สืบเนื่องมาจากว่า เจ้าของกระทู้แต่งงาน มีลูกและอาศัยอยู่ที่บ้านใกล้ๆบ้านพ่อแม่สามี เพื่อให้แม่สามีช่วยเลี้ยงลูกในเวลาที่ดิฉันและสามีไปทำงาน
สำหรับแม่สามีนั้น ท่านช่วยเหลือดิฉันและสามีในทุกเรื่อง ทั้งงานบ้าน ทำกับข้าว และเลี้ยงลูกดิฉัน
แต่พ่อสามีนั้น นอกจากจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวแล้ว ยังมักจะสร้างปัญหามาให้ครอบครัวดิฉันด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการพยายามจะตามใจหลาน (ลูกดิฉัน) ด้วยการอุ้มพาออกไปเดินเล่นแถวๆบ้าน โดยที่ไม่คิดว่าเวลานั้นอากาศภายนอกเหมาะสม
หรือไม่เหมาะสมที่จะพาเด็กออกไปเดินเล่น
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ลูกดิฉันตอนนี้อายุ 1ปี 5เดือน และก็เหมือนจะมีโรคประจำตัวเป็นภูมิแพ้ ตามกรรมพันธุ์ และดูจากการที่ไม่สบายเป็นหวัดง่าย
โดยที่เวลาเป็นหวัดมักจะไอและหายใจไม่ออกจนเหมือนจะหอบ
ย้อนกลับมาที่พฤติกรรมของพ่อสามีที่มักจะสร้างปัญหาให้ครอบครัว ดิฉันขออธิบายคร่าวๆดังนี้
1. ในช่วงเวลาที่อากาศร้อนตอนเที่ยงวัน หรือช่วงเวลาหัวค่ำ พ่อสามีมักจะชอบอุ้มลูกดิฉันออกไปเดินนอกบ้าน
2. พ่อสามีไม่เคยปิดปากเวลาที่ไอ หรือจาม ขณะอุ้มหรืออยู่ใกล้ลูกดิฉัน และไม่เคยล้างมือก่อนสัมผัสตัวลูกดิฉันเลย
3. ขณะที่พ่อสามีอุ้มพาลูกดิฉันออกไปเดินนอกบ่าน ก็มักจะเอาขนมหรือของกินจากคนแถวบ้านให้ลูกดิฉันกิน โดยไม่คำนึงว่าสิ่งนั้นควรให้เด็กอายุหนึ่งขวบกินหรือไม่ รวมถึงให้ทุกคนที่ผ่านไปมาสัมผัสตัวลูกดิฉัน จนวันหนึ่งลูกดิฉันก็ป่วยเป็นRSV
4. บ่อยครั้งที่พ่อสามีทำทีว่าจะมาช่วยเลี้ยงลูกดิฉันที่บ้านของดิฉัน แต่แท้จริงแล้วเค้ามาในช่วงเวลาที่เค้าต้องการพักหรืออยากจะนอนในที่ที่มีอากาศเย็นสบาย เนื่องจากบ้านดิฉันมักจะเปิดแอร์อยู่ตลอด โดยเค้าจะเข้ามานอนในคอกเด็กที่ดิฉันสั่งทำไว้ให้ลูกดิฉันอยู่ ซึ่งแทบจะทุกครั้งที่พ่อสามีไม่ใส่เสื้อผ้าที่สะอาดเพราะมีกลิ่นเหม็นอับหรือเปียกเหงื่อมาจากการไปเล่นสนุกเกอร์ หรือไม่ใส่เสื้อเลยและลงไปนอนในที่นอนเด็กทั้งที่ตัวเค้าเองมีเหงื่อออกตามตัว
5. บริเวณที่พ่อสามีพาลูกดิฉันออกไปเดินเล่น หรือพูดคุยกัยคนแถวบ้านนั้น ก็จะมีคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ และบางครั้งตัวพ่อสามีเองก็มาอุ้มลูกดิฉันหลังจากที่สูบบุหรี่เสร็จ โดยไม่ได้ล้างมือ ไม่ได้อาบน้ำก่อน
