ผม และกรรมของเขา 5. ตอน ผมกับความสามารถที่พิเศษ (เพิ่งรู้)

ผมเล่าถึงไหนนะ....อ๋อ ..เล่าถึงตอนที่ผมคิดสั้นใช่มั้ย? 5555 ครับ คนจะไม่ตาย ก็ไม่ตายนะครับ
หน้าด้านไม่ตายมากๆเลยครับ ผมเนี่ย ...(วันนี้หัวหน้าผมไม่เข้ามา ผมเลยขอเล่าให้คุณฟังต่อนะครับ)

พวกคุณที่ติดตามอ่าน คงจะคิดใช่มั้ยครับ? ว่า เรื่องราวของผมกับอาคม คุณไสย อะไรมันจะหมดลงแล้ว...เปล่าครับ ...และก็ที่ผมเน้นให้คุณทราบว่า ผมทรมานยังงัยบ้าง ก็เพราะต่อไปจากนี้ เรื่องมันจะอัพๆๆ เลเวล และผมอยากจะเน้นให้คุณรู้นะครับ ว่า มันสร้างความทรมานกับผมมากแค่ไหน และมันก็ยังไม่จบนะครับ 5555 หลังจากที่ผมรอดการคิดสั้นมาวันนั้น จิตใจก็ดีขึ้น ผมเห็นแล้วครับว่า ปาฎิหาริย์มีจริง ผมลงรากชีวิตตัวเองเอาไว้กับพระ แต่...นี่แค่เริ่มต้นเองนะครับ

ผมก็คิดครับ ว่าชีวิตผมรอดแล้ว ผมมีอาการดีขึ้น อาการปวดหัวไม่มี อาการอ้วกไม่มา ถือว่าผมดีขึ้นจริงๆล่ะ แต่อาการเขียวช้ำบนหน้า ดวงตาไร้แวว นี่มันฉายอยู่บนใบหน้าผมชัดเจนมากๆ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่หล่อซะบ้าง มันก็ต้องยอมทำใจนะครับ 5555 ผมเริ่มไปเรียนแล้วครับ และก็ยังคุยกับพี่ชาติอยู่บ้าง (ยังจำพี่ชาติได้มั้ย?ครับ) ผมสนใจเรื่องการทำสมาธิและการปฏิบัติ เริ่มจากการไหว้พระสวดมนต์นี่ล่ะ มันน่าแปลกตรงที่ เวลาผมสวดมนต์เนี่ยผมจะมีอาการมึน และเจ็บบ้าง ก็ต้องอดทนนะครับ และก็นั่งสมาธิ (เมื่อก่อนคือ การนั่งหลับตานี่ล่ะ และการกำหนดพุทโธที่ลมหายใจ) ก็พยายามทำครับ จนมีวันนึง เพื่อนของผมโทรหา และเล่าให้ฟังว่า ได้ไปรดน้ำมนต์กับพระที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อนที่ไปด้วยกัน มีอาการเหมือนคนของขึ้น แล้วก็ดิ้นๆๆๆๆ ล้มลง หลวงพ่อองค์นั้น ท่านช่วยเพื่อนที่ไปด้วยไว้ บอกว่า ผีเกาะมา โอ้ยยยย...คุณ ...ผมหูผึ่งเลยครับ อยากจะไปใจจะขาด  จนผมรบเร้าเพื่อนคนนั้นให้พาไปจนได้ ทางไปก็ทุลักทุเลเต็มทน ไปกับเพื่อน 2 คนครับ พาไปถึง หลวงพ่อ ท่านก็มองหน้าผม แล้วสั่งให้ผมจุดธูปต่อหน้าพระประธานทันที (ผมทำคนเดียว) ตกเย็น ท่านให้ กวาดพื้น และอาบน้ำรอเอาไว้ ท่านจะคุยด้วยหลังจากทำภารกิจทางวัดเสร็จแล้ว ผมก็นั่งรอกับเพื่อน

