เทศกาลช้อปสุดบ้าระห่ำ!! ผู้ซื้อและผู้ขายเข้ามาร่วมเทศกาลฯ บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่และรายย่อย ต่างกระโดดเกาะขบวนรถไฟที่พาไป“ขุดทอง”กัน ใน"วันคนโสด"นี้

วันคนโสด มีต้นกำเนิดมาจาก“กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยหนันจิง” ได้ริเริ่มเทศกาลวันที่ 11.11 (11 พ.ย.) หรือเทศกาลกวงกุ้น ซึ่งมีความหมายตามหน้าศัพท์ว่า “กิ่งไม้ที่ว่างเปล่า” หรือเทศกาลวันว่างๆ สำหรับให้บรรดาชายหนุ่มที่ยังไม่แต่งงาน ได้ฉลองความชีวิตโสดและซื้อของขวัญให้แก่ตัวเอง ขณะเดียวกันก็เป็นวันที่กลุ่มคนโสดทั้งหญิงชายได้มีโอกาสสละโสดกัน
คนโสดแดนมังกรมีจำนวนมหาศาล เนื่องจากค่านิยมจีนแต่โบราณนั้นปรารถนาบุตรชายไว้สืบแซ่สกุล เมื่อจีนเริ่มนโยบาย“ลูกคนเดียว” ซึ่งเป็นมาตรการควบคุมประชากรอย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2522 และประกาศใช้อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2526 โดยกำหนดให้ครอบครัวในเขตเมืองมีลูกได้คนเดียวเท่านั้น ยกเว้นครอบครัวเกษตรกรในชนบทและชนกลุ่มน้อย อนุโลมให้มีลูกได้มากกว่าหนึ่งคน กฎเหล็กจากนโยบายลูกคนเดียวนี้ ยิ่งทำให้สัดส่วนระหว่างประชากรเพศชายสูงกว่าเพศหญิง จนเสียสมดุล
มีแนวโน้มว่าจะมีผู้ชายแดนมังกร ไม่ได้แต่งงานมากถึง 30 ล้านคน ภายในปี 2563 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งสร้างความปวดเศียรเวียรเกล้าแก่ผู้นำมังกรอย่างมาก ในการคิดแก้ไขปัญหา ซึ่งต้องใช้เวลานับสิบๆปีแก้ไขโครงสร้างประชากรสู่สมดุล
วันนี้ในอดีต 11 พ.ย. 2552 “นาย หม่า อวิ๋น” หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ“แจ๊ค หม่า” ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ได้เลือกวันคนโสด 11 พ.ย. จัด “เทศกาลช้อปปิ้งสุดบ้าระห่ำ” กระตุ้นให้ผู้คนจับจ่ายซื้อสินค้าทางออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการขายในช่วงฤดูกาลที่ยอดค้าปลีกซบเซา โดยในปีแรกของการจัดเทศกาลฯนั้น มีแบรนด์สินค้าเพียง 27 ราย ลดราคาสินค้าที่มาร่วมรายการ 50 เปอร์เซ็นต์
ปีแรกดันยอดขายกระฉูดถึง 52 ล้านหยวน หรือ ราว 260 ล้านบาท ในปีต่อๆ มายอดขายบนเว็บไซต์ (จีเอ็มวี)เพิ่มขึ้น เฉพาะปี2554 ยอดขายของบริษัทอีคอมเมิร์ซในเครืออาลีบาบา ที-มอลล์ (T-mall) ทะยานสูงถึง 16,800 ล้านหยวน
นับจากปี 2556 เทศกาลช้อปสุดบ้าระห่ำ เริ่มขยายวงสู่การจับจ่ายสินค้า ตามห้างร้าน ยอดขายในวันคนโสดปีนั้นสูงถึง 35,000 ล้านหยวน หรือราว 17,500 ล้านบาท
ในปี 2557 อาลีบาบาทำยอดขายผ่านที-มอลล์ และเถาเป่า ที่ 57,100 ล้านหยวน หรือราว 285,500 ล้านบาท ส่วน JD.com ขายของได้เกือบ 40 ล้านชิ้น ใน 24 ชั่วโมงของวันนั้น
