
MC นู๋สร้างชาติ รับหน้าที่ค่ะ

เมื่อวานนี้เป็นวันที่แฟนเพลงหลายคนต้องช็อกอีกครั้ง เมื่อได้สูญเสียนักร้องดัง โจ บอยสเก๊าท์ ขอไว้อาลัยคุณโจ ณ ที่นี้ค่ะ
ช็อควงการ!! โจ บอยสเก๊าท์ เสียชีวิตแล้ว หลังวูบกลางเวทีคอนเสิร์ต
11 พฤศจิกายน 2560 ถือว่าเป็นข่าวร้ายของวงการบันเทิงอีกข่าวหนึ่งสำหรับการจากไปของ โจ บอยสเก๊าท์ ที่เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน หลังจากที่ฟุบหมดสติระหว่างเล่นคอนเสิร์ต ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนและแฟนคลับ ก่อนเพื่อนจะช่วยกันหามส่งโรงพยาบาลลาดพร้าวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
บอยสเก๊าท์ (Boyscout) เป็นวงบอยแบนด์ สัญชาติไทย ประกอบด้วยสมาชิกคือ ต๊ะ ฌานิศ ใหญ่เสมอ, โจ ธเนศ ฉิมท้วม และ ดิ๊บ ธนพงศ์ คล้ายพงศ์พันธ์ ที่มีผลงานในช่วงปี 2536-2539 จนมีเหตุที่ ต๊ะ ฌานิศ ใหญ่เสมอ มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด จนต้องแยกวงกันไป
ปัจจุบัน โจ ธเนศ ฉิมท้วม เป็น assistant project manager ของสยามสปอร์ตออร์กาไนเซอร์ , ต๊ะ ฌานิศ ใหญ่เสมอ ช่วยพี่ทำสปา ย่านลาดพร้าว และยังทำ ขายเสื้อผ้าที่เมเจอร์ รัชโยธิน และ ดิ๊บ ธนพงศ์ คล้ายพงศ์พันธ์ เคยเป็นพิธีกรท่องเที่ยว และยังร้องเพลงอยู่ บอยสเก๊าท์ รวมตัวกันอีกครั้งใน The Small Dream Project และในปี 2555 บอยสเก๊าท์ได้เป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ต ได้เวลา...เจมส์ อีกด้วย
ที่มา
http://www.tnews.co.th/index.php/contents/377435
RIP. เปิดคลิปวินาทีสลด “โจ บอยสเก๊าท์”ล้มฟุบกลางเวที ปั๊มหัวใจยื้อชีวิต
เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 11 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “โจ บอยสเก๊าท์”อดีตนักร้องบอยแบนด์ชื่อดัง เกิดอาการวูบขณะกำลังแสดงคอนเสิร์ตในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง โดย“โจ บอยสเก๊าท์”ทรุดลงกับพื้นเวที ท่ามกลางความตื่นตะลึงของเพื่อนๆ และผู้ชม ก่อนเพื่อนๆ จะช่วยกันหามส่งร.พ.ลาดพร้าว แต่“โจ บอยสเก๊าท์”เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ต่อมาเฟซบุ๊กของคุณ Mintaya Boom Petchwara ได้ไลฟ์สดเหตุการณ์ “โจ บอยสเก๊าท์” เล่นคอนเสิร์ต โดยเห็นช่วงที่ “โจ บอยสเก๊าท์”ล้มฟุบลงกับพื้นเวที โดยเพื่อนยังปล่อยมุกล้อเล่นกันอยู่ ก่อนจะรู้ว่าโจ หมดสติไปแล้ว จึงช่วยกันปฐมพยาบาล และตามหน่วยกู้ชีพมาปั๊มหัวใจ แต่โจเสียชีวิตก่อนแล้ว
ที่มา
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_629785
วินาที คุณโจ บอยสเก๊าท์วูบคาเวที #เสียชีวิตกระทันหัน R.i.p Share Clip46
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพี่โจด้วยค่ะ ขอให้พี่โจสู่สุคตินะคะ
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้ว่า การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำคัญจริงๆ แต่เราไม่ค่อยมีใครรู้วิธี เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน บางทีรอรถพยาบาลก็สายไปแล้ว วันนี้นู๋เลยนำวิธีทำ crp มาฝากกันค่ะ
วิธีทำ CPR ที่ถูกต้อง ช่วยคนหัวใจหยุดเต้น-หยุดหายใจให้รอดชีวิต