พอท่านมาถึง ท่านก็บอกว่าผมว่า ผมโดนคุณไสย และในตัวของผม มีเหมือนเสี้ยนเส้นเล็กเต็มๆไป ผมไม่รู้สึกบ้างเหรอ....แค่ได้ยินก็งงครับ ก้มลงมองแขนตัวเอง ก็ยังไม่มีอะไรให้เห็นว่าจะเป็นเสี้ยนหนามอะไรสักอย่าง ผมเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆด้วย อาจจะเพราะผมโดนอะไรมามาก ถ้าจะเกิดอะไรก็ต้องเห็นๆแบบที่ผมเคยเป็นล่ะครับ หลวงพ่อบอกว่า ผมไม่ศรัทธาท่าน ผมก็แย้งครับว่า ผมมาไกลขนาดนี้ คงไม่ใช่ไม่ศรัทธาหรอกครับ แต่ผมเป็นคนไม่เชื่อแต่ไม่หลบหลู่อะไร หลวงพ่อเริ่มต้นโดยให้เพื่อนผมไปเอาธูปมาจุด และให้ผมจุดด้วย แล้วนั่งสมาธิกลางป่า (วัดที่ไปจำได้ว่าใกล้ๆแดนพม่านะครับ กลางคืนไม่มีไฟฟ้าหรอกครับ อาศัยแสงจันทร์ ไฟฉายเอา) ท่านให้ผมเข้าในในโลงศพ ที่จัดเตรียมไว้ ให้คนร่วมบุญกับศพไม่มีญาติ แล้วก็ปิดฝาโลงโดยแง้มเอาไว้เพียงนิดเดียวจริงๆครับ ท่านว่า ให้ตัดเป็นตัดตายซะ คิดซะว่า ตัวเองตายแล้ว ท่านถามว่ากลัวมั้ย? ผมก็ว่า ผมไม่กลัวครับ ...ท่านว่าให้นอนเวลา ชั่วก้านธูปนะ ผมรับคำแล้วก็ภาวนาไปด้วย ความมืดและความแคบในนั้น ทำไมผมไม่กลัวก็ไม่รู้ครับ ผมกลับมีความรู้สึกว่า มันดีกว่าตอนที่ผมเจ็บตัวเป็นไหนๆ และความตาย กับผม มันก็ทักทายกันอยู่เสมอ ผมเริ่มภาวนาไปเรื่อยๆ จนเห็นภาพต่างๆ เป็นแปลกๆนะครับ ภาพคนโบราณ ใส่เสื้อผ้าสวยงาม ภาพคนโบราณเหมือนสมัยรัชกาลที่ 4 - 5 ที่ไม่ใส่เสื้อบ้าง นุ่งโจงกระเบน ผู้หญิงก็นุ่งผ้าแถบ พันอก บางคนก็ยากจน บางคนก็ร่ำรวย บางคนก็ใส่ชฎา บางคนก็สวยมาก บางคนก็สภาพดูไม่ได้ ผมได้ยินเสียงหัวเราะ แหลมๆ จากในบรรดาคนเหล่านั้น ภาพมันหมุนๆวนๆ  มันเหมือนหลุดเข้าไปในภาพที่เห็น ผมเดินอยู่ในจำนวนคนพวกนั้น มองพวกเขาอย่างสนใจ และพวกเขาก็มองผมอย่างสนใจเช่นเดียวกัน ในจังหวะนั้น

