คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ขอตอบในฐานะที่คุณมีภูมิธรรมระดับหนึ่ง และสนใจความบริสุทธิ์หลุดพ้นนะคะ ...
เขาเป็นครูของลูกคุณ อายุน้อยกว่าสิบปี เพิ่งอกหักมา คุณอยากมีวิธีรับมือแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น
ตอนนี้คุณคงสับสนมาก ไม่รู้จะเลือกทางไหนดี ...
อยากให้คุณลองหายใจลึกๆ ดูลมหายใจยาวๆ และดูเข้าไปในจิตตัวเองนะคะ
ในเรื่องของความรัก ...
มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่มีวิธีคำนวณง่ายๆ คือ ..
ถ้าได้คู่บุญ และทำบุญร่วมกันต่อ = สุขมากกว่าทุกข์
ถ้าได้คู่เวร และมาจองเวรล้างผลาญซึ่งกันและกันอีก = ทุกข์มากกว่าสุข
ความวาบหวาม / แรงดึงดูด_ เป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่กรรมใช้ตกแต่งเจ้ากรรมนายเวรให้ดูดี จนกระทั่งเราเปิดใจรับเข้ามา
หากคิดจะใช้ชีวิตคู่ สำหรับวัยนี้ อย่าได้เชื่ออารมณ์ จงดูที่เหตุผล จงมองให้ไกลกว่าเดิม
ประสบการณ์ที่ผ่านมา คุณควรจะจำให้ขึ้นใจ เมื่อรู้จักเข็ดหลาบ จะได้ไม่เจ็บซ้ำซาก
หากอยากได้คำตอบ ที่รู้ชัดเฉพาะตนจริงๆ ขอให้คุณใช้อธิฐานบารมีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยตั้งใจไว้ว่า ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ขออยู่เพื่อทำความดีเป็น พุทธบูชา
ขอให้พระธรรมเป็นเครื่องนำทาง
หากต้องมีชีวิตคู่ ขอมีเพียงคู่ที่จะ "ส่งเสริมกันไปในทางอริยมรรคา" นี้เท่านั้น
นอกจากนั้น แม้เคยร่วมบุญกันมาบ้างในกาลก่อน ก็ขอให้แคล้วคลาดกันไป
จากนั้นให้คุณสมาทานศีลแปดสักสิบวัน หรือ สามสิบวัน
และตั้งข้อปฏิบัติพิเศษขึ้นสักข้อ เช่น จะใส่บาตรทุกวัน / จะเดินจงกรมทุกวัน ฯ เลือกตามที่สะดวก
แต่ต้องมีกำลังมากพอที่จะขัดเกลากิเลสที่คุณติดข้องอยู่ขณะนั้นๆได้ ทำต่อเนื่องพร้อมๆกับศีลที่สมาทานไว้แล้ว
แล้วคุณจะได้คำตอบค่ะ
บุญจะนำทางคุณ ให้คุณได้พบกับชีวิตที่ดีที่สุด ที่คุณจะมีได้ เพื่อหนทางธรรมที่ประเสริฐสุด ที่คุณจะเข้าถึงได้
เขาเป็นครูของลูกคุณ อายุน้อยกว่าสิบปี เพิ่งอกหักมา คุณอยากมีวิธีรับมือแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น
ตอนนี้คุณคงสับสนมาก ไม่รู้จะเลือกทางไหนดี ...
อยากให้คุณลองหายใจลึกๆ ดูลมหายใจยาวๆ และดูเข้าไปในจิตตัวเองนะคะ
ในเรื่องของความรัก ...
มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่มีวิธีคำนวณง่ายๆ คือ ..