การทำ CPR คือวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ช่วยคืนชีวิตแก่ผู้ประสบเหตุมานักต่อนัก ดังนั้นขั้นตอนการทำ CPR ที่ถูกต้องจึงควรเป็นความรู้ที่น่าจะติดตัวเราทุกคนไว้บ้าง เพราะอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และอาจมีบางสถานการณ์ที่เราต้องพบเห็นผู้ประสบเหตุหมดสติ หัวใจหยุดเต้น เช่น คนจมน้ำ คนถูกไฟดูด สูดดมก๊าซพิษ ควันพิษ ช็อกเพราะเสียเลือดมาก หรือผู้ประสบเหตุที่หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะจากสาเหตุอื่น ๆ ก็ตาม ดังนั้นหากเรามีโอกาสและความรู้พอที่จะช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์หรือแม้กระทั่งคนใกล้ตัวได้ แล้วเราจะปล่อยโอกาสนั้นไปทำไม มาเรียนรู้วิธีทำ CPR ที่ถูกต้องกันเถอะค่ะ
Cardiopulmonary Resuscitation หรือเรียกง่าย ๆ ว่า CPR คือ การปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นให้กลับมาหายใจ และมีการไหลเวียนออกซิเจนรวมทั้งเลือดกลับคืนสู่สภาพเดิม พร้อมทั้งป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้ได้รับอันตรายจากการขาดออกซิเจนอย่างถาวร โดยเราสามารถทำการฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานให้ผู้ประสบเหตุได้โดยการกดหน้าอกและช่วยหายใจ
สำหรับอาการของผู้บาดเจ็บที่ควรได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วยการทำ CPR สามารถสังเกตได้ดังนี้
1. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว
2. ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก
3. หัวใจหยุดเต้น
มาดูวิธีทำ CPR ที่ถูกต้อง เผื่อเราเจอสถานการณ์คับขัน มีโอกาสได้ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทุกชีวิตจะได้ปลอดภัย
ทั้งนี้ ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิต ซึ่งอาจเกิดได้จากการเป็นโรคหัวใจ, ออกกำลังกายมากเกินไป, ตกใจหรือเสียใจกะทันหัน, จากการสูญเสียเลือดมาก, เลือดมาเลี้ยงหัวใจไม่ทัน, ทางเดินหายใจอุดกั้น รวมทั้งอาจเกิดจากการได้รับยาเกินขนาดหรือแพ้ยา
ดังนั้นจึงมีการบัญญัติ "
ห่วงโซ่แห่งการรอดชีวิต" (Chain of Survival) เพื่อเป็นหลักการช่วยฟื้นคืนชีพแนวทางเดียวกันและเป็นข้อตกลงร่วมกันในการปฏิบัติ ประกอบด้วย
1. การประเมินผู้ป่วยว่ายังรู้สึกตัวอยู่หรือไม่ หากไม่มีสติ คลำหาชีพจรไม่พบ ควรเรียกขอความช่วยเหลือหรือเรียกบริการการแพทย์ฉุกเฉินจากหน่วยงานต่าง ๆ ทันที เช่น ศูนย์เอราวัณ (เฉพาะในพื้นที่ กทม.) โทร. 1646, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โทร. 1669 (ทั่วประเทศ)
2. การกดหน้าอกอย่างถูกต้องและทันท่วงที (ทำ CPR)
3. การทำการช็อกไฟฟ้าหัวใจ (AED) ภายใน 3-5 นาที เมื่อมีข้อบ่งชี้
4. การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูงอย่างมีประสิทธิภาพ
5. การดูแลภายหลังการช่วยฟื้นคืนชีพ
ห่วงโซ่แห่งการรอดชีวิต สำหรับอาการของผู้บาดเจ็บที่ควรได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วยการทำ CPR สามารถสังเกตได้ดังนี้
1. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว
2. ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก
3. หัวใจหยุดเต้น
การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support: BLS)
แนวทางการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ โดยแต่เดิมมีคำแนะนำให้ทำตามลำดับ A-B-C (Airway-Breathing-Circulation) แต่ปัจจุบัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงลำดับขั้นตอนเป็น C-A-B (Chest compression-Airway-Breathing) เนื่องจากการกดหน้าอกก่อนจะทำให้มีเลือดไปอวัยวะส่วนสำคัญ เช่น หัวใจและสมอง โดยวิธีปฏิบัติคือ
กดหน้าอก (C) 30 ครั้ง >> เปิดทางเดินหายใจ (A) >> ช่วยหายใจ (B) 2 ครั้ง = 30 : 2
