานเป็น MC ห้องถนนนักเขียน ในโปรเจ็กต์ "ถุงมือนักเขียน" มายาวเหยียด จนจบภารกิจ แถมเจอโรคหวัดอันเกิดจากอากาศเปลี่ยนแปลงกระหน่ำเข้ามาอีก เป็นไข้ถึงสองรอบ งอมพระรามไปเลยทีเดียว ถึงตอนนี้ก็หายแล้ว มีภูมิคุ้มกันแล้ว ก็ขอให้ทุกๆท่านรักษาสุขภาพกันให้ดีในช่วงนี้ด้วยเน้อ อุณหภูมิจะลดลงเรื่อยๆละครับ

วันนี้ ผมเตรียมเรื่องราวของ อดีตจักรพรรดิโรมันองค์หนึ่งมาฝาก พระองค์เป็นศิลปิน เป็นนักดนตรี เหมือนผมหรือน้องมาริโอ้นี่แหละครับ แต่ก็เหมือนจะทรงเพี้ยนๆหน่อย และออกแนวโหดองค์หนึ่งทีเดียว นั่นคือ จักรพรรดิ "เนโร" ครับ

จักรพรรดิ เนโร (Nero) มีพระนามเต็มๆ ในภาษาลาติน ว่า เนโร เคลาดิอุส ซีซาร์ ออกุสตุส เยอร์มานิคุส (NERO CLAVDIVS CAESAR AVGVSTVS GERMANICVS) เป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันองค์ที่ 5 เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 37 ที่เมืองอันติอุง จักรวรรดิโรมัน พระองค์มีชื่อเต็มๆ ตอนประสูติใหม่ๆ ว่า ลูเซียส ดอมิติอุส อาเอนอบาร์บุส (LVCIVS DOMITIVS AHENOBARBVS) บิดาชื่อ กไนอุส ดอมิติอุส อาเอนอบาร์บุส มารดาชื่อ อากริปปีนา ซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงน้องสาวของจักรพรรดิ คาลิกุล่า จักรพรรดิรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์ยูลิอุส-เคลาดิอุส (องค์คาลิกุล่านี่ก็ไม่ธรรมดา ทรงหน้าหม้อสุดประมาณ! วันหลังจะเล่าให้ฟัง)

TIMELINE

    ค.ศ. 39 เกิดศึกใหญ่ระหว่างโรมันกับเยอรมนี คาลิกุลานำทัพไปรบ แต่มีข่าวว่า อากริปปีนา น้องสาวของพระองค์กำลังวางแผนโค่นอำนาจ จึงทรงสั่งเนรเทศอากริปปีนาไปยังเกาะพอนเธียน เนโรยังทรงพระเยาว์มาก จึงต้องเสด็จไปอาศัยอยู่กับพ่อ

    ปีต่อมา กไนอุส อาเอนอบาร์บุส พ่อของเนโรเสียชีวิต เนื่องจากป่วยเป็นโรคบวมน้ำ เคลาดิอุส (เสด็จลุงของจักรพรรดิคาลิกุลา) จึงรับเลี้ยงดูเนโรต่อ ในช่วงนี้ เนโรมีความฝันอยากจะเป็นศิลปิน

    ปีต่อมาอีก จักรพรรดิคาลิกุลาถูกลอบสังหารขณะชมกีฬา สภาสูงสุดแห่งโรม จึงมีมติให้เคลาดิอุสครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 4 เคลาดิอุสเป็นจักรพรรดิที่ดี ทรงปกครองบ้านเมืองได้สงบร่มเย็นตลอดรัชกาล พระองค์ทรงนำอากริพพินากลับมายังโรมัน มาพบเนโร ทำให้แม่ลูกได้พบกัน และอยู่ด้วยกันอย่างสงบ อากริปปีนาแต่งงานกับเศรษฐีคนหนึ่งเพื่อยกฐานะตนให้รวยขึ้น ต่อมาเศรษฐีเสียชีวิตลง อากริปปีนาและเนโรจึงได้รับสมบัติไปเต็มๆ