ปี 2558 ยอดขายวันคนโสด ทำสถิติใหม่ ที่ 91,200 ล้านหยวน หรือราว 456,000 ล้านบาท คิดเป็น 4 เท่าของที่สหรัฐฯโกยได้ในปีที่แล้ว จากยอดขายในเทศกาลจับจ่ายซื้อสินค้า แบล็ค ฟรายเดย์ และไซเบอร์ มันเดย์ รวมกัน
ปี 2559 อ้างอิงข้อมูลจากอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซในประเทศจีน ระบุว่ามูลค่าการซื้อขายสินค้าบนเว็บไซต์ของบริษัทได้พุ่งทะยานไปอยู่ที่ 120,700 ล้านหยวน หรือมากกว่า 600,000ล้านบาท ภายในเวลา 24 ชั่วโมง
ขณะที่การขายผ่านโทรศัพท์มือถือสามารถสร้างยอดขายเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเวลา 05.31 นาที ร้อยละ 82 ของการซื้อขายเกิดขึ้นบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ ร้อยละ50 จากปีก่อน และส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่อายุน้อยกว่า 35 ปี
ความสำเร็จในครั้งนั้น "แจ๊ค หม่า"ได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่น พลังการบริโภคจีนจะพาเศรษฐกิจมังกรโชติช่วงว่า“เราเชื่อว่าวันคนโสดจะขยายวงคึกคักไปทั่วโลกภายใน 5 ปี ไปยังโตเกียว ปารีส หรือนิวยอร์ก"
“เราเชื่อว่ากลุ่มชนชั้นกลางในประเทศจีน จะเพิ่มจาก 300 ล้าน ถึง 500 ล้านในอีก 15 ปีข้างหน้า ความต้องการสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูงของพวกเขา อาจทรงพลังพอที่จะดันเศรษฐกิจให้สดใส
“เราเชื่อมั่นในเศรษฐกิจจีนเสมอ ในช่วง 5 ถึง 15 เดือนนี้ อาจเป็นยามยากลำบาก แต่ในอีก 5 ถึง 15 ปี ข้างหน้า จะเป็นยุครุ่งโรจน์ของการพัฒนาประเทศ”
ในเทศกาลช้อปปิ้งสุดบ้าระห่ำ คนงานนับแสนต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ในการส่งสินค้าทั่วประเทศ ทั้งนี้ ระบบโลจิสติกส์ยังเป็นสิ่งที่ “แจ๊ค หม่า” แห่งอาลีบาบา วิตกกังวลมากที่สุด สำหรับการส่งสินค้าในเทศกาลช้อปปิ้งสุดบ้าระห่ำแห่งวันคนโสด
เทศกกาลช้อปปิ้งสุดบ้าระห่ำสร้างความตื่นเต้นเร้าใจ ยังคงมีมาทุกๆ ปี เมื่อเหล่านักช้อปสาวกอีคอมเมิร์ซ สามารถเข้าถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ว่ากันว่า การช้อปปิ้งอันบ้าระห่ำ เคยแตะจุดสูงสุดใน 60 นาทีแรกของการเริ่มต้นวันคนโสด ด้วยการทำรายการมากกว่า 120,000 รายการต่อวินาที
โอกาสทองของแบรนด์ดังต่างชาติทั้งหลาย ก็ใช้"วันคนโสด"นี้โกยเงินก้อนโต ด้วยยอดขายก้าวกระโดดกว่าร้อยละ 47 จากกลุ่มลูกค้ามากกว่า 47 ล้านราย
อาลีบาบา เผยว่า แอปเปิล ไนกี้ นิวบาลานซ์ เพลย์บอย และสเก็ตเชอร์เป็นแบรนด์มะกันยอดนิยม ส่วนซีเมนส์ ฟิลิปส์ อะดิดาสจากฝั่งยุโรป และยูนิโคล่ พานาโซนิค ชาร์ปจากฝั่งญี่ปุ่นก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
"วันคนโสด” ของ “อาลีบาบา” ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากจีนแผ่นดินใหญ่ของเจ้าพ่อ “แจ็กหม่า”จะขนสินค้ามาลดราคาให้กับลูกค้าอย่างจัดเต็ม โดยใน ปี 2560 คาดการณ์ว่า จะสร้างยอดขายได้มากถึง 1.5 แสนล้านหยวน หรือ 7.5 แสนล้านบาท
