เรื่อง หัวแก้วหัวแหวน

ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็อยู่กับ พ่อเพียงสองคนมาตั้งแต่แบเบาะ
อยู่ที่นี่เราไม่มีญาติ ไปมาหาสู่ เพราะญาติส่วนใหญ่ของพ่อ อยู่ต่างจังหวัดกัน

ส่วนแม่....    
พ่อบอกว่าแม่เสียไปตั้งแต่ฉันอายุได้เพียง แปดเดือน
ฉันไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าแม่ของฉันเลย
นอกจากรูปถ่ายแผ่นเล็กๆที่พ่อเก็บไว้
แต่ฉันก็รู้สึกว่า ฉันไม่ได้ขาดอะไรไปเท่าไหร่
ในสมัยเด็กๆ ฉันเล่นกับพ่อ จนรู้สึกว่า ชีวิตนี้ไม่ต้องมีแม่ก็ได้

โดยส่วนตัวพ่อเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกะใคร
แม้ว่าท่านจะย้ายมาอยู่ที่นี่นานแล้ว  แต่พ่อก็ไม่คบค้าสมาคมกะใครเป็นพิเศษ

เวลาพ่อไปทำงานก็จะเอาฉันไปฝากไว้กับบ้านป้าคนหนึ่ง
ที่แกเปิดรับเลี้ยงเด็กเล็กๆเป็นอาชีพ
ฉันก็เลยมีเพื่อนที่รู้จักบ้างในคอนโดแห่งนั้น

จนกระทั่งพอถึงช่วงที่จะต้องเข้าโรงเรียน
พ่อก็ต้องเหนื่อยมากขึ้น เพราะต้องตื่นแต่เช้า
พาฉันไปส่งโรงเรียนก่อน แล้วถึงจะไปทำงาน

พอฉันขึ้น ป 5  พ่อก็ส่งฉันไปอยู่โรงเรียนประจำ  
ตอนนั้น  ไม่รู้ว่าทำไมชีวิตต้องมาลำบากแบบนี้
ต้องปรับตัว ต้องทำอะไรด้วยตัวเองต่างๆนาๆ  
ในใจก็นึกโกรธพ่อตลอด แต่พอได้พบเพื่อนๆ
ได้คุย ได้ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เราต้องมาอยู่ที่นี่
มันก็ทำให้ฉันคิดได้ว่า
พ่อคงมีความจำเป็นบางอย่าง ที่ต้องทำแบบนี้
เพราะ ห้องที่คับแคบ แล้วก็ต้องอยู่กับลูกสาวที่นับวันก็ใกล้จะโตเป็นสาว
พ่อคงจะกลัวว่า ฉันจะอึดอัด

แต่ช่วงแรกๆ พ่อก็หมั่นมาหา และมารับกลับบ้านบ่อยๆ
จนทำให้ฉันรู้สึกว่าเริ่มคุ้นเคยกับการต้องจากบ้านไปเรียน

จนผ่านไปหลายปี
จากที่เคยกลับบ้านเดือนละครั้ง ก็เริ่มกลายเป็นหลายเดือนครั้ง
จนฉันเริ่มรู้สึกว่า ที่โรงเรียน คือบ้าน ของฉันจริงๆมากกว่า

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฉันต้องกลับไปอยู่บ้าน
เพราะต้องรอเตรียมตัวเข้ามหาลัย
สังเกตว่า พ่อจะกลับมาบ้านดึกๆ ตื่นเช้ามา ฉันก็แทบไม่เห็นพ่อแล้ว
บางที่วันหยุด พอฉันออกไปข้างนอกกลับมา
พ่อก็จะออกจากห้องไปแบบว่า รีบไปทำธุระทุกที
พอฉันจะออกไปทำธุระก็เจอพ่อกลับเข้ามา เป็นแบบนี้เสมอ

และเมื่อฉันโตจนเข้ามหาลัยได้
ฉันก็เริ่มผูกพันกับเพื่อนๆ จนบางทีก็ลืมนึกถึงพ่อไปเลย
ฉันเริ่มห่างจากพ่อ คุยกันน้อยลง
ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ หรือกอด เหมือนเด็กๆ
บางทีเจอหน้าพ่อก็กลับรู้สึกว่า พ่อเหมือนคนแปลกหน้า สำหรับฉัน

เป็นแบบนี้จนกระทั่งฉันอยู่ปี 2  
มีอยู่ช่วงหนึ่ง อยู่ๆความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้นกับฉัน
มันเป็นความรู้สึกโหยหายใครสักคน  
มันรู้สึกเหงา และเศร้า เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก
ฉันเอารูปแม่มาดู แล้วก็รู้สึกคิดถึงท่านขึ้นมา เป็นครั้งแรกในชีวิต
ที่รู้สึกว่า แม่มีตัวตนในสายตาฉัน  
ทำให้ฉันนึกถึง วันที่เคยถามพ่อว่า
แม่เป็นคนที่ไหน บ้านแม่อยู่ไหน ทำไมพ่อไม่เคย
พาฉันไปเยี่ยมญาติๆของแม่เลย
พ่อได้แต่บอกว่า พ่อเคยไปบ้านแม่เพียงไม่กี่ครั้งเอง เลยจำทางไม่ได้  
และก็ไม่ได้ติดต่อกับทางญาติของแม่เลย
พอฉันพยายามจะถามถึงแม่ พ่อก็จะชอบ บ่ายเบี่ยง ไปเรื่องอื่นเสมอ