    ค.ศ. 48 ภรรยาของเคลาดิอุสถูกจับได้ว่าคิดกบฏ จึงถูกสั่งประหารชีวิต อากริปปีนาจึงพยายามจะแต่งงานกับเคลาดิอุส เพื่อยกฐานะเนโรให้เป็นบุตรบุญธรรมของจักรพรรดิ ซึ่งถ้าอากริพพินาทำสำเร็จ เนโรจะมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะครองราชย์ต่อจากเคลาดิอุส และได้แต่งงานกับเคลาดิอุสสมปรารถนาในปีถัดมา เนโรจึงได้กลายเป็นบุตรบุญธรรมของเคลาดิอุส เปลี่ยนชื่อใหม่ ว่า เนโร เคลาดิอุส ซีซาร์ ดรุสซุส (Nero Claudius Caesar Drusus) และปีถัดมา เคลาดิอุสเลื่อนยศอากริปปีนาเป็น ออกุสตา (จักรพรรดินี) และเลื่อนยศเนโรขึ้นให้เป็นรัชทายาทโดยชอบธรรม

    ค.ศ.50 เคลาดิอุสทรงประกาศให้เนโร เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ทั้งที่อายุยังน้อย ไม่นานก็ทรงแต่งตั้งให้เป็นข้าหลวง และมอบสิทธิ์ให้สามารถเข้าร่วมอภิปรายในสภาสูงได้ และปีถัดมาได้ยกพระธิดาคือ คลอเดีย ออคเตเวีย ให้อภิเษกอีกด้วย

    13 ตุลาคม ปี ค.ศ. 54 จักรพรรดิเคลาดิอุส เสวยเห็ดพิษที่อากริปปีนาหามาถวาย และสวรรคต จากนั้นอากริปปินาจึงรีบวิ่งไปยังที่เก็บพระราชลัญจกรและพระราชพินัยกรรม โดยทำลายของเก่าทิ้งเสีย แล้วร่างฉบับใหม่ขึ้นมาพร้อมใส่ชื่อลูกชายเข้าไปแล้วประทับด้วยตราพระราชลัญจกรของเคลาดิอุส ทำให้เนโรขึ้นเป็นจักรพรรดิรัชกาลที่ 5 ทั้งๆที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี ซึ่งในระยะแรกๆ เนโร ปกครองจักรวรรดิโรมันได้อย่างสงบสุขเรื่อยมา

    ค.ศ. 58 เนโรได้เป็นซีซาร์ ทรงแก้ไขกฎหมายอย่างมากมายจนได้รับคะแนนนิยมสูงสุดนับตั้งแต่ออกุสตุสจักรพรรดิโรมันพระองค์แรกเป็นต้นมา ถึงกระนั้น เนโรก็ต้องการให้มีการอภิเษกสมรสอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น โดยเจ้าสาวที่หมายมั่นพระทัยไว้คือ แอ็คเต้ เพื่อนสาวสมัยเด็ก แต่หลังจากแต่งงานแล้ว เนโรก็เกิดความไม่พอใจอากริปปีนาที่มายุ่งกับแอ็คเต้ตลอดเวลา เพราะเห็นเป็นเพียงทาสต่ำต้อยคนหนึ่ง หลังจากนั้น อากริปปีนาเริ่มเกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงที่เนโรมัวสนใจอยู่แต่แอ็คเต้ ไม่สนพระทัยเสด็จแม่เลยแม้แต่น้อย และคิดจะละทิ้งความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกเสีย เหลือไว้เพียงความรักกับแอ็คเต้เท่านั้น ทำให้พระราชมารดาทรงขู่จะเปิดเผยพินัยกรรมฉบับจริงที่จักรพรรดิเคลาดิอุสทรงระบุว่า จะมอบราชสมบัติให้แก่ บริทานิคัส ผู้เป็นรัชทายาทที่แท้จริง คำขู่นี้ก่อให้เกิดผลร้ายต่อบริทานิคัสผู้ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ โดยเนโรได้เชิญเขามาร่วมเสวย และแล้วเหตุการณ์ก็ซ้ำรอยเดิม เมื่อบริทานิคัสเกิดอาการชักเกร็งแล้วสิ้นใจในที่สุดด้วยเห็ดพิษ หลังจากนั้นจึงมีพระบรมราชโองการให้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า บริทานิคัส พระบรมวงศานุวงศ์ผู้เป็นที่รักของซีซาร์ เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้วด้วยสาเหตุลมชักอันเป็นโรคประจำตัว

    ค.ศ. 59 เนโรวางแผนให้ทิเจลลินัส ทหารพรีโตเรียนการ์ดคนสนิททูลเชิญพระราชมารดาเสด็จทางชลมารค โดยเรือพระที่นั่งสั่งทำพิเศษ คือ มีรูมากเป็นพิเศษ! และโครงเรือบางจนต้องล่มก่อนถึงฝั่ง กะให้เสด็จแม่จมน้ำตาย แต่พระนางอากริปปีนาทรงอึดทนทายาด กระเศือกกระสนว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้สำเร็จ เนโรยังก็มีแผนสองต่อไปอีก คือทรงให้เสด็จแม่เสวยพระกระยาหารพิเศษ แถมด้วยการปักกริชที่อกจากทิเจลลินัส ทำให้อากริปปีนาสิ้นพระชนม์ในที่สุด!