ความชาญฉลาดของ"แจ็กหม่า"แห่งอาลีบาบา พยายามเชื่อม“โลกออนไลน์”และ“ออฟไลน์”เข้าด้วยกัน โดยให้ร้านสะดวกซื้อกว่า 6 แสนแห่ง ลงทะเบียนกับอาลีบาบา เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้า ให้ลูกค้าสามารถมาสั่งสินค้าและรับสินค้าได้ ณ ร้านสะดวกซื้อ
มหกรรมลดราคาในวันคนโสดของอาลีบาบา เพื่อให้ชาวจีนที่ยังโสดจับจ่ายเป็นการ"ปลอบใจ" ได้สร้างยอดขายมีมูลค่าแซง"เทศกาลแบล็ก ฟรายเดย์" วันขอบคุณพระเจ้า หรือ"เทศกาลไซเบอร์มันเดย์"ในสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่ปี 2555 ก่อนที่จะเพิ่มมากกว่าเป็นเท่าตัวในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน
http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/301819
ไฟเขียวลดภาษีช็อปช่วยชาติวงเงิน 15,000 บาท....
อ่านต่อได้ที่ :
https://www.posttoday.com/economy/finance/524003

จะถือว่าเป็นธรรมเนียมไปแล้วก็ว่าได้สำหรับนโยบาย “ช็อปช่วยชาติ 2560” ที่รัฐบาลจัดขึ้นทุกสิ้นปี เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนอย่างปี 2559 ก็มีโครงการลักษณะนี้เกิดขึ้น โดยคีย์หลักของช็อปช่วยชาติ 2560 คือช็อปแล้วได้สิทธิในการนำมาลดหย่อนภาษี ว่าแต่จะมีเงื่อนไขอะไร, ซื้อของอะไรได้บ้าง ซื้อมือถือ หรือซื้อ iPhone จะสามารถเข้าร่วมโครงการได้หรือไม่ แล้วได้เงินคืนตอนไหน?
เงื่อนไขของช็อปช่วยชาติ
เพื่อให้ผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2560 สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการภายในประเทศระหว่างวันที่ 11 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2560 มายื่นลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยยกเว้นการซื้อสุรา ยาสูบ เบียร์ ไวน์ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ น้ำมัน ก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ รวมทั้งค่าบริการนำเที่ยวและค่าที่พักโรงแรม ซึ่งผู้มีเงินได้ต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป มาเป็นหลักฐานการซื้อสินค้าหรือรับบริการ
คนที่จะได้สิทธิลดหย่อนภาษี ต้องเป็นคนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2560 เท่านั้น ซึ่งจากโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2560 ฉบับปรับใหม่ หากมีเงินเดือนไม่ถึง 26,000 บาท หรือมีเงินได้สุทธิทั้งปีไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2560 นั่นก็หมายความว่า หากเงินเดือนไม่ถึง 26,000 บาท ก็จะไม่ได้การลดหย่อนภาษี เพราะไม่ต้องเสียภาษี โครงการช็อปช่วยชาติ 2560 ก็จะไม่มีประโยชนกับเราเลย T-T
ซื้อ iPhone หรือซื้อมือถือ เข้าร่วมโครงการช็อปช่วยชาติได้หรือไม่?
