เมื่อทุกคนได้ลองนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตต่างก็มีความทรงจำที่หลากหลายความรู้สึก
ไม่ว่าจะเป็น…ความรู้สึกที่อยากลองเลียนแบบใครสักคน หรือ ความรู้สึกที่อยากลองท้าทายและอยากพาตัวเองไปเปิดโลกใบใหม่
ที่จะไม่ทำให้เราเกิดความรู้สึกเสียดายและไม่พลาดความทรงจำที่ดีในชีวิต แล้วนี่แหละที่พวกเราทั้ง4คนจะพาทุกคนไปลอง
จำเนียนที่เวียดนาม
(อ้าวงงละสิว่าทำไมพวกเราถึงเลือกไปที่นี่) ก็อย่างที่บอกว่าครั้งนึงในชีวิตเราควรได้ออกจากประเทศตัวเองสักครั้งฮ่าๆๆ
พวกเราเชื่อว่าหลายๆคนก็คงมีความคิดแบบนี้แต่ก็คงติดที่ เวลา เงิน หรืออะไรหลายๆอย่าง เราเลยลองเลือกประเทศที่อยู่ใกล้บ้านเรา
แต่ยังคงมีความแตกต่างจากบ้านเราบ้าง ทั้งเรื่องอาหารการกิน ภาษา วัฒนธรรม และ ค่าครองชีพที่ยังพอกับงบของพวกเราทั้ง4คน
เราเลยเลือกไปเที่ยวที่ฮานอยซึ่งเป็นเมืองหลวงประเทศเวียดนามว่าจะคล้ายกับกรุงเทพบ้านเราไหม...




ก่อนอื่นพวกเราขอกราบสวัสดีทุกคนที่อยากลองบินลัดฟ้าไปตามหารัก เอ้ย! ไปตามหาประสบการณ์ที่ดีต่างหาก
(ขอบอกก่อนน่ะค่ะว่าทริปนี้เป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของพวกเราทั้ง4คน ใจนี่เต้นตุ๊บๆยิ่งกว่าลุ้นสอบติดมหาลัยซะอีก)
พวกเราทั้ง4คนได้วางแผนไปเที่ยวฮานอย ประเทศเวียดนาม 5 วัน 4 คืน ช่วงวันที่ 2-6/11/2560 พร้อมเช็คสภาพอากาศเรียบร้อย
พวกเราได้ฝากเนื้อฝากตัวกับสายการบินแอร์เอเชียในโปรโมชั่นบินต่างประเทศ 990 บาท กดไปกดมาเกือบ 1,330 บาท!!
(แต่ราคาก็ยังโอเคสำหรับพวกเราทั้งสี่คน) เครื่องออก 18:35น. แต่พวกเรามาถึงสนามบิน บ่ายสามนิดๆ ด้วยความที่กลัวไม่ทันฮ่าๆ
อย่างแรกที่เราทำที่สนามบินคือตั้งสติค่ะ อารมณ์แบบฉันจะไปทางไหนเนี่ย...แต่อย่ากังวลไปค่ะ เดินเข้าไปถามพนักงานเลยค่ะ
- - - - - - - - แลกเงิน 5,028 บาท ได้มาคนละ 150 ดอลลาร์ - - - - - - - -
(แนะนำให้แลกเป็นดอลลาร์ก่อนน่ะค่ะ เขาว่าจะได้เรทที่มากกว่า)
พวกเรามาถึงสนามบินNoi Bai ประมาณสามทุ่มกว่าๆ เครื่องบินเรท45นาทีจ้า ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีกันเลยทีเดียว-.-
เดินตามทางมาพวกเราก็ได้พบกับตม.ที่เวียดนามพร้อมใบหน้าที่ไม่พร้อมต้อนรับใครทั้งนั้น เราก็ยิ้มให้อย่างเดียวเลยค่ะ
แล้วก็เดินออกมาสวยๆไปรอรับกระเป๋า พวกเราได้แลกตังค์ 100 ดอลลาร์ได้มาคนละ 2,266,000 ดอง มาที่นี้ก็ได้จับเงินล้านกันเลยฮ่าๆ
แล้วเราก็ไปซื้อซิมการ์ดมีให้เลือกหลายราคาแต่พวกเราเลือกแบบเล่นเน็ตอย่างเดียวโดนไป2แสนดอง(ประมาณ 295 บาท)


พอเห็นเงินในมือแล้วก็รู้สึกหิวทันทีฮ่าๆ แล้วเราก็มาพบกับร้าน Popeyes Chicken เราสั่งใส่กล่องค่ะเอาไปกินที่ที่พักดีกว่า
ดูจากแผนที่แล้วไม่ไกลมากแต่ต้องการความชัวร์เลยไปสอบถามที่ Tourist Information พนักงานบอกต้องนั่งแท็กซี่เท่านั้น!!