    ค.ศ. 62 เนโรทรงหย่าขาดกับนางคลอเดีย ออคเตเวีย และต่อมา นางก็เสียชีวิตอย่างลึกลับ หาสาเหตุไม่ได้

    ค.ศ. 64 วันที่ 21 มกราคม ปอปปาเอียได้ให้กำเนิดลูกสาวของตนกับเนโร ชื่อว่า คลาอุเดีย ออกุสตา ซึ่งเป็นลูกคนแรกของเนโร เนโรดีพระทัยมาก จึงสถาปนาปอปปาเอียเป็นจักรพรรดินี และจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต แต่ 4 เดือนต่อมา คลาอุเดีย ออกุสตา ก็ป่วยจนเสียชีวิต เนโรและปอปปาเอียโศกเศร้ามาก เนโรจึงประกาศให้คลาอุเดีย ออกุสตา เป็นเทพีองค์ใหม่ของโรมัน สร้างรูปบูชาและจัดนักบวชไว้คอยรับใช้รูปบูชา

    ค.ศ. 64 วันที่ 18 กรกฎาคม ตอนกลางคืน เกิดไฟไหม้ขึ้นที่ร้านขายวัตถุไวไฟแห่งหนึ่งในกรุงโรม ถนนกรุงโรมในช่วงนั้นแคบ ทำให้ไฟจากร้านค้าวัตถุไวไฟนั้น ลุกลามไปยังบ้านเรือนหลังอื่นๆอย่างรวดเร็ว และไม่นานไฟก็ไหม้ทั่วเมือง เนโรรู้ข่าวก็รีบมาดูเปลวเพลิงที่หอคอยมาเอเซนัส (Maecenas) แล้วก็บอกว่าเปลวเพลิงนั้นช่างสวยงาม นั่งมองไฟผลาญกรุงโรมอย่างสบายอารมณ์ พร้อมทั้งนำพิณมาบรรเลงอย่างเพลิดเพลิน โดยไม่ส่งทหารไปช่วยดับไฟ!

    ค.ศ. 64 วันที่ 25 กรกฎาคม เปลวเพลิงที่ผลาญกรุงโรมมาตลอด 6 วัน 6 คืนดับลงในวันที่ 7 เผาบ้านเผาเรือนไป 132 หลัง ใน 4 หมู่บ้าน เนโรสั่งให้เวนคืนที่ดินจำนวนหนึ่งมาสร้างพระราชวังทองคำ (Golden Palace) ประกอบกับการที่เนโรไม่ส่งทหารไปช่วยดับไฟ และในอดีตพระองค์เคยคิดจะเปลี่ยนชื่อกรุงโรมเสียใหม่ว่า กรุงเนโรโพลิส (Neropolis) ประชาชนจึงปักใจเชื่อว่าเนโรเป็นผู้เผากรุงโรม

    เนโรจึงใส่ร้ายป้ายสีพวกคริสเตียน (ศาสนาคริสต์เมื่อเกือบสองพันปีก่อนในจักรวรรดิโรมันเป็นเพียงแต่ลัทธิเล็กๆ มิใช่ศาสนาอันยิ่งใหญ่เหมือนปัจจุบัน) ว่าเป็นกลุ่มคิดกบฏและพยายามเผาโรม จึงเกิดการประหารหมู่ชาวคริสเตียนในโรมันด้วยข้อหาเผาโรม โดยวิธีให้สัตว์ป่าในสนามกีฬาโคลอสเซียม อดอาหารจนหิวโซ และนำชาวคริสเตียนไปปล่อยในสนาม จากนั้นปล่อยสัตว์ป่าให้มารุมฉีกทึ้งชาวคริสเตียนต่อหน้าผู้ชม! นอกจากนี้ยังเก็บภาษีอย่างหนักเพื่อมาซ่อมแซมบ้านเมืองและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ล่มจมของโรม ทำให้ประชาชนคลางแคลงใจในตัวเนโร จนเกิดเป็นคำติดปากประชาชนชาวโรมว่า "เนโรเผาโรม" (Nero Burning Rome) ซึ่งในปัจจุบัน วลีอายุกว่า 2 พันปีนี้ ได้ถูกใช้เป็นชื่อโปรแกรมซอฟต์แวร์เขียนแผ่นซีดี/ดีวีดี ซึ่งทุกคนรู้จักกันดี นั่นคือ NERO BURNING ROM !!


