ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 13/9/2017 (ถอดบทเรียนสงครามกรุงทรอย)

กระทู้คำถาม


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น





สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน


หลายคนคงเคยอ่าน เคยดูภาพยนตร์กันมามากแล้ว มันมี เมืองทรอย สปาตาร์ ม้าไม้ ปารีส เฮเลน เฮคเตอร์ อะคิลิส ฯลฯ
แต่วันนี้จะมานำเสนอในอีกมุมมอง ว่าสงครามครั้งยิ่งใหญ่นั้นเกิดขึ้นจากตรงไหน รบกันไปเพื่ออะไร สุดท้ายใครได้อะไร
และที่สำคัญที่สุดคือ เราได้เรียนรู้อะไร นอกเหนือจากความบันเทิงที่ได้



เรื่องยาวมาก เทพเจ้าก็เยอะ อิรุงตุงนังไปหมด จะขอตัดเอาเฉพาะส่วนสำคัญนะคะ

1. แอ๊ปเปิ้ลทองคำ

เริ่มเรื่องจากงานฉลองสมรสของกษัตริย์เพเลอุสกับเทพีแห่งท้องทะเลเธตีส เหล่าเทพน้อยใหญ่ได้รับเชิญมางานกันครบถ้วน
ขาดก็แต่เทพีเอรีส เทพีแห่งความขัดแย้ง การสร้างความร้าวฉานคืองานถนัดของชี เลยไม่มีใครอยากข้องเกี่ยวด้วย

เธอจึงโกรธ งานนี้ต้องมีเอาคืน ว่าแล้วก็บุกเข้าไปในงานสมโภช แล้วโยนแอ๊ปเปิ้ลทองคำลงไปกลางวง
ปัญหาคงไม่เกิดถ้าแอ๊ปเปิ้ลทองคำผลนั้นไม่ได้สลักว่า “กำนัลแด่ผู้งามที่สุด”
เจ้าแอ๊ปเปิ้ลทองคำผลนี้แหละที่เป็นที่มาของสำนวนว่า An apple of discord
หรือแอ๊ปเปิ้ลแห่งความแตกร้าว ใช้กล่าวถึงต้นเหตุแห่งความแตกแยก




ลองนึกภาพก็คงเหมือนสาวๆ แย่งกันคว้าของแบรนด์เนมซัมเมอร์เซลนั่นแหละ แต่สุดท้ายพวกเทพีชั้นผู้น้อยก็หลบไป
เหลือแต่เจ้าแม่ผู้ยิ่งใหญ่ 3 นางที่เข้ารอบ คือ  เฮรา อโฟรไดต์ (วีนัส) และอเธนา แต่ละนางไม่มีใครยอมใคร
สุดท้ายก็ต้องให้เทพซูสเป็นคนตัดสิน ซูสก็ไม่กล้าสิ แหม ...

เฮรา ก็เมียที่เคารพ ผลงานก็แขวนบรรดากิ๊กเป็นหมู่ดาวมานับไม่ถ้วน สาปเป็นสิงสาราสัตว์ พืชพรรณแทบเต็มโอลิมปัส
อเธนา ก็ลูกรัก เป็นเทพีแห่งสติปัญญาและชัยชนะ เป็นกำลังสำคัญของซูส ขัดใจกันไปจะไม่ดี
วีนัส เป็นลูกสะใภ้ ถึงไม่ค่อยมีฤทธิ์ แต่นางมีลูกเป็นคิวปิด เกิดแผลงศรให้ซูสไปรักอะไรประหลาดๆ เข้าคงไม่งาม

สุดท้ายซูสจึงโยนเผือกร้อนไปให้ปารีส ซึ่งเป็นโอรสองค์หนึ่งของกษัตริย์เพรียมแห่งกรุงทรอยเป็นคนตัดสิน

เสียดายจัง ถ้าเทพีเอรีสมาโยนแอ๊ปเปิ้ลทองคำกลางวงสาวๆ บ้านรากหญ้า พวกเราจะไม่แย่งกัน
แต่เราจะเอาไปขายแล้วเอาเงินมาแบ่งกัน เจ้าหอบเงินเจ้าหอบเงินเจ้าหอบเงิน