จากข้างต้นเป็นเพียงคร่าวๆที่ดิฉันต้องเจอเป็นประจำแทบจะทุกวัน เพราะฉะนั้นเมื่อลูกดิฉันต้องป่วยด้วยอาการหวัด ก็ไม่สามารถทราบสาเหตุที่ชัดเจนได้ว่า เป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงและเด็กก็ป่วยเอง หรือเพราะป่วยเพราะเด็กออกไปอยู่ข้างนอกบ้านจากการกระทำของผู้ที่ดูแล หรือป่วยเพราะเด็กไปสัมผัสกับบุคคลที่ป่วย และทุกครั้งที่ลูกดิฉันป่วยก็ต้องแอดมิดนอนอโรงพยาบาลเพราะมีน้ำมูกมาก เสมหะมาก หายใจหอบ ต้องพ่นยาและเคาะปอด ซึ่ท่านใดที่มีลูกก็จะทราบว่าเด็กจะน่าสงสารแค่ไหนเวลาโดนเคาะปอดและดูดเสมหะ ที่สำคัญค่าใช้จ่ายในการรักษาก็สูงเพราะอยู่โรงพยาบาลเอกชน และพ่อสามีก็ไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ ดิฉันเองไม่ได้ต้องการให้เค้ามาช่วยหรอก แต่ต้องการเพียงแค่ให้เค้าปฎิบัติต่อลูกดิฉันตามวิถีที่ถูกที่ควร ที่เหมาะสม (ปล. พ่อสามีไม่ได้มาช่วยเลี้ยงลูกดิฉันเป็นประจำนะคะ เค้าจะมาก็เฉพาะเวลาที่เค้าว่างเท่านั้น)
ดังนั้น ดิฉันจึงคิดว่า หากพ่อสามียังประพฤติตัวเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จะสร้างปัญหาให้ครอบครัวดิฉันมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอยากทราบว่าถ้าวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่าที่ผ่านมาดิฉันจะจัดการกับพ่อสามีอย่างไรดี ช่วยแนะนำหน่อยคะว่ามีกฎหมาย หรือวิธีใดไหมที่ทำให้ดิฉันสามารถห้ามไม่ให้พ่อสามีเข้ามายุ่งกับลูกดิฉันได้ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
มีกฎหมายห้ามญาติมายุ่งกับลูกไหม ?
สำหรับแม่สามีนั้น ท่านช่วยเหลือดิฉันและสามีในทุกเรื่อง ทั้งงานบ้าน ทำกับข้าว และเลี้ยงลูกดิฉัน
แต่พ่อสามีนั้น นอกจากจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวแล้ว ยังมักจะสร้างปัญหามาให้ครอบครัวดิฉันด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการพยายามจะตามใจหลาน (ลูกดิฉัน) ด้วยการอุ้มพาออกไปเดินเล่นแถวๆบ้าน โดยที่ไม่คิดว่าเวลานั้นอากาศภายนอกเหมาะสม
หรือไม่เหมาะสมที่จะพาเด็กออกไปเดินเล่น
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ลูกดิฉันตอนนี้อายุ 1ปี 5เดือน และก็เหมือนจะมีโรคประจำตัวเป็นภูมิแพ้ ตามกรรมพันธุ์ และดูจากการที่ไม่สบายเป็นหวัดง่าย
โดยที่เวลาเป็นหวัดมักจะไอและหายใจไม่ออกจนเหมือนจะหอบ
ย้อนกลับมาที่พฤติกรรมของพ่อสามีที่มักจะสร้างปัญหาให้ครอบครัว ดิฉันขออธิบายคร่าวๆดังนี้
1. ในช่วงเวลาที่อากาศร้อนตอนเที่ยงวัน หรือช่วงเวลาหัวค่ำ พ่อสามีมักจะชอบอุ้มลูกดิฉันออกไปเดินนอกบ้าน
2. พ่อสามีไม่เคยปิดปากเวลาที่ไอ หรือจาม ขณะอุ้มหรืออยู่ใกล้ลูกดิฉัน และไม่เคยล้างมือก่อนสัมผัสตัวลูกดิฉันเลย