ผมได้ยินเสียงปังๆๆๆๆ แล้วภาพที่ผมเห็นก็หายไป จนเป็นภาพที่ดำมืดสนิท เสียงปังๆๆๆ ดังไม่หยุด จนมีความรู้สึกว่า ถูกฉุดอย่างรุนแรง ผมลุกขึ้นมารู้สึกตัว พร้อมกับได้ยินเสียงเรียก ไอ้หนูๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าตายนะ เพื่อนผมตบหน้าผม ให้รู้สึกตัว หลวงพ่อกับเพื่อนผมนั่นเองครับ ที่ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา เนื่องจากหมดเวลา ชั่วก้านธูปไปนานแล้ว และเพื่อนผมไม่ได้มองธูป จึงไม่ทราบว่า ธูปหมดก้านไปนานแล้ว หลวงพ่อเดินกลับมาจากการตรวจวัด ตกใจมาก และพยายามเรียกผมให้ผมตื่น ท่านว่า อีกนิดเดียว ผมก็จะตายอย่างจริงจังแล้ว เพราะจิตหลุดออกจากร่างไปแดนไหนแล้วก็ไม่รู้ เพื่อนขอโทษผมเสียงอ่อย หลวงพ่อออกจะแปลกใจอยู่ที่ผมไม่มีความกลัวให้เห็นเลย ผมก็ว่า ผมไม่กลัวครับ ท่านว่า ท่านเชื่อแล้วว่า ผมไม่กลัว หลวงพ่อชวนพวกผมคุยข้างโลงนั่นล่ะครับ และท่านมีของดีมาให้ด้วย เพื่อพิสูจน์เรื่องเสี้ยนหนามที่ท่านว่าฝังอยู่ในร่างของผม

ท่านยื่นขวดน้ำมันสีเหลืองน้ำตาลขึ้นๆ ให้เพื่อนผม เอามาทาให้ผม โดยท่านให้ผมจุดธูปปักหน้าพระตรงข้างโลงศพก่อน แล้วนอนลงบนเสื่อ ท่านนั่งตรงหน้าพระประธานเพื่อบริกรรมคาถา เพื่อนผมทาน้ำมันลงบนตัวผมแค่นิดเดียว ผมร้องลั่นเลยครับ เหมือนโดนไฟฟ้าช้อตผมอย่างแรง พลันมีเหมือนเข็มสักพันเล่มแทงออกมาจากเนื้อของผม ทาไปตรงไหน มันก็เจ็บมาก ทรมานมาก เพราะมีเสี้ยนหนามแทงออกมาจากเนื้อของผม ทันที ตอนนั้น ผมใส่ชุดอยู่วัด ชุดขาวน่ะครับ เสี้ยนนั้นมันแทงออกมาติดที่เสื้อผ้าของผมเยอะเลย ด้วยความมืดในตอนนั้นผมไม่เห็นเสี้ยนนะครับ ได้แต่ร้องเจ็บปวดอยู่อย่างนั้น หลวงพ่อบอกว่า ผมต้องทนให้ได้ เพราะคนทำตั้งใจทำให้ผมตาย หลวงพ่อไม่บอกว่าใครเป็นคนธรรมเพราะท่านเป็นพระ ถ้าผมทนไม่ได้ ต่อไปผีที่และของอาคมที่อยู่ในตัวของผมจะกินผมไปเรื่อยๆจนผมป่วยกระเซาะกระแซะ และอาจจะเอาผมไปโดยให้ผมประสบอุบัติเหตุ ผมอดทนต่อความเจ็บปวด จนสิ้นสุดพิธี หลวงพ่อสวดออกมาเสียงดังพอได้ยินกัน แต่ก็เป็นเสียงดังทั่วป่าอยู่เหมือนกัน เกือบตี 1 พิธีสิ้นสุดลง หลวงพ่อบอกว่า ให้เก็บชุดที่ใส่เอาไว้ด้วย เพื่อทำพิธีเผาในวันพรุ่งนี้