2. คำตัดสินของปารีสและชนวนสงคราม

เอาล่ะ เทพีทั้ง 3 ก็ไปหาปารีสเพื่อตัดสิน โดยแต่ละนางต่างให้สินบนแก่ปารีส
ใครว่าแต่มนุษย์ที่ให้สินบน ทวยเทพก็ไม่น้อยหน้า โดยข้อเสนอคือ

เฮร่า สัญญาว่าจะให้อำนาจเกรียงไกร รบชนะศึกทั้งปวง
อเธน่า สัญญาว่าจะให้สติปัญญา แตกฉานวิทยาการทุกแขนง
วีนัส สัญญาว่าจะให้หญิงงามที่สุดในโลก ซึ่งในขณะนั้นคือ เฮเลน เป็นชายาของเมนนิเลอัสเจ้าเมืองสปาตาร์



ปารีสเลือกให้วีนัสอย่างไม่ลังเลใจ ซึ่งจะว่าไปแล้วเราก็ต้องยอมรับว่าวีนัสน่าจะสวยที่สุดจริงๆ แหละ

คำตัดสินนี่เอง ทำให้เทพีทั้งสองขัดเคืองใจมากโดยเฉพาะเฮรา  และนำไปสู่หายนะครั้งยิ่งใหญ่ของกรุงทรอย
โดยสงครามนี้ไม่เพียงแค่มนุษย์สู้รบกัน พวกทวยเทพก็แบ่งฝ่ายถือหางกันร่วมมหกรรมครั้งนี้จนวุ่นวายไปหมด



3. เฮเลน ความงามที่เคลื่อนทัพเรือพันลำ

ต่อมาปารีสก็ไปยังสปาตาร์ ซึ่งกษัตริย์คือเมนนิเลอัสก็ต้อนรับอย่างดีโดยยังไม่รู้ตัวว่าจะโดนตีท้ายครัว

ปารีสเมื่อพบเฮเลนก็ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ด้วยความช่วยเหลือของวีนัส
(บางตำราว่าวีนัสให้คิวปิดแผลงศร ทำให้เฮเลนก็มีใจให้ปารีสเช่นกัน) ปารีสก็ชิงตัวเฮเลนแล้วกลับทรอย

    

เมื่อเมนนิเลอัสรู้เข้าก็โกรธมาก รวบรวมทัพเรือมุ่งหน้าสู่ทรอยทันที !

นักประวัติศาสตร์เรียกเฮเลนว่า “ความงามที่เคลื่อนทัพเรือพันลำ, The face that launched a thousand ships



จากการต้องการได้เป็นผู้ที่งามที่สุด การติดสินบน การไม่ยับยั้งชั่งใจ กำลังนำไปสู่สงครามแล้ว !!!


4. สงครามเมืองทรอย

นักโบราณคดีพบหลักฐานว่าเมืองทรอยมีอยู่จริงโดยอยู่บนชายฝั่งทะเลทางตะวันตกของประเทศตุรกีในปัจจุบัน



กองทัพเรือของสปาตาร์หรือกรีกมุ่งตรงสู่ทรอย ขึ้นฝั่งตั้งทัพเรียบร้อย ขนนักรบฝีมือเยี่ยมมาเพียบ

ฝ่ายกรีกมีอะคิลิส (แบรด พิตต์รับบทนี้ในเวอร์ชันล่าสุด ขอกรี๊ดแพ็พนึง) ซึ่งเป็นลูกของกษัตริย์เพเลอุสกับเทพีเธตีส
ที่จัดงานแต่งงานตอนต้นเรื่องนั่นแหละค่ะ

ไม่ต้องงงว่า อ้าว เพิ่งแต่งงาน เพิ่งเกิดเรื่องแอ๊ปเปิ้ลทองคำ แล้วลูกชายโตมาทันรบแล้วเหรอ
คือเรื่องอายุ เรื่องไทม์ไลน์ ของตำนานพวกนี้ MC ฮารุก็มึนงงเหมือนกันค่ะ สันนิษฐานว่าเค้าคงเป็นกึ่งเทพ เกิดแล้วโตไวมั้ง
หรือเหตุการณ์หลังคำตัดสินมันใช้เวลานานก็ไม่รู้

ฝ่ายทรอยมีเจ้าชายเฮคเตอร์ พี่ชายของปารีส (เอริค บานา รับบทนี้ เท่ห์มาก สาวๆ กรี๊ดไม่แพ้พี่แบรด)