ด้วยความที่อ่านรีวิวมามากพอก็แบบมันไม่ใช่ล่ะ เลยตัดสินใจเดินไปโรงแรมกันดีกว่า พวกเราเดินออกจากสนามบินประมาณ4ทุ่ม
ข้างนอกจะเต็มไปด้วย Taxi Grab Uber เต็มไปหมดพร้อมกวักมือเรียกขึ้นรถ พวกเราต้องตอบด้วยเสียงที่แข็งแกร่ง No No No!!!
เดินมาได้สักพักก็เริ่มหวั่นใจกับทางข้างหน้าที่มันไม่มีทางให้เดินไปต่อ...แต่พระเจ้าก็ประทานคุณน้าท่านนึงมาให้พวกเรา
คุณน้าบอกให้เราไปนั่งรถเมล์ พร้อมชี้นิ้วไปทางสนามบิน แต่คุยไปคุยมาคุณน้าก็ทำท่าเดินแล้วกวักมือเรียกให้พวกเราตามไป
(คงไม่รู้จะอธิบายยังไงให้พวกเราเข้าใจฮ่าๆ) กว่าจะมาถึงโรงแรมไม่ใช่เรื่องง่าย มันก็ไม่ใกล้ไม่ไกล
แต่ก็ไม่ควรเดินพร้อมกระเป๋าที่หนักขนาดนี้ฮ่าๆ พวกเราข้ามถนนไปกลับกันว่าเล่น กว่าจะเจอที่พักของพวกเรา...

- - - - - - เปิดกล่อง ปุ๊บ! ก็พบกับความเหี่ยวของเฟรนช์ฟรายส์ ยิ่งกินกับซอสพริกยิ่งนึกถึงซอสที่กินกับข้าวหมูกระเทียม - - - - - -
ที่พักที่เราได้เลือกเป็นโรงแรมเล็กๆใกล้สนามบินชื่อว่า Noi Bai Hotel เราพักที่นี้แค่คืนเดียวเพราะคิดว่าคงไม่มีรถเข้าฮานอย
(ราคาคืนละ 82บาท/คน) เจ้าของที่พักเป็นกันเอง แอร์เย็น Wifi ฟรี ช่วยแนะนำเวลาออกเดินทางเข้าฮานอย
ห้องของพวกเราอยู่ชั้นบนสุดไม่ต้องกลัวว่าจะเหงา เสียงเครื่องบินจะคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง
แต่ด้วยความที่เหนื่อยทุกคนก็นอนหลับสบายพร้อมเดินทางต่อวันพรุ่งนี้...