สภาพของผมตอนนั้น ผมบอกตรงๆว่า ตายซะ ก็คงจะง่ายกว่า ความทุรนทุรายที่ผมได้รับ ผมนึกไม่ออกเลยว่า ผมไปทำกรรมอะไรเอาไว้ แม้ผมจะเหนื่อยและแค่ไหน ผมก็นอนไม่ค่อยหลับ ต่างจากเพื่อนที่พาผมไป มันชิงหลับก่อนด้วยความเหนื่อยล้า ที่ต้องพาผมขับรถมาตั้งไกล และเป็นคนเอาน้ำมันทาให้ผม ผมสำรวจตัวเองโดยเอาไฟฉายส่องตามแขน ตามขาที่พอมองเห็นได้ พบว่า มันมีหนามเล็กๆ คล้ายเหล็กไนผึ้งแทงออกคาเนื้อ ไม่เว้นแม้กระทั่งฝ่ามือ ใบหน้า และฝ่าเท้า (คิดดูซะครับ ว่า มันจะเป็นยังงัย) ผมรู้สึกทุเรศตัวเองมากๆในยามนี้ อ้อ นี่ผมไม่ได้แค่มีผี แต่มีเหล็กไนผึ้งฝังอยู่ด้วย มันมาได้ยังงัยและใครทำผม ใครที่ต้องการให้ผมตาย ทำไมต้องทำแบบนี้กับผมด้วย ผมคิดไม่ออกเลย หลวงพ่อบอกว่า ผมนี่บุญหนา เพราะขนาดที่ว่าไม่ตายแล้ว ผมยังหน้าด้านใช้ชีวิตได้ไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไปอีกด้วย หน้าด้านไม่ตาย ผมพึ่งได้ยินเหมือนกันครับ และก็ยอมรับว่า ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงเป็นบ้าและตายไปเรียบร้อยแล้ว ใครจะด้านจะทนได้เท่าผม ผมนอนคิดเพลินๆไปเรื่อย และกำลังจะหลับ หมู่หมา ที่หลวงพ่อเมตตาเลี้ยงเอาไว้ ก็วิ่งมาจากทุกทิศทุกทาง มาล้อมมุ้งผมไว้ (ผมกับเพื่อนนอนกางมุ้งที่หน้าพระประธานนั่นล่ะครับ) หมาน้อยพร้อมใจกันนอนทับมุ้งทั้ง 4 ทิศเอาไว้ เหมือนจงใจมาเฝ้าผมและเพื่อนไม่ให้ออกจากมุ้งในยามกลางคืนเช่นนี้ แล้วพลันมีเสียงหมาจากตรงจุดอื่นที่ไกลจากที่ผมนอนอยู่หอนส่งกันเป็นทอดๆ ยกเว้นหมาที่นอนเฝ้ามุ้งของผม ผมได้แต่นอนแปลกใจอยู่คนเดียว

ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ นอนหลับตา ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา แต่เริ่มรู้สึกแล้วครับว่า เริ่มหายใจไม่ออก ลมไม่พัดเลย (ที่วัดไม่มีพัดลมนะครับเพราะไม่มีไฟฟ้า) หันไปมองเพื่อน เพื่อนก็หลับและกรนด้วย สงสัยจะเหนื่อย ผมนอนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเองชัดเจน ผมขยับตัวเปลี่ยนท่าเพราะผมปวดขาที่ข้างนึง พยายามนอนในท่าที่สบายขึ้น ในจังหวะที่เปลี่ยนท่านอนที่ล่ะ ผมได้ยินเสียงลากเท้า เดินเข้าที่มุ้งของผม เหล่าหมาที่นอนเฝ้ารอบมุ้ง ก็ขยับตัว พวกมันพยายามส่งเสียงร้องออกมา แต่ไม่มีหมาตัวไหนที่ร้องออกมาได้ถนัด เหมือนปากของมันหนักจนเห่าไม่ได้ และมันเหมือนโดนอะไรบางอย่างกดตัวเอาไว้ไม่ให้ขยับ ผมหันไปมองบนหัวโดยอัตโนมัติ แล้วผมก็เห็น เงาดำๆยื่นหน้าเข้ามาตรงมุ้ง จนมุ้งของผมเป็นรอยใบหน้าคน ใช่ๆ ลองทำดูนะครับ เวลาที่เรายื่นหน้าแนบมุ้ง มันจะเป็นรอยใบหน้าใช่มั้ยล่ะครับ?