ต่างฝ่ายสู้รบกันกันอย่างโกลาหลอลหม่าน ต่างฝ่ายสูญเสียกำลังสำคัญและขุนศึกฝีมือดีไปหลายคน

อย่างที่บอกไว้ งานนี้ทวยเทพต่างถือหางร่วมวงกันอย่างออกหน้าออกตา
เช่น วีนัสและมาร์สย่อมเข้าข้างทรอย รวมถึงอพอลโล ส่วนเฮรา กับอเธน่าเข้าข้างกรีก

ในขณะที่สู้รบเหล่าเทพต่างยื่นมือช่วยฝ่ายตนแบบแจ้งบ้าง ลับบ้าง จนซูสต้องสั่งห้ามช่วยเหลือ
(แต่จริงๆ ซูสเองก็แอบช่วยเหลือทรอยนิดๆ หน่อยๆ เหมือนกัน)  อเธน่าก็ไม่วายบอกว่างั้นแค่ให้คำแนะนำนะ


5. การสูญเสียเฮคเตอร์ และจุดอ่อนของอะคิลิส

รบพุ่งกันมานาน ทหารตายเพียบ แม่ทัพนักรบตายเกือบหมด สุดท้ายอะคิลิสสามารถฆ่าเฮคเตอร์ได้  
อะคิลิสกระทำการเหยียดหยามต่อศพเจ้าชายโดยเทียมรถลากประจาน เทพบางองค์เริ่มไม่ค่อยพอใจ

ทำให้กษัตริย์เพรียมต้องบากหน้ามาขอศพลูกชายไปประกอบพิธีทางศาสนา

แล้วทั้งสองเมืองก็รบกันต่อ ทรอยก็ยังไม่แตก อะคิลิสพลาดท่าถูกธนูของปารีสเสียชีวิต ถ้าใครดูหนังไม่เคยอ่านหนังสือ
อาจจะงงว่า โดนยิง โดนแทงตรงไหนไม่เป็นไร แต่มาตายเพราะโดนยิงที่ส้นเท้าเนี่ยนะ

อย่าลืมว่าแม่ของอะคิลิสเป็นเทพีแห่งทะเลองค์หนึ่ง เมื่ออะคิลิสเกิด นางได้จุ่มลูกชายในน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ลูกชายเป็นอมตะ
แต่นางพลาด!!! นางจับที่ข้อเท้าทารกจุ่มลงไป ทำให้ส่วนส้นเท้าไม่เปียกน้ำ นั่นจึงเป็นจุดอ่อนของอะคิลิส

     

สำนวนที่ว่า "Achilles' heel" หรือ ส้นเท้าของอะคิลิส จึงหมายถึงจุดอ่อนนั่นเอง



6. กลศึกม้าไม้และการสูญสิ้นเมืองทรอย

สองฝ่ายรบพุ่งกันจนยับเยิน เป็น 10 ปี แม้แต่ปารีสก็ตาย ก็ยังเอาชัยกันไม่ได้ จนยูลิซิสขุนพลกรีกคิดกลม้าไม้ได้

บ้างก็ว่าอเธน่ามาแอบชี้แนะ เขาให้ช่างประกอบม้าไม้ใหญ่ ภายในกลวง ให้ทหารเข้าไปซ่อนข้างใน
แล้วให้ทหารที่เหลือลงเรือ ทำทีถอยทัพกลับบ้าน ทิ้งทหารชื่อไซนอนไว้หลอกชาวเมืองทรอยว่า

กรีกสร้างม้าไม้ไว้บูชาเจ้าแม่อเธน่าเทพีแห่งชัยชนะแต่ขนกลับไม่ไหว และทิ้งตนไว้สังเวยเจ้าแม่
ชาวทรอยดีใจรีบลากม้าไม้เข้าเมืองเพื่อฉลองชัยชนะและถือเป็นเครื่องบูชาเทพเจ้า



เจ้าหญิงคาสซานดร้าน้องของปารีสพยายามทักท้วงแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง พอตกดึกต่างดื่มกันเมามาย หลับใหลกันไปทั้งเมือง

ทหารกรีกค่อยๆ ย่องลงมาเปิดประตูเมืองทรอยให้ทัพซุ่มข้างนอกเข้ามา แล้วจัดการฆ่าชาวเมืองทรอย กวาดต้อนเชลย
เมืองทรอยจึงสูญสิ้นนับจากนั้นมา