ทั้งนี้ให้ทำ CPR ไปจนกว่ากู้ชีพจะมาถึง หรือจนกว่าผู้ป่วยจะรู้สึกตัว
ลองมาดูวิธีปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน
C : Chest compression คือการกดหน้าอก ปั๊มหัวใจช่วยให้ผู้บาดเจ็บมีการไหลเวียนของเลือดในร่างกายอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้หลักในการปั๊มหัวใจ คือ ต้องกดให้กระดูกหน้าอก (Sternum) ลงไปชิดกับกระดูกสันหลัง ซึ่งจะทำให้หัวใจที่อยู่ระหว่างกระดูกทั้งสองอันถูกกดไปด้วย ทำให้มีการบีบเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงร่างกาย เสมือนการบีบตัวของหัวใจ ซึ่งมีขั้นตอนในการปั๊มหัวใจตามนี้
A : Airway หมายถึง การเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง เพราะโดยมากผู้บาดเจ็บที่หมดสติจะมีภาวะโคนลิ้นและกล่องเสียงตกลงไปอุดทางเดินหายใจส่วนบน ดังนั้นจึงต้องเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง โดยพิจารณาจาก
- หากผู้ป่วยไม่มีการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือคอ จะใช้วิธีการแหงนหน้าและเชยคาง (Head tilt - Chin lift)
- หากสงสัยว่าผู้ป่วยมีอาการเจ็บของไขสันหลัง ให้ใช้วิธี Manual Spinal Motion Restriction โดยการวางมือสองข้างบริเวณด้านข้างของศีรษะ เพื่อป้องกันการเคลื่อนของศีรษะ
- หากสงสัยว่าผู้ป่วยมีอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังบริเวณคอให้เปิดทางเดินหายใจด้วยวิธียกขากรรไกร (Jaw Thrust) คือ ดึงขากรรไกรทั้งสองข้างขึ้นไปด้านบน โดยผู้ช่วยเหลือจะอยู่เหนือศีรษะของผู้ป่วย
B : Breathing คือ การช่วยหายใจ ด้วยการรักษาระดับออกซิเจนให้เพียงพอและขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้นในผู้ป่วยที่หัวใจหยุดเต้นเนื่องจากการขาดอากาศ เช่น จมน้ำ จึงต้องรีบกดหน้าอกและช่วยหายใจ 5 รอบ หรือ 2 นาที ก่อนการร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากผู้ป่วยกำลังมีระดับออกซิเจนที่ตำกว่าปกติ ซึ่งออกซิเจนที่เป่าออกไปนั้นมีออกซิเจนประมาณ 16-17% ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ ควรต้องทำตามข้อบ่งชี้สำคัญดังต่อไปนี้อย่างเคร่งครัดด้วย
- ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจ โดยที่หัวใจยังคงเต้นอยู่ประมาณ 2-3 นาที ให้ผายปอดทันที ซึ่งจะช่วยป้องกันภาวะหัวใจหยุดเต้นได้ และช่วยป้องกันการเกิดภาวะเนื้อเยื่อสมองขาดออกซิเจนได้อย่างถาวร
- ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นพร้อมกัน การช่วยฟื้นคืนชีพด้วยการทำ CPR ทันทีจะช่วยป้องกันการเกิดภาวะเนื้อเยื่อขาดออกซิเจนได้ โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อเยื่อสมอง
ทั้งนี้ในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บให้กลับมามีลมหายใจอีกครั้งก็ควรต้องช่วยเหลือเขาอย่างระมัดระวัง และหากมีผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้อยู่ก็ควรให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บก่อนนะคะ เพราะหากช่วยผิดวิธีอาจทำให้หัวใจช้ำ กระดูกหัก รวมทั้งอวัยวะอื่น ๆ ตกเลือดได้ และขอเตือนอีกอย่างว่าอย่าลองไปทำ CPR กับคนที่ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือหมดสติ โดยเฉพาะการปั๊มหัวใจ เพราะอาจทำให้จังหวะหัวใจของคนที่โดนปั๊มเต้นผิดจังหวะไป ซึ่งอาจส่งผลด้านสุขภาพต่อไปได้
ที่มา
https://health.kapook.com/view174233.html
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 12/11/2017 (RIP โจ บอยสเก๊าท์ และการทำ CPR)