ได้แน่นอน เพราะ iPhone, สมาร์ทโฟน, มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่อยู่ในสินค้าที่ถูกยกเว้นตามเงื่อนไขด้านบน เพราะฉะนั้นสบายใจได้ครับ ถ้าเป็นผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2560 อยู่แล้ว ก็สามารถไปช็อปช่วยชาติเพื่อยื่นขอคืนภาษีได้เลย
วิธีการคำนวณคืนภาษีจากช็อปช่วยชาติ
วิธีการคำนวณก็ไม่ยากครับ ให้ทำการเทียบรายรับรวมทั้งปีของเรา ว่าอยู่ในฐานภาษีเท่าไหร่ จากนั้นนำมาเทียบกับจำนวนของเงินที่ได้จากการลดหย่อนในโครงการช็อปช่วยชาติ 2560 โดยสินค้าที่นำมาลดหย่อนภาษีจะมีมูลค่าเท่าไหร่ก็ได้ แต่จะคิดที่สูงสุด 15,000 บาท เช่น ซื้อ iPhone X 256 GB ราคา 46,500 บาท ก็นำมาคำนวณแค่ 15,000 บาท แต่ถ้าซื้อสินค้าที่ราคาต่ำกว่า 15,000 บาทก็คิดตามจริงได้เลย
หลักฐานที่ต้องใช้
ใช้แค่ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่ระบุชื่อของเรา ต้องลงวันที่ รายการและจำนวนเงินด้วย
สรุปได้รับภาษีคืนเท่าไหร่?
การที่จะได้รับภาษีคืนเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับฐานภาษีของตัวเอง เช่น ผู้ที่มีฐานภาษี 35% หากซื้อสินค้าไป 15,000 บาท เมื่อนำไปคำนวณค่าลดหย่อนตอนยื่นแบบภาษี จะได้ภาษีคืน 5,250 บาท ในขณะที่ผู้ที่มีฐานภาษี 5% หากจ่ายซื้อสินค้าไป 15,000 บาท ก็จะได้ภาษีคืนเพียง 750 บาทเท่านั้น หรือได้ส่วนลดจากการซื้อสินค้าแค่ 5% ตัวอย่างก็ตามตารางด้านล่าง
ตัวอย่างสำหรับคนที่ซื้อ iPhone X 256 GB ราคา 46,500 บาท (คิดแค่ 15,000 บาท ตามเงื่อนไข)
ตัวอย่างสำหรับคนที่ซื้อ Huawei nova 2i ราคา 10,900 บาท
ช็อปช่วยชาติ 2560 คือลดราคาสินค้าจากป้ายเลยใช่ไหม?
คำตอบคือไม่ใช่ สมมุติว่าไปซื้อ iPhone X ราคา 46,500 บาท ก็ต้องจ่ายเงิน 46,500 บาท ต่อให้เป็นคนที่มีฐานภาษี 35% ก็ไม่ได้หมายความว่า iPhone จะลดราคาจากราคาป้ายทันที 5,250 บาท เพราะสิ่งที่ได้จากการซื้อ iPhone X ในช่วงช็อปช่วยชาติ 2560 คือเอาไปลดหย่อนภาษีที่เราต้องยื่นภาษีกับสรรพากรในต้นปี 2561 นั่นเอง
สรุปอีกที ควรซื้อมือถือในช่วงช็อปช่วยชาติหรือไม่?
ถ้าอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2560 (มีรายได้เฉลี่ยเกิน 26,000 บาทต่อเดือน) อยู่แล้ว การซื้อสมาร์ทโฟนในช่วงช็อปช่วยชาติก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีครับ ถ้ามองว่ายังไงก็ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว และตั้งใจจะซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ก็สามารถจัดได้เลย แต่อย่าลืมว่าเงินคืนภาษีที่ได้รับนั้นก็ขึ้นอยู่กับฐานภาษีด้วยเช่นกัน ถ้าฐานภาษี 5% ซื้อ iPhone X 256 GB ได้เงินลดหย่อนแค่ 750 บาทอาจจะไม่คุ้ม และทำให้เกิดเป็นหนี้ก็ได้เช่นกัน
เอาง่าย ๆ คือโครงการช็อปช่วยชาติ 2560 มันออกแบบมาจูงใจให้คนออกไปซื้อของก็จริง แต่คนที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้สูงที่สุดก็คงเป็นคนที่มีรายได้ต่อปีสูง ซึ่งก็ต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราที่สูงเช่นกัน (สูงสุดคือ 35% ของรายได้ทั้งหมด) ก็คงเหมือนของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากรัฐบาลล่ะครับ
http://www.jangkhao.org/p/20445
ส่องโปรโมชั่นร้านค้า ต้อนรับ 'ช้อปช่วยชาติ'
https://news.voicetv.co.th/business/538144.html
วันนี้ไปช้อปกันไหมคะ..!