พวกเราได้เดินออกจากที่พักเพื่อที่จะไปรอรถเมล์เข้าฮานอย(นั่งสาย 58 สุดสายก็ลงสิจ๊ะ) ระหว่างที่เดินก็มีคุณลุง
โบกไม้โบกมือให้ขึ้นมอเตอร์ไซค์ พวกเราก็ส่ายหน้าเหมือนนัดกันมา ฮ่าๆ พอเรามาถึงป้ายรถเมล์ก็เจอลุงคนเดิมนี่แหละ
เข้ามาสะกิดที่ไหล่เรา เราก็หันไปมองลุง..เขาก็ทำท่าให้เราถ่ายรูปพวกของเขา เราก็บอก No No ด้วยความเป็นผู้หญิงที่ดูจิตใจดี
ลุงก็ยังไม่ละความพยายาม เพื่อนเราเลยมองหน้าลุงพร้อมพูด No! จนลุงขับมอเตอร์ไซค์ออกไป (คือเราเคยอ่านกระทู้เที่ยวเวียดนาม
แล้วเขาบอกว่าอย่าถ่ายรูปมั่วซั่ว อาจมีกงโกงอยู่ก็เป็นไปได้...นี่ก็ระแวงตั้งแต่ลงเครื่องกันเลย!!)
บรรยากาศตอนเช้าเหมาะกับการนั่งจิบกาแฟอุ่นๆ อากาศเย็นสบายหมอกเบาบาง
ได้เห็นเด็กๆปั่นจักรยานไปโรงเรียน เห็นชาวบ้านออกกำลังกาย
- - - - - - - - - ป้ายรถเมล์สุดสาย ที่ฮานอย จะเห็นการจราจรที่คึกคักซึ่งแตกต่างกับนอกเมือง - - - - - - - - -
การเดินทางที่ประเทศเวียดนาม ที่เราเห็นมีทั้งรถเล็กไปยังรถใหญ่ แต่เมื่อได้มาที่นี่จะได้สัมผัสถึงมิติใหม่แห่งการข้ามถนน
ไม่ว่าคุณจะข้ามถนนเป็นหรือไม่เป็น คุณก็จะได้พบความสามารถของคุณที่นี่ การจราจรตอนเช้าและตอนเย็นจะค่อนข้างวุ่นวาย
บนถนนจะเต็มไปด้วยมอเตอร์ไซค์และเสียงแตรที่เหมือนแข่งกันบีบแต่คงจะกลายเป็นเรื่องปกติของคนที่นี่จนพวกเราตะลึงตึงตึ่ง!
ส่วนรถยนต์ก็ไม่ยอมน้อยหน้าไปกว่ากัน แต่เท่าที่สังเกตจะไม่ค่อยเห็นรถกระบะสักเท่าไหร่
จากการเดินเที่ยวชมเมืองพวกเราก็ได้เห็นอะไรหลายๆอย่างทั้งวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ลักษณะอาคารบ้านเรือนซึ่งมีความโดดเด่น
ที่มีลักษณะแคบและสูงมีการใช้เนื้อที่ได้คุ้มค่าที่สุดคงเป็นเพราะฮานอยเป็นเมืองหลวงที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก
แต่มีผู้คนอาศัยอยู่เยอะทั้งคนท้องถิ่น รวมถึงนักท่องเที่ยวเหล่าBackpack
- - - - - - - - - - - - - แม่ค้ายังใช้หาบขายของและนั่งกินริมถนน เป็นเก้าอี้ตัวเล็กๆเตี้ยๆ - - - - - - - - - - - - -
สถานที่ท่องเที่ยวสุดHOT IN HANOI
- - - - - - - - - สถานที่ท่องเที่ยวในฮานอยส่วนใหญ่จะอยู่ไม่ห่างกันมาก มีทั้ง วัด โบสถ์ พิพิธภัณฑ์
ห้างสรรพสินค้า ตลาด ที่ได้รวมวัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน - - - - - - - - -
ที่แรกที่พวกเราอยากให้ทุกคนได้ไปดูคือ พิพิธภัณฑ์สตรีเวียดนาม (Vietnamese Women's Museum)
บัตรค่าเข้าชม 30,000 ดอง (45 บาท)