เมื่อวานนี้เป็นวันที่แฟนเพลงหลายคนต้องช็อกอีกครั้ง เมื่อได้สูญเสียนักร้องดัง โจ บอยสเก๊าท์ ขอไว้อาลัยคุณโจ ณ ที่นี้ค่ะ
ช็อควงการ!! โจ บอยสเก๊าท์ เสียชีวิตแล้ว หลังวูบกลางเวทีคอนเสิร์ต
11 พฤศจิกายน 2560 ถือว่าเป็นข่าวร้ายของวงการบันเทิงอีกข่าวหนึ่งสำหรับการจากไปของ โจ บอยสเก๊าท์ ที่เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน หลังจากที่ฟุบหมดสติระหว่างเล่นคอนเสิร์ต ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนและแฟนคลับ ก่อนเพื่อนจะช่วยกันหามส่งโรงพยาบาลลาดพร้าวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
บอยสเก๊าท์ (Boyscout) เป็นวงบอยแบนด์ สัญชาติไทย ประกอบด้วยสมาชิกคือ ต๊ะ ฌานิศ ใหญ่เสมอ, โจ ธเนศ ฉิมท้วม และ ดิ๊บ ธนพงศ์ คล้ายพงศ์พันธ์ ที่มีผลงานในช่วงปี 2536-2539 จนมีเหตุที่ ต๊ะ ฌานิศ ใหญ่เสมอ มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด จนต้องแยกวงกันไป
ปัจจุบัน โจ ธเนศ ฉิมท้วม เป็น assistant project manager ของสยามสปอร์ตออร์กาไนเซอร์ , ต๊ะ ฌานิศ ใหญ่เสมอ ช่วยพี่ทำสปา ย่านลาดพร้าว และยังทำ ขายเสื้อผ้าที่เมเจอร์ รัชโยธิน และ ดิ๊บ ธนพงศ์ คล้ายพงศ์พันธ์ เคยเป็นพิธีกรท่องเที่ยว และยังร้องเพลงอยู่ บอยสเก๊าท์ รวมตัวกันอีกครั้งใน The Small Dream Project และในปี 2555 บอยสเก๊าท์ได้เป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ต ได้เวลา...เจมส์ อีกด้วย
ที่มา http://www.tnews.co.th/index.php/contents/377435
RIP. เปิดคลิปวินาทีสลด “โจ บอยสเก๊าท์”ล้มฟุบกลางเวที ปั๊มหัวใจยื้อชีวิต
เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 11 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “โจ บอยสเก๊าท์”อดีตนักร้องบอยแบนด์ชื่อดัง เกิดอาการวูบขณะกำลังแสดงคอนเสิร์ตในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง โดย“โจ บอยสเก๊าท์”ทรุดลงกับพื้นเวที ท่ามกลางความตื่นตะลึงของเพื่อนๆ และผู้ชม ก่อนเพื่อนๆ จะช่วยกันหามส่งร.พ.ลาดพร้าว แต่“โจ บอยสเก๊าท์”เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ต่อมาเฟซบุ๊กของคุณ Mintaya Boom Petchwara ได้ไลฟ์สดเหตุการณ์ “โจ บอยสเก๊าท์” เล่นคอนเสิร์ต โดยเห็นช่วงที่ “โจ บอยสเก๊าท์”ล้มฟุบลงกับพื้นเวที โดยเพื่อนยังปล่อยมุกล้อเล่นกันอยู่ ก่อนจะรู้ว่าโจ หมดสติไปแล้ว จึงช่วยกันปฐมพยาบาล และตามหน่วยกู้ชีพมาปั๊มหัวใจ แต่โจเสียชีวิตก่อนแล้ว
ที่มา https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_629785
วินาที คุณโจ บอยสเก๊าท์วูบคาเวที #เสียชีวิตกระทันหัน R.i.p Share Clip46
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพี่โจด้วยค่ะ ขอให้พี่โจสู่สุคตินะคะ
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้ว่า การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำคัญจริงๆ แต่เราไม่ค่อยมีใครรู้วิธี เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน บางทีรอรถพยาบาลก็สายไปแล้ว วันนี้นู๋เลยนำวิธีทำ crp มาฝากกันค่ะ
วิธีทำ CPR ที่ถูกต้อง ช่วยคนหัวใจหยุดเต้น-หยุดหายใจให้รอดชีวิต
