การถือหุ้น AOT ของกลุ่มตระกูลศรีวัฒนประภา รวมกันแล้วได้แค่ 1% กว่าๆ แล้วทำไมถึงเขียนข่าวเล่นใหญ่ขนาดนี้หละครับ

สวัสดีครับ ผมขอเล่าที่มาที่ไหนของความข้องใจของผมก่อน ต้องออกตัวก่อนเลยว่าชั่วโมงบินในเรื่องหุ้นนั้นยังไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่ แล้วส่วนตัวก็มีความสนใจหุ้น AOT เลยทำการหาข้อมูลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปพบข่าวจากฐานเศรษฐกิจ ที่บอกว่า แฉตระกูล ‘ศรีวัฒนประภา’ เจ้าของ ‘คิงเพาเวอร์’ ถือหุ้น AOT รวมกันเป็นอันดับ 3 หรือ 20.51 ล้านหุ้น มูลค่าล่าสุด 1.2 พันล้าน ท่ามกลางการคว้างานชิ้นใหญ่ใน AOT อย่างต่อเนื่อง หมิ่นเหม่กับผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างเอกชนกับรัฐ


https://web.facebook.com/thansettakij/photos/a.483607434992150.111023.216002825085947/1877681995584680/?type=3)

การอ่านจากพาดหัวข่าวอย่างเดียวก็จะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นไปกับการเล่นใหญ่ แต่พอตั้งสติได้ผมก็เลยไปเปิด Settrade ดูเลย  ปรากฏว่ามูลค่าหุ้นของตระกูลศรีวัฒนประภามันมีอยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่จริงๆ ครับ มีจำนวนหุ้นก็ตามพาดหัวข่าวนั่นเลย 20.51 ล้านหุ้น แต่!!!! ถ้าลองมาดูสัดส่วนที่ตระกูลศรีวัฒนประภาถือคือ 0.80% กับ 0.63%  รวมกันแล้วได้ 1.43%   เมื่อเทียบกับผู้ถือหุ้นใหญ่แบบกระทรวงการคลังที่ถือไว้ 70% ทำให้การถือหุ้นของตระกูลศรีวัฒนประภานี่ดูกระจอกไปเลยนะครับ มันไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรในการกำหนดนโยบาย หรือมีบทบาทขับเคลื่อนองค์กรได้เลย เพราะฉะนั้นการนำเสนอข่าวแบบนี้มันถูกต้องแล้วเหรอครับ?



      ผมว่าในบทบาทของความเป็นสื่อควรที่จะมีจรรยาบรรณในการเขียนข่าวมากกว่านี้ คนที่เขามีความรู้เรื่องหุ้นอยู่แล้วก็พอจะมองออกหรอก ว่ามันเป็นเรื่องที่เหมือนจะไร้สาระ แต่ถ้ามองกลับออกมาในมุมของประชาชนทั่วไปการเขียนข่าวแบบนี้อาจจะเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะที่มีการเชื่อมโยงไปถึงเรื่องผลประโยชน์ระหว่างองค์กรรัฐวิสาหกิจ (การท่าอากาศยาน) กับเอกชน (คิงเพาเวอร์) ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการไปฟ้องศาลทุจริตแล้วก็ออกข่าวว่าศาลรับฟ้องแล้วแล้วสื่อเจ้าเดิมนี่แหละครับ ก็ไปออกข่าวว่าศาลประทับรับฟ้องเรียบร้อย แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามมาทีหลังก็คือศาลทุจริตยังไม่ได้รับฟ้องใดๆ ศาลทุจริตเพียงแค่รับสำนวนเอาไว้เพื่อทำการไต่สวนพยานหลักฐานทั้งเอกสารและตัวบุคคลเท่านั้น
      อ่านเสร็จก็คอตกเหนื่อยหน่ายกับสื่อที่เริ่มจะหาความเป็นกลางได้ยากขึ้นทุกวันๆ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ หน้าที่ในการรับสื่อ ไม่ว่าจะเป็นตัวนักลงทุนหรือประชาชนทั่วไป ก็ต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงให้ถี่ถ้วนอย่ารีบบุ่มบ่ามตัดสินใจ และอย่าเลือกเชื่อในสิ่งที่ถูกจริตเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าจะให้มันสมบูรณ์แบบกว่านี้ทั้งผู้ส่งสาร (สื่อ) และผู้รับสารควรมีสติไม่ควรมีอคติแอบแฝงใดๆ หรือถ้ามีก็ต้องมองให้ออกครับว่าพวกเขาได้เหน็บนัยยะทิ้งท้ายอะไรไว้ให้เราเชื่อมโยงเล่นๆ หรือป่าว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่