ใบหน้าเป็นสีดำ ที่ผมเห็นแบบนั้นเพราะตอนที่ผมไปเป็นคืนเดือนหงาย ไม่ทราบว่ากี่ค่ำ แต่พอจะมีแสงจันทร์ให้พวกผมเดินไปมาได้อยู่ ผมตัวแข็งท่อนอนอยู่อย่างนั้น มันรู้ด้วยตัวเองเลยล่ะครับ ว่า ไม่ใช่คนแน่นอน ผมนอนมองอยู่อย่างนั้น ขยับไม่ได้ ผมหลับตาลงเพราะเริ่มกลัว แล้วลูกบ้าของผมก็เกิดขึ้น เพราะผมคิดว่า นี่เหรอผีที่ทำร้ายเรา ใช่รึไม่ใช่วะ? เอางัยดี ถ้าเขามาทำร้ายผม อาจจะทำร้ายเพื่อนผมด้วย ผมผ่านอะไรมามาก ตอนนี้ ผีผมก็กลัวไม่ได้แล้วครับ เพราะผมอาจจะน่ากลัวกว่าผี คิดได้อย่างนี้แล้ว ผมตั้งใจจะเอามือจับให้มันรู้ไป แต่ร่างกายมันขยับไม่ได้ ผมคิดถึงพระประธานและสมเด็จโต หลวงปู่แหวน  เสด็จพ่อ ร.5 ทันที อธิษฐานว่า ผมจะไม่แพ้ผีตัวไหนอีกแล้ว ผมยื่นมือได้แล้ว จับไป ใบหน้านั้นหายไปทันที ผมลุกขึ้น เปิดมุ้งออกไปดู หมาน้อยที่ล้อมมุ้งผม ก็ยังขยับตัวไม่ได้เลยครับ มันนอนตัวแข็งทีเดียว ผมทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็เข้ามานอนต่อ พลางภาวนาพุทโธไปด้วย

รุ่งเช้า ตื่นขึ้น หลวงพ่อให้พระเอาน้ำมนต์ที่ใส่ถังน้ำมาให้ เพื่อให้ผมและเพื่อนอาบ และท่านชี้ให้ดูผึ้ง ที่มาเกาะบนเสาคานของศาลาที่ผมนอน ท่านบอกผมว่า ให้ผมอาบน้ำแต่งตัว และกลับบ้านไปเลยและอย่ากลับมาหาท่านอีก ผมงงมากๆเลยครับ สังเกตุดูที่หน้าหลวงพ่อดูแก่และโทรมมากๆ ท่านบอกว่า เพราะท่านช่วยผม ผมก็ต้องรับส่วนของผมไปส่วนนึง ตอนนี้ท่านช่วยผมไม่ได้อีกแล้วให้ผมช่วยตัวเองต่อไปและอย่ากลับมาที่วัดท่านอีกเลย ผมงงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่กราบขอบคุณหลวงพ่อ อาบน้ำแต่งตัวออกจากวัดไปด้วยความไม่สบายใจ จำนวนผึ้งมากมายที่มาเกาะวัดทำให้ผมและเพื่อนกังวลว่า มันจะทำอะไรพระหรือเปล่า? หลวงพ่อได้เอ่ยก่อนที่ผมจะออกวัดว่า ในอดีตชาติผมเคยช่วยหลวงพ่อเอาไว้ ชาตินี้หลวงพ่อก็มาช่วยผม แต่ท่านเป็นพระช่วยได้เท่านี้ ท่านคงแลกชีวิตกับผมไม่ได้ ผมสังเกตเสี้ยนที่แทงผิวหนังออกมา มันยังคาหนังผมอยู่เลย ผมและเพื่อนต่างมองมันอย่างสุดจะประหลาดใจ ใครจะเชื่อวะเนี่ย? ว่าเรื่องนี้มีจริง ที่แท้มันคือ เหล็กไนผึ้งนี่เอง มีสีดำ สีเหลือง และสีแดง สีแดงคงเป็นสีที่นิ่มที่สุด สีดำและสีเหลืองมันแข็งมากจนทิ่มออกมาจากเนื้อหนังผม ทำให้ผมเจ็บปวด  ฝูงผึ้งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า อาคมคาถาต่างๆมีจริง เขากะเอาผมถึงตายนะครับ คุณว่ามั้ย?????
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่