การทำ CPR คือวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ช่วยคืนชีวิตแก่ผู้ประสบเหตุมานักต่อนัก ดังนั้นขั้นตอนการทำ CPR ที่ถูกต้องจึงควรเป็นความรู้ที่น่าจะติดตัวเราทุกคนไว้บ้าง เพราะอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และอาจมีบางสถานการณ์ที่เราต้องพบเห็นผู้ประสบเหตุหมดสติ หัวใจหยุดเต้น เช่น คนจมน้ำ คนถูกไฟดูด สูดดมก๊าซพิษ ควันพิษ ช็อกเพราะเสียเลือดมาก หรือผู้ประสบเหตุที่หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะจากสาเหตุอื่น ๆ ก็ตาม ดังนั้นหากเรามีโอกาสและความรู้พอที่จะช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์หรือแม้กระทั่งคนใกล้ตัวได้ แล้วเราจะปล่อยโอกาสนั้นไปทำไม มาเรียนรู้วิธีทำ CPR ที่ถูกต้องกันเถอะค่ะ
Cardiopulmonary Resuscitation หรือเรียกง่าย ๆ ว่า CPR คือ การปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นให้กลับมาหายใจ และมีการไหลเวียนออกซิเจนรวมทั้งเลือดกลับคืนสู่สภาพเดิม พร้อมทั้งป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้ได้รับอันตรายจากการขาดออกซิเจนอย่างถาวร โดยเราสามารถทำการฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานให้ผู้ประสบเหตุได้โดยการกดหน้าอกและช่วยหายใจ
สำหรับอาการของผู้บาดเจ็บที่ควรได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วยการทำ CPR สามารถสังเกตได้ดังนี้
1. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว
2. ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก
3. หัวใจหยุดเต้น
มาดูวิธีทำ CPR ที่ถูกต้อง เผื่อเราเจอสถานการณ์คับขัน มีโอกาสได้ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทุกชีวิตจะได้ปลอดภัย
ทั้งนี้ ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิต ซึ่งอาจเกิดได้จากการเป็นโรคหัวใจ, ออกกำลังกายมากเกินไป, ตกใจหรือเสียใจกะทันหัน, จากการสูญเสียเลือดมาก, เลือดมาเลี้ยงหัวใจไม่ทัน, ทางเดินหายใจอุดกั้น รวมทั้งอาจเกิดจากการได้รับยาเกินขนาดหรือแพ้ยา
ดังนั้นจึงมีการบัญญัติ "ห่วงโซ่แห่งการรอดชีวิต" (Chain of Survival) เพื่อเป็นหลักการช่วยฟื้นคืนชีพแนวทางเดียวกันและเป็นข้อตกลงร่วมกันในการปฏิบัติ ประกอบด้วย
1. การประเมินผู้ป่วยว่ายังรู้สึกตัวอยู่หรือไม่ หากไม่มีสติ คลำหาชีพจรไม่พบ ควรเรียกขอความช่วยเหลือหรือเรียกบริการการแพทย์ฉุกเฉินจากหน่วยงานต่าง ๆ ทันที เช่น ศูนย์เอราวัณ (เฉพาะในพื้นที่ กทม.) โทร. 1646, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โทร. 1669 (ทั่วประเทศ)
2. การกดหน้าอกอย่างถูกต้องและทันท่วงที (ทำ CPR)
3. การทำการช็อกไฟฟ้าหัวใจ (AED) ภายใน 3-5 นาที เมื่อมีข้อบ่งชี้
4. การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูงอย่างมีประสิทธิภาพ
5. การดูแลภายหลังการช่วยฟื้นคืนชีพ
ห่วงโซ่แห่งการรอดชีวิต สำหรับอาการของผู้บาดเจ็บที่ควรได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วยการทำ CPR สามารถสังเกตได้ดังนี้
1. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว
2. ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก
3. หัวใจหยุดเต้น
การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support: BLS)
แนวทางการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ โดยแต่เดิมมีคำแนะนำให้ทำตามลำดับ A-B-C (Airway-Breathing-Circulation) แต่ปัจจุบัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงลำดับขั้นตอนเป็น C-A-B (Chest compression-Airway-Breathing) เนื่องจากการกดหน้าอกก่อนจะทำให้มีเลือดไปอวัยวะส่วนสำคัญ เช่น หัวใจและสมอง โดยวิธีปฏิบัติคือ
กดหน้าอก (C) 30 ครั้ง >> เปิดทางเดินหายใจ (A) >> ช่วยหายใจ (B) 2 ครั้ง = 30 : 2