ภายในอาคารจัดแสดงเครื่องมือการดำรงชีวิต เครื่องแต่งกาย และภาพผู้หญิงที่เป็นบุคคลสำคัญต่อประเทศ
มีที่นั่งให้ชมVDOเล่าเรื่องราวสะท้อนอารมณ์ให้แก่ผู้เข้าชมได้เป็นอย่างดี
ต่อมาคือ พิพิธภัณฑ์ทหาร (Vietnam Military History Museum)
บัตรค่าเข้าชม 40,000 ดอง (60บาท)
ที่นี่จะมีการจัดชมเรื่องราวของทหาร การสู้รบเพื่อประเทศชาติ แต่เสียดายที่ไม่ได้เข้าไปชม เพราะกำลังปรับปรุงอยู่
เลยได้เดินดูบริเวณพื้นที่รอบๆมีการนำซากเครื่องบินทิ้งระเบิด รถถัง มาจัดแสดงให้ผู้เข้าชมได้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม
- - - - - - - - อาคารอยู่ด้านขวากำลังปรับปรุงเลยได้ตั๋วมาในราคา 20,000 ดองจ้า - - - - - - - -
- - - - - - หอคอยธงฮานอย เป็นสิ่งก่อสร้างที่ยังหลงเหลือจากอดีต สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ค่ะ - - - - - -
สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Mausoleum)
เป็นสถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวที่ฮานอย ภายในมีร่างของท่านโฮจิมินห์ที่อยู่ในโรงแก้ว
ซึ่งภายในห้ามถ่ายรูป ส่งเสียงดัง แต่ก็รู้สึกเสียดายอีกแล้วที่ไม่ได้เข้าชมเนื่องจากมีการซ่อมแซมอาคาร
(ที่นี่จะปิดทำการวันจันทร์กับวันศุกร์น่ะค่ะ)
- - - - - - - - นี่นัดกันซ่อมสถานที่หรือเปล่า ไปที่ไหนก็ต้องมีการปรับปรุง ฮ่าๆ - - - - - - - -
ส่วนข้างหลังสุสานแห่งนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์
(ปิดทำการวันเสาร์-อาทิตย์)
- - - - - - - หันไปเห็นคุณยายจากด้านข้าง คือทุกอย่างมันลงตัวจนต้องหยิบกล้องมาถ่าย - - - - - - -
To Be Continued > > Part2
[CR] จำเนียน...ที่เวียดนาม
ไม่ว่าจะเป็น…ความรู้สึกที่อยากลองเลียนแบบใครสักคน หรือ ความรู้สึกที่อยากลองท้าทายและอยากพาตัวเองไปเปิดโลกใบใหม่
ที่จะไม่ทำให้เราเกิดความรู้สึกเสียดายและไม่พลาดความทรงจำที่ดีในชีวิต แล้วนี่แหละที่พวกเราทั้ง4คนจะพาทุกคนไปลอง
จำเนียนที่เวียดนาม
(อ้าวงงละสิว่าทำไมพวกเราถึงเลือกไปที่นี่) ก็อย่างที่บอกว่าครั้งนึงในชีวิตเราควรได้ออกจากประเทศตัวเองสักครั้งฮ่าๆๆ
พวกเราเชื่อว่าหลายๆคนก็คงมีความคิดแบบนี้แต่ก็คงติดที่ เวลา เงิน หรืออะไรหลายๆอย่าง เราเลยลองเลือกประเทศที่อยู่ใกล้บ้านเรา
แต่ยังคงมีความแตกต่างจากบ้านเราบ้าง ทั้งเรื่องอาหารการกิน ภาษา วัฒนธรรม และ ค่าครองชีพที่ยังพอกับงบของพวกเราทั้ง4คน
เราเลยเลือกไปเที่ยวที่ฮานอยซึ่งเป็นเมืองหลวงประเทศเวียดนามว่าจะคล้ายกับกรุงเทพบ้านเราไหม...