ถ้าได้คู่บุญ และทำบุญร่วมกันต่อ = สุขมากกว่าทุกข์
ถ้าได้คู่เวร และมาจองเวรล้างผลาญซึ่งกันและกันอีก = ทุกข์มากกว่าสุข
ความวาบหวาม / แรงดึงดูด_ เป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่กรรมใช้ตกแต่งเจ้ากรรมนายเวรให้ดูดี จนกระทั่งเราเปิดใจรับเข้ามา
หากคิดจะใช้ชีวิตคู่ สำหรับวัยนี้ อย่าได้เชื่ออารมณ์ จงดูที่เหตุผล จงมองให้ไกลกว่าเดิม
ประสบการณ์ที่ผ่านมา คุณควรจะจำให้ขึ้นใจ เมื่อรู้จักเข็ดหลาบ จะได้ไม่เจ็บซ้ำซาก
หากอยากได้คำตอบ ที่รู้ชัดเฉพาะตนจริงๆ ขอให้คุณใช้อธิฐานบารมีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยตั้งใจไว้ว่า ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ขออยู่เพื่อทำความดีเป็น พุทธบูชา
ขอให้พระธรรมเป็นเครื่องนำทาง
หากต้องมีชีวิตคู่ ขอมีเพียงคู่ที่จะ "ส่งเสริมกันไปในทางอริยมรรคา" นี้เท่านั้น
นอกจากนั้น แม้เคยร่วมบุญกันมาบ้างในกาลก่อน ก็ขอให้แคล้วคลาดกันไป
จากนั้นให้คุณสมาทานศีลแปดสักสิบวัน หรือ สามสิบวัน
และตั้งข้อปฏิบัติพิเศษขึ้นสักข้อ เช่น จะใส่บาตรทุกวัน / จะเดินจงกรมทุกวัน ฯ เลือกตามที่สะดวก
แต่ต้องมีกำลังมากพอที่จะขัดเกลากิเลสที่คุณติดข้องอยู่ขณะนั้นๆได้ ทำต่อเนื่องพร้อมๆกับศีลที่สมาทานไว้แล้ว
แล้วคุณจะได้คำตอบค่ะ
บุญจะนำทางคุณ ให้คุณได้พบกับชีวิตที่ดีที่สุด ที่คุณจะมีได้ เพื่อหนทางธรรมที่ประเสริฐสุด ที่คุณจะเข้าถึงได้

แสดงความคิดเห็น
เป็น Singlemumค่ะ รู้สึกเหมือนได้เห็นสัจจธรรมความไม่แน่นอน หรือฉันแค่กลัวการมีความรักคะ
แต่เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ ก็ไม่ได้ไปปฏ ิบัตรธรรมร่วมกันอีกเลย จนลูก 1ขวบ จึงได้เลิกกัน ด้วยปัญหา หลายๆอย่าง จากตัวฉันเองและเขาเอง อาจเหมือนเพลงคาราบาวมั๊งคะ (ผมเป็นสุภาพบุรุษนะครับ ฉันเป็นสุภาพสตรีค่ะ...จนเหมือนจุดที่หลังข้าวใหม่ปลามัน อยากทำไรก็จะทำตามใจตัว.)
เมื่อมีลูก ด้วยความที่เค้าหมดหนี้ด้วยมั๊งคะ ก่อนนั้น ลำบากก็ลำบากด้วยกันมีหนี้ก็ช่วยใช้ ให้ (แต่ไม่ได้ร่วมสร้างนะคะ บัตรเครดิตของเขา )ฉันเป็นคนชอบให้เขาใช้ความพยายาม อย่างแต่งงานฉันอยากให้เขาเก็บเงินแต่งแต่สุดท้าย เค้าเลือกวิธี ยืมเงินเพื่อนมาแต่งงาน มารู้ก่อนแต่งงาน 1เดือน อยากเลิกมาก แต่........การ์ดก็แจกแล้ว อะไรก็แล้ว เกือบทุกอย่าง (หนักกว่านั้นคือเอาเงินยืมที่จะแต่งไปผ่อนรถ จนเหลือแค่1หมื่น ) ก็แก้ไปโดยใช้เงินฉันเป็นสินสอดไป หลังแต่งงานใช้หนี้หมดจึงวางแผนมีลูก
ปัญหาของการอยู่ร่วมกันคือ
อยู่ด้วยกันขาดเมตตากัน (ฉันก็หงุดหงิดที่เขาไม่ช่วยเลี้ยง เขาเองมอองว่าเป็นหน้าที่ของคนเป็นแม่ )ขาดความรับผิดชอบ(ฉันกลับมาเลี้ยงลูกบ้านแม่เค้ามาเยี่ยมเดือนละครั้งในระยะ 2เดือนแรก จากนั้นเป็น 2เดือนมาที เงินก็ไม่ค่อยส่ง บางเดือน3พัน บางเดือนไม่ให้ เป็นช่วงที่เค้าเอาเพื่อนมาทำงานด้วย ก็เริ่มแปลกๆแหละว่า แค่จำชื่อเพื่อนเค้าไม่ได้เค้าก็หงุดหงิด เพราะเค้ารู้ว่าฉันมีเงินกันไว้แบบที่เลี้ยงลูกได้ 2ปีโดยไม่ต้องทำงาน)
ความเห็นไม่ตรงกัน (หน้าที่การงานเค้ายังลุ่มๆดอนๆ เราก็คอยชี้แนะบอก ส่วนใหญ่ฉันพูดถูก ในเรื่องลงทุนค้าขาย ลงเยอะหลายจุดไม่ได้แปลว่าจะได้เงินเยอะบางทีอาจขาดทุนเยอะ อะไรแบบนี้ และมันจริงอย่างที่พูด ทำให้เค้ารู้สึกด้อยกว่า เค้าบอกเค้าอยากเป็นช้างเท้าหน้า,หรือเรื่องลูกคนแรกหญิง แต่เค้าอยากได้ลูกชาย จึงอยากมีอีกคน ฉันก็เบรกไว้ด้วยพฤติกรรมหลายๆอย่างของเค้าทำให้ฉันมองว่า อย่ามีอีกคนเลยถ้าไม่พร้อม ถ้าจะมีต้องพร้อมและรับผิดชอบกว่านี้)