3. ขณะที่พ่อสามีอุ้มพาลูกดิฉันออกไปเดินนอกบ่าน ก็มักจะเอาขนมหรือของกินจากคนแถวบ้านให้ลูกดิฉันกิน โดยไม่คำนึงว่าสิ่งนั้นควรให้เด็กอายุหนึ่งขวบกินหรือไม่ รวมถึงให้ทุกคนที่ผ่านไปมาสัมผัสตัวลูกดิฉัน จนวันหนึ่งลูกดิฉันก็ป่วยเป็นRSV
4. บ่อยครั้งที่พ่อสามีทำทีว่าจะมาช่วยเลี้ยงลูกดิฉันที่บ้านของดิฉัน แต่แท้จริงแล้วเค้ามาในช่วงเวลาที่เค้าต้องการพักหรืออยากจะนอนในที่ที่มีอากาศเย็นสบาย เนื่องจากบ้านดิฉันมักจะเปิดแอร์อยู่ตลอด โดยเค้าจะเข้ามานอนในคอกเด็กที่ดิฉันสั่งทำไว้ให้ลูกดิฉันอยู่ ซึ่งแทบจะทุกครั้งที่พ่อสามีไม่ใส่เสื้อผ้าที่สะอาดเพราะมีกลิ่นเหม็นอับหรือเปียกเหงื่อมาจากการไปเล่นสนุกเกอร์ หรือไม่ใส่เสื้อเลยและลงไปนอนในที่นอนเด็กทั้งที่ตัวเค้าเองมีเหงื่อออกตามตัว
5. บริเวณที่พ่อสามีพาลูกดิฉันออกไปเดินเล่น หรือพูดคุยกัยคนแถวบ้านนั้น ก็จะมีคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ และบางครั้งตัวพ่อสามีเองก็มาอุ้มลูกดิฉันหลังจากที่สูบบุหรี่เสร็จ โดยไม่ได้ล้างมือ ไม่ได้อาบน้ำก่อน
จากข้างต้นเป็นเพียงคร่าวๆที่ดิฉันต้องเจอเป็นประจำแทบจะทุกวัน เพราะฉะนั้นเมื่อลูกดิฉันต้องป่วยด้วยอาการหวัด ก็ไม่สามารถทราบสาเหตุที่ชัดเจนได้ว่า เป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงและเด็กก็ป่วยเอง หรือเพราะป่วยเพราะเด็กออกไปอยู่ข้างนอกบ้านจากการกระทำของผู้ที่ดูแล หรือป่วยเพราะเด็กไปสัมผัสกับบุคคลที่ป่วย และทุกครั้งที่ลูกดิฉันป่วยก็ต้องแอดมิดนอนอโรงพยาบาลเพราะมีน้ำมูกมาก เสมหะมาก หายใจหอบ ต้องพ่นยาและเคาะปอด ซึ่ท่านใดที่มีลูกก็จะทราบว่าเด็กจะน่าสงสารแค่ไหนเวลาโดนเคาะปอดและดูดเสมหะ ที่สำคัญค่าใช้จ่ายในการรักษาก็สูงเพราะอยู่โรงพยาบาลเอกชน และพ่อสามีก็ไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ ดิฉันเองไม่ได้ต้องการให้เค้ามาช่วยหรอก แต่ต้องการเพียงแค่ให้เค้าปฎิบัติต่อลูกดิฉันตามวิถีที่ถูกที่ควร ที่เหมาะสม (ปล. พ่อสามีไม่ได้มาช่วยเลี้ยงลูกดิฉันเป็นประจำนะคะ เค้าจะมาก็เฉพาะเวลาที่เค้าว่างเท่านั้น)
ดังนั้น ดิฉันจึงคิดว่า หากพ่อสามียังประพฤติตัวเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จะสร้างปัญหาให้ครอบครัวดิฉันมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอยากทราบว่าถ้าวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่าที่ผ่านมาดิฉันจะจัดการกับพ่อสามีอย่างไรดี ช่วยแนะนำหน่อยคะว่ามีกฎหมาย หรือวิธีใดไหมที่ทำให้ดิฉันสามารถห้ามไม่ให้พ่อสามีเข้ามายุ่งกับลูกดิฉันได้ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