(ขอบอกก่อนน่ะค่ะว่าทริปนี้เป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของพวกเราทั้ง4คน ใจนี่เต้นตุ๊บๆยิ่งกว่าลุ้นสอบติดมหาลัยซะอีก)
พวกเราทั้ง4คนได้วางแผนไปเที่ยวฮานอย ประเทศเวียดนาม 5 วัน 4 คืน ช่วงวันที่ 2-6/11/2560 พร้อมเช็คสภาพอากาศเรียบร้อย
พวกเราได้ฝากเนื้อฝากตัวกับสายการบินแอร์เอเชียในโปรโมชั่นบินต่างประเทศ 990 บาท กดไปกดมาเกือบ 1,330 บาท!!
(แต่ราคาก็ยังโอเคสำหรับพวกเราทั้งสี่คน) เครื่องออก 18:35น. แต่พวกเรามาถึงสนามบิน บ่ายสามนิดๆ ด้วยความที่กลัวไม่ทันฮ่าๆ
อย่างแรกที่เราทำที่สนามบินคือตั้งสติค่ะ อารมณ์แบบฉันจะไปทางไหนเนี่ย...แต่อย่ากังวลไปค่ะ เดินเข้าไปถามพนักงานเลยค่ะ
(แนะนำให้แลกเป็นดอลลาร์ก่อนน่ะค่ะ เขาว่าจะได้เรทที่มากกว่า)
เดินตามทางมาพวกเราก็ได้พบกับตม.ที่เวียดนามพร้อมใบหน้าที่ไม่พร้อมต้อนรับใครทั้งนั้น เราก็ยิ้มให้อย่างเดียวเลยค่ะ
แล้วก็เดินออกมาสวยๆไปรอรับกระเป๋า พวกเราได้แลกตังค์ 100 ดอลลาร์ได้มาคนละ 2,266,000 ดอง มาที่นี้ก็ได้จับเงินล้านกันเลยฮ่าๆ
แล้วเราก็ไปซื้อซิมการ์ดมีให้เลือกหลายราคาแต่พวกเราเลือกแบบเล่นเน็ตอย่างเดียวโดนไป2แสนดอง(ประมาณ 295 บาท)
ดูจากแผนที่แล้วไม่ไกลมากแต่ต้องการความชัวร์เลยไปสอบถามที่ Tourist Information พนักงานบอกต้องนั่งแท็กซี่เท่านั้น!!
ด้วยความที่อ่านรีวิวมามากพอก็แบบมันไม่ใช่ล่ะ เลยตัดสินใจเดินไปโรงแรมกันดีกว่า พวกเราเดินออกจากสนามบินประมาณ4ทุ่ม
ข้างนอกจะเต็มไปด้วย Taxi Grab Uber เต็มไปหมดพร้อมกวักมือเรียกขึ้นรถ พวกเราต้องตอบด้วยเสียงที่แข็งแกร่ง No No No!!!
เดินมาได้สักพักก็เริ่มหวั่นใจกับทางข้างหน้าที่มันไม่มีทางให้เดินไปต่อ...แต่พระเจ้าก็ประทานคุณน้าท่านนึงมาให้พวกเรา
คุณน้าบอกให้เราไปนั่งรถเมล์ พร้อมชี้นิ้วไปทางสนามบิน แต่คุยไปคุยมาคุณน้าก็ทำท่าเดินแล้วกวักมือเรียกให้พวกเราตามไป
(คงไม่รู้จะอธิบายยังไงให้พวกเราเข้าใจฮ่าๆ) กว่าจะมาถึงโรงแรมไม่ใช่เรื่องง่าย มันก็ไม่ใกล้ไม่ไกล
แต่ก็ไม่ควรเดินพร้อมกระเป๋าที่หนักขนาดนี้ฮ่าๆ พวกเราข้ามถนนไปกลับกันว่าเล่น กว่าจะเจอที่พักของพวกเรา...