โปรแกรมซอฟแวร์ NERO BURNING ROM ซึ่งเอาชื่อมาจากวลีสมญานาม "เนโรเผากรุงโรม" (Nero burning Rome)



    แต่เนโรก็เปิดพระราชวังให้คนที่ไร้บ้านมาพักอาศัย พร้อมทั้งจัดหาข้าวน้ำมาให้ฟรี แล้วยังสั่งให้ออกแบบสร้างเมืองใหม่ให้ถนนกว้างขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก และเพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่มีโฉนดต้องเสียที่ดินไปเพราะการขยายถนนไปเบียด จึงจัดสรรที่ดินใหม่ให้เขตบ้านเรือนและถนนแผ่กว้าง ทำให้ความสงสัยว่าเนโรจะเป็นผู้เผาโรมลดลง ประชาชนบางส่วนเริ่มเชื่อใจ และจนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครรู้แน่ว่าอะไรเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนั้น แต่ประชาชนอีกหลายส่วนก็ยังไม่เชื่อใจ และประท้วงให้ถอดถอนเนโร มีการประท้วงรุนแรงและยืดเยื้อ

    ค.ศ. 66 ปอปปาเอียตั้งครรภ์อีกครั้ง แต่เนโร กำลังเครียดกับกลุ่มผู้ประท้วงที่จะปลดตนจากตำแหน่งจักรพรรดิให้ได้ จึงไม่ค่อยได้มาอยู่ที่วังมาดูแลปอปปาเอียและลูกในครรภ์ วันหนึ่ง เนโรกลับวัง และพูดจาบางอย่างที่ทำให้ปอปปาเอียโมโห ปอปปาเอียจึงด่าว่าเนโรอย่างหนัก เนโรกำลังทรงเครียด จึงพลั้งมือฆ่าปอปปาเอียตายพร้อมทั้งลูกในครรภ์

    ปีต่อมา เนโรเครียดจัด ประกอบกับช่วงนั้นกรีซกำลังจะจัดกีฬาโอลิมปิกขึ้น เนโรตัดสินใจไปร่วมแข่งขัน ทั้งๆที่บ้านเมืองยังตึงเครียด ทิ้งภาระหน้าที่ไว้กับสภาสูง ระหว่างที่เนโรไม่อยู่นั้น สภาสูงลงมติว่าเนโรไม่ควรเป็นจักรพรรดิอีกต่อไป

    ค.ศ. 68 เนโรกลับจากกีฬาโอลิมปิก สภาสูงจึงส่งคนมาจับกุมโค่นอำนาจ เนโรจึงฆ่าตัวตายในวันที่ 9 มิถุนายน ขณะอายุไม่ถึง 31 ปี และเพราะพระองค์ไม่มีทายาทเลย จึงทำให้ราชวงศ์ยูลิอุส-เคลาดิอุส ต้องสิ้นสุดลง และเป็นจักรพรรดิองค์แรกซึ่งฆ่าตัวตายในประวัติศาสตร์จักรพรรดิโรมัน

   แม้ว่าจักรพรรดิเนโร มีชื่อเสียงเสื่อมเสียมากมาย แต่ก็มีนักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยกับหลายคนที่บันทึกเรื่องราวให้ความเป็นธรรมกับเนโรด้วยเช่นกัน เช่น

โยเซฟัส (Josephus) นักประวัติศาสตร์ที่เกิดและโตในรัชกาลของเนโร มีอายุถึง 70 ปี กล่าวว่า แท็กซิตัส และ ซูโตเนียส นักประวัติศาสตร์ 2 คน บันทึกใส่ร้ายเนโรมากเกินไป เพราะทั้งสองคนอยู่ในสมัยหลังเนโรถึง 50 ปี และสิ่งที่บันทึกล้วนเป็นสิ่งที่ได้แต่ฟังมา ไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง

มาร์คัส แอนเนียส ลูคานัส นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยอีกคนหนึ่งบันทึกว่า ไพร่ฟ้าต่างหน้าใสเมื่ออยู่ใต้การปกครองของเนโร เศรษฐกิจของกรุงโรมในขณะนั้นดีมาก ประชากรต่างร่ำรวย และเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่นั้นถูกเป็นเครื่องมือหาความชอบธรรมให้กับเหล่าสมาชิกสภาสูงในการโค่นอำนาจจักรพรรดิ์เนโรเท่านั้น!