~มาลาริน~** ความเหมือนที่แตกต่าง11 พ.ย.วันคนโสด เทศกาลช้อปอาลีบาบา🛍ไทยช้อปช่วยชาติ รบ.จัดขึ้นทุกปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
วันคนโสด มีต้นกำเนิดมาจาก“กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยหนันจิง” ได้ริเริ่มเทศกาลวันที่ 11.11 (11 พ.ย.) หรือเทศกาลกวงกุ้น ซึ่งมีความหมายตามหน้าศัพท์ว่า “กิ่งไม้ที่ว่างเปล่า” หรือเทศกาลวันว่างๆ สำหรับให้บรรดาชายหนุ่มที่ยังไม่แต่งงาน ได้ฉลองความชีวิตโสดและซื้อของขวัญให้แก่ตัวเอง ขณะเดียวกันก็เป็นวันที่กลุ่มคนโสดทั้งหญิงชายได้มีโอกาสสละโสดกัน
คนโสดแดนมังกรมีจำนวนมหาศาล เนื่องจากค่านิยมจีนแต่โบราณนั้นปรารถนาบุตรชายไว้สืบแซ่สกุล เมื่อจีนเริ่มนโยบาย“ลูกคนเดียว” ซึ่งเป็นมาตรการควบคุมประชากรอย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2522 และประกาศใช้อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2526 โดยกำหนดให้ครอบครัวในเขตเมืองมีลูกได้คนเดียวเท่านั้น ยกเว้นครอบครัวเกษตรกรในชนบทและชนกลุ่มน้อย อนุโลมให้มีลูกได้มากกว่าหนึ่งคน กฎเหล็กจากนโยบายลูกคนเดียวนี้ ยิ่งทำให้สัดส่วนระหว่างประชากรเพศชายสูงกว่าเพศหญิง จนเสียสมดุล
มีแนวโน้มว่าจะมีผู้ชายแดนมังกร ไม่ได้แต่งงานมากถึง 30 ล้านคน ภายในปี 2563 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งสร้างความปวดเศียรเวียรเกล้าแก่ผู้นำมังกรอย่างมาก ในการคิดแก้ไขปัญหา ซึ่งต้องใช้เวลานับสิบๆปีแก้ไขโครงสร้างประชากรสู่สมดุล
วันนี้ในอดีต 11 พ.ย. 2552 “นาย หม่า อวิ๋น” หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ“แจ๊ค หม่า” ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ได้เลือกวันคนโสด 11 พ.ย. จัด “เทศกาลช้อปปิ้งสุดบ้าระห่ำ” กระตุ้นให้ผู้คนจับจ่ายซื้อสินค้าทางออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการขายในช่วงฤดูกาลที่ยอดค้าปลีกซบเซา โดยในปีแรกของการจัดเทศกาลฯนั้น มีแบรนด์สินค้าเพียง 27 ราย ลดราคาสินค้าที่มาร่วมรายการ 50 เปอร์เซ็นต์
ปีแรกดันยอดขายกระฉูดถึง 52 ล้านหยวน หรือ ราว 260 ล้านบาท ในปีต่อๆ มายอดขายบนเว็บไซต์ (จีเอ็มวี)เพิ่มขึ้น เฉพาะปี2554 ยอดขายของบริษัทอีคอมเมิร์ซในเครืออาลีบาบา ที-มอลล์ (T-mall) ทะยานสูงถึง 16,800 ล้านหยวน
นับจากปี 2556 เทศกาลช้อปสุดบ้าระห่ำ เริ่มขยายวงสู่การจับจ่ายสินค้า ตามห้างร้าน ยอดขายในวันคนโสดปีนั้นสูงถึง 35,000 ล้านหยวน หรือราว 17,500 ล้านบาท
ในปี 2557 อาลีบาบาทำยอดขายผ่านที-มอลล์ และเถาเป่า ที่ 57,100 ล้านหยวน หรือราว 285,500 ล้านบาท ส่วน JD.com ขายของได้เกือบ 40 ล้านชิ้น ใน 24 ชั่วโมงของวันนั้น