กองทัพกรีกเข่นฆ่าชาวเมืองทรอยอย่างโหดเหี้ยม ขากลับจึงถูกเทพเจ้าลงโทษให้รอนแรมในทะเลเป็นสิบปี

หากชาวเมืองทรอยฉุกใจคิดสักนิดว่า "ของฟรีไม่มีในโลก" อาจไม่ต้องพ่ายแพ้เพราะม้าไม้นี้
แต่เขาอยู่ในภาวะศึกสงครามมานาน จิตใจย่อมเหนื่อยล้า เลยทำให้ประมาท

ม้าไม้ หรือม้าโทรจันนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของการนำไส้ศึกแฝงเข้าไปจู่โจม ภายหลังเราเรียกไวรัสตัวร้าย ว่า โทรจัน



บทสรุป

ทั้งทรอยและกรีกรบกันเอาเป็นเอาตาย ผู้คนล้มตาย โดยที่คนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ต้นเหตุที่แท้จริงมาจากอะไร จะหยุดยั้งแก้ไขอะไรได้บ้าง
อย่างไรเรื่องก็เกิดขึ้นอยู่ดี ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ แต่เราสามารถถอดบทเรียน หรือศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อนำมาเป็นข้อเตือนใจได้

1. สาเหตุทั้งปวงอยู่ที่ไหน บางคนว่า แอ๊ปเปิ้ลทองคำไง แอ๊ปเปิ้ลนั้นเป็นแค่สัญลักษณ์ มันจะเป็นมะละกอ หรือสับปะรดทองคำก็ได้
หรือว่าเกิดจากเทพีแห่งความแตกร้าว ทั้งนางและแอ๊ปเปิ้ลจะไม่สัมฤทธิ์ผลเลย ถ้าทุกคนไม่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่แก่งแย่ง อิจฉาริษยา
เอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง สรุปแล้ว ความแตกแยกมักจะมาจากความต้องการเอาชนะกันและความอิจฉานั่นเอง

2. การไม่ยึดถือความยุติธรรม และใช้คนไม่ถูกกับงาน ถ้าซูสรู้ตัวว่าไม่สามารถตัดสินได้ ก็ควรให้เทพที่มีความยุติธรรมหรือบารมีระดับนึง
แต่กลับยกให้ปารีส ซึ่งเป็นเจ้าชายหนุ่มผู้ไม่ได้สามารถทางนี้ ทำให้เขาเลือกตัดสินเพราะความถูกใจในรางวัล ถึงแม้เขาจะให้ใคร
ก็คิดว่ามีปัญหาอยู่ดี แต่ก็ไม่ควรมีเรื่องสินบนหรือผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง

3. ความแค้นเคือง และการยื่นมือเข้ามาวุ่นวายของผู้มีอำนาจ เมื่อทรอยขัดแย้งกับกรีก ที่จริงเรื่องเฮเลนเป็นข้ออ้างอย่างหนึ่ง
กรีกหวังขยายอำนาจอยู่แล้วเลยฉวยโอกาสนี้ซะเลย เหล่าทวยเทพแทนที่จะเจรจายับยั้ง กลับแบ่งฝ่าย หนุนหลังกันเต็มที่
หลายครั้งที่สงครามจะยุติ แต่เหมือนทรอยยังไม่วินาศสันตะโรสาแก่ใจเทพีเฮรา เหล่าเทพยังยื่นมือมาแทรก ทำให้เกิดการผิดสัญญา
สงครามก็ดำเนินต่อไป

4. ความประมาทและความโลภ หากชาวทรอยฉุกใจ ไม่ประมาท คิดซะว่า ระวังมากเกินไปร้อยครั้งดีกว่าประมาทเกินไปแค่ครั้งเดียว
อาจไม่ต้องสิ้นเมือง

5. สรุปแล้วความแตกแยก ความต้องการเอาชนะของผู้มีอำนาจ ผู้ที่เดือดร้อนคือประชาชนธรรมดา คนมากมายต้องสู้รบ บาดเจ็บ ล้มตาย
โดยที่เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น หรือสิ่งนั้นมีประโยชน์กับเขาอย่างไร และทำไปเพื่ออะไร

ถึงจะทำอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยควรเรียนรู้ เข้าใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้มีสติ ไม่ตั้งตนอยู่ในความประมาท และไม่เป็นเครื่องมือของใคร


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่