ทั้งนี้ให้ทำ CPR ไปจนกว่ากู้ชีพจะมาถึง หรือจนกว่าผู้ป่วยจะรู้สึกตัว
ลองมาดูวิธีปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน
C : Chest compression คือการกดหน้าอก ปั๊มหัวใจช่วยให้ผู้บาดเจ็บมีการไหลเวียนของเลือดในร่างกายอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้หลักในการปั๊มหัวใจ คือ ต้องกดให้กระดูกหน้าอก (Sternum) ลงไปชิดกับกระดูกสันหลัง ซึ่งจะทำให้หัวใจที่อยู่ระหว่างกระดูกทั้งสองอันถูกกดไปด้วย ทำให้มีการบีบเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงร่างกาย เสมือนการบีบตัวของหัวใจ ซึ่งมีขั้นตอนในการปั๊มหัวใจตามนี้
A : Airway หมายถึง การเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง เพราะโดยมากผู้บาดเจ็บที่หมดสติจะมีภาวะโคนลิ้นและกล่องเสียงตกลงไปอุดทางเดินหายใจส่วนบน ดังนั้นจึงต้องเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง โดยพิจารณาจาก
- หากผู้ป่วยไม่มีการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือคอ จะใช้วิธีการแหงนหน้าและเชยคาง (Head tilt - Chin lift)
- หากสงสัยว่าผู้ป่วยมีอาการเจ็บของไขสันหลัง ให้ใช้วิธี Manual Spinal Motion Restriction โดยการวางมือสองข้างบริเวณด้านข้างของศีรษะ เพื่อป้องกันการเคลื่อนของศีรษะ
- หากสงสัยว่าผู้ป่วยมีอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังบริเวณคอให้เปิดทางเดินหายใจด้วยวิธียกขากรรไกร (Jaw Thrust) คือ ดึงขากรรไกรทั้งสองข้างขึ้นไปด้านบน โดยผู้ช่วยเหลือจะอยู่เหนือศีรษะของผู้ป่วย
B : Breathing คือ การช่วยหายใจ ด้วยการรักษาระดับออกซิเจนให้เพียงพอและขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้นในผู้ป่วยที่หัวใจหยุดเต้นเนื่องจากการขาดอากาศ เช่น จมน้ำ จึงต้องรีบกดหน้าอกและช่วยหายใจ 5 รอบ หรือ 2 นาที ก่อนการร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากผู้ป่วยกำลังมีระดับออกซิเจนที่ตำกว่าปกติ ซึ่งออกซิเจนที่เป่าออกไปนั้นมีออกซิเจนประมาณ 16-17% ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ ควรต้องทำตามข้อบ่งชี้สำคัญดังต่อไปนี้อย่างเคร่งครัดด้วย
- ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจ โดยที่หัวใจยังคงเต้นอยู่ประมาณ 2-3 นาที ให้ผายปอดทันที ซึ่งจะช่วยป้องกันภาวะหัวใจหยุดเต้นได้ และช่วยป้องกันการเกิดภาวะเนื้อเยื่อสมองขาดออกซิเจนได้อย่างถาวร
- ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นพร้อมกัน การช่วยฟื้นคืนชีพด้วยการทำ CPR ทันทีจะช่วยป้องกันการเกิดภาวะเนื้อเยื่อขาดออกซิเจนได้ โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อเยื่อสมอง
ทั้งนี้ในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บให้กลับมามีลมหายใจอีกครั้งก็ควรต้องช่วยเหลือเขาอย่างระมัดระวัง และหากมีผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้อยู่ก็ควรให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บก่อนนะคะ เพราะหากช่วยผิดวิธีอาจทำให้หัวใจช้ำ กระดูกหัก รวมทั้งอวัยวะอื่น ๆ ตกเลือดได้ และขอเตือนอีกอย่างว่าอย่าลองไปทำ CPR กับคนที่ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือหมดสติ โดยเฉพาะการปั๊มหัวใจ เพราะอาจทำให้จังหวะหัวใจของคนที่โดนปั๊มเต้นผิดจังหวะไป ซึ่งอาจส่งผลด้านสุขภาพต่อไปได้
ที่มา https://health.kapook.com/view174233.html
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น