ปี 2558 ยอดขายวันคนโสด ทำสถิติใหม่ ที่ 91,200 ล้านหยวน หรือราว 456,000 ล้านบาท คิดเป็น 4 เท่าของที่สหรัฐฯโกยได้ในปีที่แล้ว จากยอดขายในเทศกาลจับจ่ายซื้อสินค้า แบล็ค ฟรายเดย์ และไซเบอร์ มันเดย์ รวมกัน
ปี 2559 อ้างอิงข้อมูลจากอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซในประเทศจีน ระบุว่ามูลค่าการซื้อขายสินค้าบนเว็บไซต์ของบริษัทได้พุ่งทะยานไปอยู่ที่ 120,700 ล้านหยวน หรือมากกว่า 600,000ล้านบาท ภายในเวลา 24 ชั่วโมง
ขณะที่การขายผ่านโทรศัพท์มือถือสามารถสร้างยอดขายเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเวลา 05.31 นาที ร้อยละ 82 ของการซื้อขายเกิดขึ้นบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ ร้อยละ50 จากปีก่อน และส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่อายุน้อยกว่า 35 ปี
ความสำเร็จในครั้งนั้น "แจ๊ค หม่า"ได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่น พลังการบริโภคจีนจะพาเศรษฐกิจมังกรโชติช่วงว่า“เราเชื่อว่าวันคนโสดจะขยายวงคึกคักไปทั่วโลกภายใน 5 ปี ไปยังโตเกียว ปารีส หรือนิวยอร์ก"
“เราเชื่อว่ากลุ่มชนชั้นกลางในประเทศจีน จะเพิ่มจาก 300 ล้าน ถึง 500 ล้านในอีก 15 ปีข้างหน้า ความต้องการสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูงของพวกเขา อาจทรงพลังพอที่จะดันเศรษฐกิจให้สดใส
“เราเชื่อมั่นในเศรษฐกิจจีนเสมอ ในช่วง 5 ถึง 15 เดือนนี้ อาจเป็นยามยากลำบาก แต่ในอีก 5 ถึง 15 ปี ข้างหน้า จะเป็นยุครุ่งโรจน์ของการพัฒนาประเทศ”
ในเทศกาลช้อปปิ้งสุดบ้าระห่ำ คนงานนับแสนต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ในการส่งสินค้าทั่วประเทศ ทั้งนี้ ระบบโลจิสติกส์ยังเป็นสิ่งที่ “แจ๊ค หม่า” แห่งอาลีบาบา วิตกกังวลมากที่สุด สำหรับการส่งสินค้าในเทศกาลช้อปปิ้งสุดบ้าระห่ำแห่งวันคนโสด
เทศกกาลช้อปปิ้งสุดบ้าระห่ำสร้างความตื่นเต้นเร้าใจ ยังคงมีมาทุกๆ ปี เมื่อเหล่านักช้อปสาวกอีคอมเมิร์ซ สามารถเข้าถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ว่ากันว่า การช้อปปิ้งอันบ้าระห่ำ เคยแตะจุดสูงสุดใน 60 นาทีแรกของการเริ่มต้นวันคนโสด ด้วยการทำรายการมากกว่า 120,000 รายการต่อวินาที
โอกาสทองของแบรนด์ดังต่างชาติทั้งหลาย ก็ใช้"วันคนโสด"นี้โกยเงินก้อนโต ด้วยยอดขายก้าวกระโดดกว่าร้อยละ 47 จากกลุ่มลูกค้ามากกว่า 47 ล้านราย
อาลีบาบา เผยว่า แอปเปิล ไนกี้ นิวบาลานซ์ เพลย์บอย และสเก็ตเชอร์เป็นแบรนด์มะกันยอดนิยม ส่วนซีเมนส์ ฟิลิปส์ อะดิดาสจากฝั่งยุโรป และยูนิโคล่ พานาโซนิค ชาร์ปจากฝั่งญี่ปุ่นก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
"วันคนโสด” ของ “อาลีบาบา” ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากจีนแผ่นดินใหญ่ของเจ้าพ่อ “แจ็กหม่า”จะขนสินค้ามาลดราคาให้กับลูกค้าอย่างจัดเต็ม โดยใน ปี 2560 คาดการณ์ว่า จะสร้างยอดขายได้มากถึง 1.5 แสนล้านหยวน หรือ 7.5 แสนล้านบาท