พอพ่อกลับมา ฉันก็เลยถามเรื่องของแม่กับพ่ออีกครั้ง
แต่ก็ได้คำตอบเพียงว่า มันนานแล้ว พ่อจำไม่ได้แล้ว

วันหนึ่ง ช่วงปิดเทอม ฉันกลับมาอยู่บ้าน
พ่อไปทำงานต่างจังหวัดหลายวัน ฉันต้องอยู่ห้องเพียงคนเดียว
ช่วงที่กำลังนอนหลับกลางวัน
อยู่ๆฉันก็รู้สึกสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงเหมือนคนเปิดประตูห้องเข้ามา
แต่ฉันก็ยังไม่ได้หันไปดู นอนหันหลังให้ประตู
ตอนนั้นใจหนึ่งก็นึกว่า พ่อกลับมาแล้ว ก็เลยไม่ได้คิดอะไร
แล้วก็จะขอนอนต่อแล้วกัน
ไม่นานก็รู้สึกว่า ตรงเตียงที่ฉันนอน ด้านหลังฉันมันยุบลงไป
เหมือนมีคนมานั่งอยุ่ข้างๆ
แล้วฉันก็รู้สึกง่วง จวนจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่
ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีมือ มือหนึ่งมาลูปที่หัวฉันเบาๆ
แล้วฉันก็รู้สึกอะไรบางอย่าง
รู้สึกเหมือนกับว่า คนที่เรารอคอยกลับมาแล้ว
รู้สึกอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก
มันรู้สึกดีใจ เหมือนจะได้เจอใครบ้างคนที่เราโหยหา
มันเป็นความรู้สึกที่ฉันไม่เคยรู้สึกมากก่อน

แล้วในใจฉันก็คิดขึ้นมาเอง  แม่กลับมาแล้ว
ฉันรีบพลิกตัวไปมองด้านหลังอย่างเร็ว

แต่ก็ต้องแปลกใจ เมื่อไม่เห็นใครเลย
จนทำให้ฉันต้องรีบ กระเด้งตัวลุกขึ้นมา
เฮ้ย..  ใคร อะ
ฉันได้แต่ พึมพำ กับตัวเอง
โดยที่ความรู้สึกที่ถูกลูปตรงศีรษะเมื่อกี้มันยังรู้สึกอุ่นๆอยู่เลย

ผ่านไปหลายวัน พอพ่อกลับมาจากต่างจังหวัด
ฉันก็ถามเรื่องแม่ กับพ่ออีก
จนพ่อถามว่า ช่วงนี้หนูเป็นอะไร ทำไมถามถึงแม่บ่อยจัง
ฉันก็มองหน้าพ่อ บอกให้พ่อเล่าทุกอย่างที่พ่อจำได้ เกี่ยวกับแม่ให้ฟังหน่อย

พ่อมองมาที่ฉัน จับที่ข้างแก้มของฉัน
แล้วก็พูดว่า  ลูกหน้าเหมือนแม่มาก จนทำให้พ่อรู้สึกว่า ไม่อยากมอง
เพราะมันทำให้พ่อคิดถึงแม่  อย่าทำให้พ่อคิดถึงแม่อีกเลยได้ไหม

แล้วพ่อก็เหมือนน้ำตาซึมๆออกมา ก่อนจะลุกหายเข้าไปในห้องน้ำพักใหญ่

ตั้งแต่วันนั้น มันก็ทำให้ฉันรู้สึกว่า ไม่อยากทำให้พ่อเสียใจอีก
ถ้าใครสักคนที่เรารัก แล้วเขาจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
เขาคงจะเสียใจมาก ถ้ายังลืมไม่ได้
ฉันก็เลยเข้าใจความรู้สึกของพ่อ ที่คงไม่อยากจะฟื้นความทรงจำเก่าๆกลับมาอีก

ช่วงปิดเทอม เพื่อนชวนฉันไปเที่ยวต่างจังหวัด แห่งหนึ่ง ติดทะเล
และก็เลยถือโอกาสนี้ ไปสงบสติอารมณ์บ้าง
ฉันกับเพื่อน ร่วมเป็น 4 คน อาศัยเดินทางแบบขึ้นรถตู้ไปกัน
เลยต้องออกเดินทางแต่เช้ามืด
จนกว่าจะไปถึง ก็บ่ายคล้อยแล้ว และก็ต้องนั่งเรือข้ามไปที่เกาะอีก
เพื่อนคนที่จองห้องพัก บอกว่า โชคดีที่ได้ที่พัก เพราะช่วงนี้คนมาเที่ยวเยอะ

ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้นั่งเรือ เพราะนี่เป็นการเที่ยวต่างจังหวัดครั้งแรกของฉันเลย