ขอบคุณข้อมูล และภาพประกอบ จาก วิกิพีเดีย https://en.wikipedia.org/wiki/Nero และ กูเกิ้ล

พบกันใหม่ วันพรุ่งนี้ อีก 1 วันครับ

แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 23
อ่านจบอย่างละเอียดแล้ว ขอบคุณ MC พี่แอ๊ดค่ะ เนื้อเรื่องสนุก น่าสนใจมาก ได้เกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์

ก็เพิ่งรู้ว่า โปรแกรมซอฟแวร์ NERO BURNING ROM  
เอาชื่อมาจากวลีสมญานาม "เนโรเผากรุงโรม" (Nero burning Rome) นั่นเอง

เพื่อให้เข้าชุด ขอเสนอที่มาของไวรัส "โทรจัน" บ้าง จากตำนานม้าไม้ใน สงครามเมืองทรอย
จากกระทู้ห้องเพลง https://pantip.com/topic/36869710

ม้าไม้เมืองทรอย  

หลังจากเจ้าชายปารีสชิงตัวเฮเลน มเหสีของกษัตริย์เมนนิเลอัสแล้วกลับทรอย
เมื่อเมนนิเลอัสรู้เข้าก็โกรธมาก รวบรวมทัพเรือมุ่งหน้าสู่ทรอยทันที !

นักโบราณคดีพบหลักฐานว่าเมืองทรอยมีอยู่จริงโดยอยู่บนชายฝั่งทะเลทางตะวันตกของประเทศตุรกีในปัจจุบัน



กองทัพเรือของสปาตาร์หรือกรีกมุ่งตรงสู่ทรอย ขึ้นฝั่งตั้งทัพเรียบร้อย ขนนักรบฝีมือเยี่ยมมาเพียบ

ต่างฝ่ายสู้รบกันกันอย่างโกลาหลอลหม่าน ต่างฝ่ายสูญเสียกำลังสำคัญและขุนศึกฝีมือดีไปหลายคน

งานนี้ทวยเทพต่างถือหางร่วมวงกันอย่างออกหน้าออกตา
เช่น วีนัสและมาร์สย่อมเข้าข้างทรอย รวมถึงอพอลโล ส่วนเฮรา กับอเธน่าเข้าข้างกรีก

สองฝ่ายรบพุ่งกันจนยับเยิน เป็น 10 ปี แม้แต่ปารีสก็ตาย ก็ยังเอาชัยกันไม่ได้ จนยูลิซิสขุนพลกรีกคิดกลม้าไม้ได้

บ้างก็ว่าอเธน่ามาแอบชี้แนะ เขาให้ช่างประกอบม้าไม้ใหญ่ ภายในกลวง ให้ทหารเข้าไปซ่อนข้างใน
แล้วให้ทหารที่เหลือลงเรือ ทำทีถอยทัพกลับบ้าน ทิ้งทหารชื่อไซนอนไว้หลอกชาวเมืองทรอยว่า

กรีกสร้างม้าไม้ไว้บูชาเจ้าแม่อเธน่าเทพีแห่งชัยชนะแต่ขนกลับไม่ไหว และทิ้งตนไว้สังเวยเจ้าแม่
ชาวทรอยดีใจรีบลากม้าไม้เข้าเมืองเพื่อฉลองชัยชนะและถือเป็นเครื่องบูชาเทพเจ้า



เจ้าหญิงคาสซานดร้าน้องของปารีสพยายามทักท้วงแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง พอตกดึกต่างดื่มกันเมามาย หลับใหลกันไปทั้งเมือง

ทหารกรีกค่อยๆ ย่องลงมาเปิดประตูเมืองทรอยให้ทัพซุ่มข้างนอกเข้ามา แล้วจัดการฆ่าชาวเมืองทรอย กวาดต้อนเชลย
เมืองทรอยจึงสูญสิ้นนับจากนั้นมา