ความชาญฉลาดของ"แจ็กหม่า"แห่งอาลีบาบา พยายามเชื่อม“โลกออนไลน์”และ“ออฟไลน์”เข้าด้วยกัน โดยให้ร้านสะดวกซื้อกว่า 6 แสนแห่ง ลงทะเบียนกับอาลีบาบา เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้า ให้ลูกค้าสามารถมาสั่งสินค้าและรับสินค้าได้ ณ ร้านสะดวกซื้อ
มหกรรมลดราคาในวันคนโสดของอาลีบาบา เพื่อให้ชาวจีนที่ยังโสดจับจ่ายเป็นการ"ปลอบใจ" ได้สร้างยอดขายมีมูลค่าแซง"เทศกาลแบล็ก ฟรายเดย์" วันขอบคุณพระเจ้า หรือ"เทศกาลไซเบอร์มันเดย์"ในสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่ปี 2555 ก่อนที่จะเพิ่มมากกว่าเป็นเท่าตัวในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน
http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/301819
ไฟเขียวลดภาษีช็อปช่วยชาติวงเงิน 15,000 บาท....
อ่านต่อได้ที่ : https://www.posttoday.com/economy/finance/524003
จะถือว่าเป็นธรรมเนียมไปแล้วก็ว่าได้สำหรับนโยบาย “ช็อปช่วยชาติ 2560” ที่รัฐบาลจัดขึ้นทุกสิ้นปี เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนอย่างปี 2559 ก็มีโครงการลักษณะนี้เกิดขึ้น โดยคีย์หลักของช็อปช่วยชาติ 2560 คือช็อปแล้วได้สิทธิในการนำมาลดหย่อนภาษี ว่าแต่จะมีเงื่อนไขอะไร, ซื้อของอะไรได้บ้าง ซื้อมือถือ หรือซื้อ iPhone จะสามารถเข้าร่วมโครงการได้หรือไม่ แล้วได้เงินคืนตอนไหน?
เงื่อนไขของช็อปช่วยชาติ
เพื่อให้ผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2560 สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการภายในประเทศระหว่างวันที่ 11 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2560 มายื่นลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยยกเว้นการซื้อสุรา ยาสูบ เบียร์ ไวน์ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ น้ำมัน ก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ รวมทั้งค่าบริการนำเที่ยวและค่าที่พักโรงแรม ซึ่งผู้มีเงินได้ต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป มาเป็นหลักฐานการซื้อสินค้าหรือรับบริการ
คนที่จะได้สิทธิลดหย่อนภาษี ต้องเป็นคนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2560 เท่านั้น ซึ่งจากโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2560 ฉบับปรับใหม่ หากมีเงินเดือนไม่ถึง 26,000 บาท หรือมีเงินได้สุทธิทั้งปีไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2560 นั่นก็หมายความว่า หากเงินเดือนไม่ถึง 26,000 บาท ก็จะไม่ได้การลดหย่อนภาษี เพราะไม่ต้องเสียภาษี โครงการช็อปช่วยชาติ 2560 ก็จะไม่มีประโยชนกับเราเลย T-T
ซื้อ iPhone หรือซื้อมือถือ เข้าร่วมโครงการช็อปช่วยชาติได้หรือไม่?