พอไปถึงที่พัก มันก็ทำให้ฉันผิดหวังเล็กน้อย เพราะที่พักเป็นบ้านธรรมดา
ไม่ได้อยู่ติดทะเล คล้ายๆบ้านที่เขาแบ่งให้คนเช่า เป็นบ้านไม้ทั้งหลัง
ใต้ถุนยกสูงจากพื้นเล็กน้อย พอเข้าไปข้างใน ก็มีสภาพพอใช้ได้
มีห้องโถงใหญ่ๆ ห้องหนึ่ง เฟอร์นิเจอครบ มีห้องน้ำและก็ระเบียงด้านหลัง
หลังจากเก็บข้าวของกันเสร็จ เราก็พากันออกไปเดินเล่นกัน
มีตลาด ตอนเย็นให้เดินด้วย คนเยอะแยะไปหมด ของกินก็เยอะด้วย
หลังจากซื้ออะไรมากินรองท้องกัน พวกเราก็พากันไปที่ทะเลหลังเกาะ
บรรยกาศตอนนั้น สวยงามมาก เห็นพระอาทิตย์กำลังตกดินดวงโต
ท้องฟ้าและสีน้ำทะเลระยิบระยับ ชวนให้อยากนั่งมองมันนานๆ

ตื่นเช้ามา ช่วงบ่ายๆ วันนี้อากาศดีไม่มีแดด
เพื่อนก็ชวนไปขี่มอเตอร์ไซค์เล่น
เราไปเช่ามอเตอร์ไซค์กันแถวนั้น สองคัน
แล้วก็ขับเที่ยวไปตามทาง มันจะมีจุดชมวิวอยู่บนยอดภูเขา
เราก็พากันไปตามที่มีคนแนะนำ
หลังจากนั้นเราก็พากันไปไหว้พระ ที่วัดละแวกนั้น ที่เราขี่มอไซค์ผ่าน

พอเข้าไปในวัด อยู่ๆฉันก็รู้สึกว่า เราเคยมาวัดนี้
เป็นความรู้สึกที่ ไม่ว่าจะมองอะไรตรงไหน มันก็คุ้นตาไปหมด
เหมือนเราเคยมาแล้ว
ทั้งๆที่ฉันไม่เคยรู้จักวัดที่นี่เลย

หลังจากไหว้พระเสร็จ ฉันก็เดินดูรอบๆ แล้วก็จ้องมองไปทั่วทุกจุด
จนเพื่อนๆถามว่า เป็นอะไร มองอย่างกะไม่เคยเห็น

ฉันก็ตอบว่า เปล่า  แต่ทำไมเราคุ้นที่นี่มากเลย มันเหมือนเคยมาแล้ว
เพื่อนได้ฟัง เขาก็ทำหน้า งง กัน
เพื่อนคนหนึ่งก็เลยพูดขึ้นว่า วัดที่ไหนมันก็คล้ายๆกันนั้นแหละ ก็เลยคุ้นไง

ฉันก็เลย คิดแบบนั้น
สงสัยสร้างด้วยแบบแปลนเหมือนกันมั้ง เลยทำให้อะไรก็คุ้นตา

เราขี่รถมอไซด์เที่ยวไปตามทางเรื่อยๆ ยิ่งขับลึกเข้าไป
พอมองสองข้างทาง ก็ยิ่งคุ้น เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แต่ก็นึกไม่ออก
รู้แต่ว่า เราเคยมาแล้ว เราเคยเห็นแล้ว
แล้วก็รู้สึก ดีใจที่ได้กลับมาอีกครั้ง

จนไปถึงจุดจุดหนึ่ง มีบ้านคนหนาตา เพื่อนก็เลยชวนแวะแถวนั้น
พอจอดรถได้ เราก็พากันเดินดูของขาย แถวนั้น
ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่
ช่วงที่กำลังเดินดูของเพลินๆกันอยู่
ฉันก็มองไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ข้างหน้าไม่ไกล

แม่..

ฉันเผลอเรียกแม่ขึ้นมาเบาๆ
เพราะผู้หญิงคนนั้น หน้าตาเหมือนแม่มาก
เพื่อนหันมามองที่ฉัน
ฉันรีบเดินไปหาผู้หญิงคนนั้น
จนชนกับผู้คนที่เบียดเสียดกัน
แล้วฉันก็ชนเข้ากับเด็กคนหนึ่งจนตัวเองเกือบจะล้ม
พอทรงตัวได้มองไปหาผู้หญิงคนนั้นอีกที
ก็ไม่เห็นเสียแล้ว

ฉันรีบวิ่งตามไปดูตรงที่ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่
เพื่อนก็รีบวิ่งมา  ถามฉันว่า หาอะไร
ฉันก็ไม่ได้ตอบ มองไปรอบตัว เพื่อหาผู้หญิงคนนั้น

เพื่อนก็ทำหน้า งงๆ กัน

พอมองหาไม่เจอแล้ว
ฉันก็เลยตอบไปว่า  เปล่าไม่มีอะไร พอดีเห็นคนหน้าเหมือนคนรู้จักน่ะ


โปรดติดตามตอนต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่