กองทัพกรีกเข่นฆ่าชาวเมืองทรอยอย่างโหดเหี้ยม ขากลับจึงถูกเทพเจ้าลงโทษให้รอนแรมในทะเลเป็นสิบปี

หากชาวเมืองทรอยฉุกใจคิดสักนิดว่า "ของฟรีไม่มีในโลก" อาจไม่ต้องพ่ายแพ้เพราะม้าไม้นี้
แต่เขาอยู่ในภาวะศึกสงครามมานาน จิตใจย่อมเหนื่อยล้า เลยทำให้ประมาท

ม้าไม้ หรือม้าโทรจันนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของการนำไส้ศึกแฝงเข้าไปจู่โจม
ภายหลังเราเรียกไวรัสตัวร้าย ว่า โทรจัน


ขอบคุณภาพจาก https://sites.google.com/site/wailascomputer/prapheth-khxng-wiras/ma-thor-can-trojan-horse
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ห่างๆหายๆกับห้องเพลงพอสมควร ถ้าเข้าพันทิปก็ต้องมากดอีโม่ กด+ประจำ
แสดงตัวว่าเข้ามาอ่านแล้วนะ อาจจะออกความเห็น ไม่ออกความเห็นก็ตาม
แต่มีอย่างนึงที่ต้องชื่นชมสมาชิกห้องเพลง ส่วนเป็นเรื่องอะไร ? แบบไหนนั้น ?
ไม่ขอบอกดีกว่า รู้อยู่คนเดียวก็พอแล้วค่ะ

เพลงที่วางเป็นเพลงที่พี่คนนึงชอบมาก ก็ฝากไว้ในกระทู้ล่ะกันค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4


ชายคนหนึ่งเกลียดแมวของภรรยามาก จึงแอบเอามันไปปล่อย

วันแรก เขาจับมันไปปล่อยไกลราว 20 ซอย แล้วรีบขับรถกลับ
พอถึงบ้านก็เห็นมันยังเดินนวยนาดอยู่ในบ้าน

วันที่สอง เขาตัดสินใจไปปล่อยไกลกว่าเดิมอีก เจอพงหญ้าข้างทาง เขาก็เหวี่ยงมันไป
แต่ไอ้เหมียวตัวดีกลับถึงบ้านก่อนเขาเสียอีก

เขาทำอย่างนั้นอยู่ 4-5 วัน แต่มันก็กลับบ้านมาได้ทุกครั้ง

ในที่สุดเขาตัดสินใจไปทิ้งให้ไกลกว่าเก่า

พามันเลี้ยว ซ้าย-ขวา-ซ้าย-ขวา ขึ้นสะพาน มุดอุโมงค์ ขึ้นทางด่วน ออกมอเตอร์เวย์ ฯลฯ
จนรู้สึกว่าไกลมากแล้วก็ปล่อยมันทิ้งไว้

กระทั่งอีก 1 ชั่วโมงต่อมา เขาโทรกลับมาหาภรรยาที่บ้าน

"ที่รักจ๊ะ แมวมันอยู่กับเธอหรือเปล่า"

"อ้าว!! ก็อยู่สิจ๊ะ เธอถามถึงมันทำไมเหรอ?"

เขาตะคอกใส่ภรรยา  "ให้มันมาบอกทางฉันหน่อย ฉันหลงทางกลับบ้านไม่ถูกอยู่เนี่ย!!"
ความคิดเห็นที่ 12
เย้ๆๆๆๆ ดีใจ MC พี่แอ๊ดกลับมาประจำการแล้ว  พลุเกล็ดหิมะพลุชนแก้วเกล็ดหิมะพลุ
เพื่อนๆ คิดถึงพี่แอ๊ดมาก ดีใจด้วยค่ะกับกิจกรรมถุงมือกวีที่ดำเนินอย่างสมบูรณ์แบบ น่าประทับใจ

แอบไปจิ๊กคำคมดีๆ ที่พี่แอ๊ดรวบรวมจากนักเขียนในกิจกรรมนั้นมาค่ะ



Cr. "ถุงมือคุณหมอ" (คุณ Tantava)  จากเรื่องสั้น "ยายแก่ในห้องเก็บศพ"  


ปล. ตอนกระทู้ขึ้น ยังไม่มีสักเม้น ยิ้มหวานที่ 1 แน่ๆ ที่ไหนได้ กดส่งปาไปเม้น 4 เต่าเอือม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่