(ราคาคืนละ 82บาท/คน) เจ้าของที่พักเป็นกันเอง แอร์เย็น Wifi ฟรี ช่วยแนะนำเวลาออกเดินทางเข้าฮานอย
ห้องของพวกเราอยู่ชั้นบนสุดไม่ต้องกลัวว่าจะเหงา เสียงเครื่องบินจะคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง
แต่ด้วยความที่เหนื่อยทุกคนก็นอนหลับสบายพร้อมเดินทางต่อวันพรุ่งนี้...
โบกไม้โบกมือให้ขึ้นมอเตอร์ไซค์ พวกเราก็ส่ายหน้าเหมือนนัดกันมา ฮ่าๆ พอเรามาถึงป้ายรถเมล์ก็เจอลุงคนเดิมนี่แหละ
เข้ามาสะกิดที่ไหล่เรา เราก็หันไปมองลุง..เขาก็ทำท่าให้เราถ่ายรูปพวกของเขา เราก็บอก No No ด้วยความเป็นผู้หญิงที่ดูจิตใจดี
ลุงก็ยังไม่ละความพยายาม เพื่อนเราเลยมองหน้าลุงพร้อมพูด No! จนลุงขับมอเตอร์ไซค์ออกไป (คือเราเคยอ่านกระทู้เที่ยวเวียดนาม
แล้วเขาบอกว่าอย่าถ่ายรูปมั่วซั่ว อาจมีกงโกงอยู่ก็เป็นไปได้...นี่ก็ระแวงตั้งแต่ลงเครื่องกันเลย!!)
บรรยากาศตอนเช้าเหมาะกับการนั่งจิบกาแฟอุ่นๆ อากาศเย็นสบายหมอกเบาบาง
ได้เห็นเด็กๆปั่นจักรยานไปโรงเรียน เห็นชาวบ้านออกกำลังกาย
ไม่ว่าคุณจะข้ามถนนเป็นหรือไม่เป็น คุณก็จะได้พบความสามารถของคุณที่นี่ การจราจรตอนเช้าและตอนเย็นจะค่อนข้างวุ่นวาย
บนถนนจะเต็มไปด้วยมอเตอร์ไซค์และเสียงแตรที่เหมือนแข่งกันบีบแต่คงจะกลายเป็นเรื่องปกติของคนที่นี่จนพวกเราตะลึงตึงตึ่ง!
ส่วนรถยนต์ก็ไม่ยอมน้อยหน้าไปกว่ากัน แต่เท่าที่สังเกตจะไม่ค่อยเห็นรถกระบะสักเท่าไหร่
ที่มีลักษณะแคบและสูงมีการใช้เนื้อที่ได้คุ้มค่าที่สุดคงเป็นเพราะฮานอยเป็นเมืองหลวงที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก
แต่มีผู้คนอาศัยอยู่เยอะทั้งคนท้องถิ่น รวมถึงนักท่องเที่ยวเหล่าBackpack
ห้างสรรพสินค้า ตลาด ที่ได้รวมวัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน - - - - - - - - -
บัตรค่าเข้าชม 30,000 ดอง (45 บาท)
มีที่นั่งให้ชมVDOเล่าเรื่องราวสะท้อนอารมณ์ให้แก่ผู้เข้าชมได้เป็นอย่างดี
บัตรค่าเข้าชม 40,000 ดอง (60บาท)
เลยได้เดินดูบริเวณพื้นที่รอบๆมีการนำซากเครื่องบินทิ้งระเบิด รถถัง มาจัดแสดงให้ผู้เข้าชมได้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม
เป็นสถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวที่ฮานอย ภายในมีร่างของท่านโฮจิมินห์ที่อยู่ในโรงแก้ว
ซึ่งภายในห้ามถ่ายรูป ส่งเสียงดัง แต่ก็รู้สึกเสียดายอีกแล้วที่ไม่ได้เข้าชมเนื่องจากมีการซ่อมแซมอาคาร
(ที่นี่จะปิดทำการวันจันทร์กับวันศุกร์น่ะค่ะ)
(ปิดทำการวันเสาร์-อาทิตย์)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น