ซื่อสัตย์(เป็นตัวที่ทำให้ตัดใจเลิกได้ง่ายมาก เค้านอกใจ ถึงขั้นมีอะไรกันจนท้อง และเป็นข้ออ้างให้ฉันยอมรับการอยู่3คน คือเค้าบอกเลิกไม่ได้รักทางนู้น และถ้าเลิกเด๋วทำแท้งจะบาปมาถึงฉัน ซึ่งฉันเลือกที่จะไป ไม่รักแล้วก็เลิกกันเถอะ อย่างน้อยๆก็ให้เขาอยู่แบบไม่ผิดศีล)
หลังเลิกก็ปิดตัวเองไม่มีใคร เหมือนได้เห็นความไม่แน่นอนของชีวิตจริงๆ อาจเพราะเข็ดด้วย เป็นช่วงที่อ่านหนังสือธรรมะเยอะมาก
จนมีคนมาจีบ ก็ได้ดูอารมณ์ตัวเอง มันหลากอารมณ์มาก
เมื่อรู้สึกมีคนชอบ ดูใจ ใจพันดูพองโต มีความสุข แต่สุขได้ไม่นานก็............(มันเหมือนได้เห็นการเกิดดับที่ใจ)
เมื่อรู้สึกว่าเค้าไม่ชอบ ไม่ตามไลท์ ตามทัก เหมือนก่อน ดูใจ มันหดหู่ เศร้าหมอง เป็นทุกข์(เพราะฉันก็ผลักออกไปหลายรอบอยู่ ด้วยความกลัว และความต่างของอายุ เค้าเด็กกว่า10ปี) ที่ดึงดูดกันเพราะความสงสารเห็นใจรึเปล่าก็ไม่รู้เพราะเขาเพิ่งอกหัก ส่วนฉัน ก็single mum ก็ผลัดกันดึง ผลัดกันผลัก อยู่
เมื่อดูอารมณ์ ตอนไม่มีใคร มันสุขแบบสงบ ต่างจากสุขจากการมีการได้ อารมณ์ แบบนี้รึเปล่าคะที่เรียกนิพพานชั่วขณะแบบที่ท่านอาจารย์พุทธทาสพูด
ก็อ่านหนังสือ หลายเล่ม เล่มล่าสุดคือ ธรรมส่องใจ (ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไงทางไหน หรือรู้แต่ใจไม่เด็ดขาดแข้มแข็งพอ ที่จะถอยออกมา)
พบว่าสิ่งที่กลัว คือกลัวความไม่แน่นอน ซึ่งจะให้มันแน่นอนนั้นเป็นไปไม่ได้ ทุกสิ่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
คนเราต้องอยู่กะความไม่แน่นอน ต้องพลัดพลากกันทุกคน
ยิ่งได้มาอยู่บ้าน เห็นพ่อแม่ ป้าน้า แก่ โรคภัยเริ่มมาเยือน เห็นความแก่ที่ไม่นานฉันก็แก่ถ้าไม่ตายก่อนนะ555555555555555
เริ่มอยากเกิดให้น้อยชาติ ซัก 10ชาติ ก็น่าจะดี ก็เชื่อพระพุทธเจ้านะคะว่าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง นึกกลัวที่จะต้องเกิดอีก แก่ เจ็บ ตาย พลัดพราก วนไปไม่จบไม่สิ้น จนกว่าจะรู้
ก็ได้กลับมานั่งสมาธิสวดมนต์ อีกครั้ง มันก็เป็นความสุขแบบสงบดี ถ้าใจไม่ฟุ้งซ่าน นะคะ (และอ่านๆเจอว่าการถือศีล8จะทำให้ สมาธิก้าวหน้ากว่า ศีล5 )ก็แอบคิดว่าโสดน่าจะดีกว่า
ผ่านมาได้ซักพัก เจอพี่คนนึงดูพี่เค้าไม่ค่อยทุกข์กะชีวิตดี
ก็ถามพี่ที่เคารพ เค้าเคยมีครอบครัว มาแล้ว แต่ต้องแยกกันอยู่เพราะ ทำวีซ่าไม่ผ่าน ตอนนี้นามสกุลยังเป็นนามสกุลสามีชาวอังกฤษอยู่เลย พี่เค้าก็บอกว่า ก็ไม่ทุกข์นะ อยู่คนเดียวก็สบายดี แต่ถ้ามีคนเป็นเพื่อนกันยามแก่ก็ดี แต่ต้องดูดีๆดูนานๆ
คือ ตอนนี้สับสน ค่ะขอคำชี้แนะ แนะนำหน่อยค่ะ อาจเป็นกำลังใจให้เข้มแข็งพอที่จะผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น (เพราะยังไงเขาก็เป็นครูของลูกฉัน)ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ คือฉันสุดโต่งไปใช่ไหม โลกมันไม่ได้มี ขาวกะ ดำ มันมีเทาด้วย คงได้เวียนเกิด ไปอีกนานแน่ๆถ้าไม่หยุด ตอนนี้ เพราะอายุก็จะเลข 4ปีหน้าแล้ว พอจะรู้ตัวบ้างว่าควรหันหาทางธรรม เพื่อการเวียนเกิดที่น้อยชาติ แต่ทำยากจังเลยค่ะ (ช่วยด้วยค่ะ)