ได้แน่นอน เพราะ iPhone, สมาร์ทโฟน, มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่อยู่ในสินค้าที่ถูกยกเว้นตามเงื่อนไขด้านบน เพราะฉะนั้นสบายใจได้ครับ ถ้าเป็นผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2560 อยู่แล้ว ก็สามารถไปช็อปช่วยชาติเพื่อยื่นขอคืนภาษีได้เลย
วิธีการคำนวณคืนภาษีจากช็อปช่วยชาติ
วิธีการคำนวณก็ไม่ยากครับ ให้ทำการเทียบรายรับรวมทั้งปีของเรา ว่าอยู่ในฐานภาษีเท่าไหร่ จากนั้นนำมาเทียบกับจำนวนของเงินที่ได้จากการลดหย่อนในโครงการช็อปช่วยชาติ 2560 โดยสินค้าที่นำมาลดหย่อนภาษีจะมีมูลค่าเท่าไหร่ก็ได้ แต่จะคิดที่สูงสุด 15,000 บาท เช่น ซื้อ iPhone X 256 GB ราคา 46,500 บาท ก็นำมาคำนวณแค่ 15,000 บาท แต่ถ้าซื้อสินค้าที่ราคาต่ำกว่า 15,000 บาทก็คิดตามจริงได้เลย
หลักฐานที่ต้องใช้
ใช้แค่ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่ระบุชื่อของเรา ต้องลงวันที่ รายการและจำนวนเงินด้วย
สรุปได้รับภาษีคืนเท่าไหร่?
การที่จะได้รับภาษีคืนเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับฐานภาษีของตัวเอง เช่น ผู้ที่มีฐานภาษี 35% หากซื้อสินค้าไป 15,000 บาท เมื่อนำไปคำนวณค่าลดหย่อนตอนยื่นแบบภาษี จะได้ภาษีคืน 5,250 บาท ในขณะที่ผู้ที่มีฐานภาษี 5% หากจ่ายซื้อสินค้าไป 15,000 บาท ก็จะได้ภาษีคืนเพียง 750 บาทเท่านั้น หรือได้ส่วนลดจากการซื้อสินค้าแค่ 5% ตัวอย่างก็ตามตารางด้านล่าง
ตัวอย่างสำหรับคนที่ซื้อ iPhone X 256 GB ราคา 46,500 บาท (คิดแค่ 15,000 บาท ตามเงื่อนไข)
ตัวอย่างสำหรับคนที่ซื้อ Huawei nova 2i ราคา 10,900 บาท
ช็อปช่วยชาติ 2560 คือลดราคาสินค้าจากป้ายเลยใช่ไหม?
คำตอบคือไม่ใช่ สมมุติว่าไปซื้อ iPhone X ราคา 46,500 บาท ก็ต้องจ่ายเงิน 46,500 บาท ต่อให้เป็นคนที่มีฐานภาษี 35% ก็ไม่ได้หมายความว่า iPhone จะลดราคาจากราคาป้ายทันที 5,250 บาท เพราะสิ่งที่ได้จากการซื้อ iPhone X ในช่วงช็อปช่วยชาติ 2560 คือเอาไปลดหย่อนภาษีที่เราต้องยื่นภาษีกับสรรพากรในต้นปี 2561 นั่นเอง
สรุปอีกที ควรซื้อมือถือในช่วงช็อปช่วยชาติหรือไม่?
ถ้าอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2560 (มีรายได้เฉลี่ยเกิน 26,000 บาทต่อเดือน) อยู่แล้ว การซื้อสมาร์ทโฟนในช่วงช็อปช่วยชาติก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีครับ ถ้ามองว่ายังไงก็ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว และตั้งใจจะซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ก็สามารถจัดได้เลย แต่อย่าลืมว่าเงินคืนภาษีที่ได้รับนั้นก็ขึ้นอยู่กับฐานภาษีด้วยเช่นกัน ถ้าฐานภาษี 5% ซื้อ iPhone X 256 GB ได้เงินลดหย่อนแค่ 750 บาทอาจจะไม่คุ้ม และทำให้เกิดเป็นหนี้ก็ได้เช่นกัน
เอาง่าย ๆ คือโครงการช็อปช่วยชาติ 2560 มันออกแบบมาจูงใจให้คนออกไปซื้อของก็จริง แต่คนที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้สูงที่สุดก็คงเป็นคนที่มีรายได้ต่อปีสูง ซึ่งก็ต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราที่สูงเช่นกัน (สูงสุดคือ 35% ของรายได้ทั้งหมด) ก็คงเหมือนของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากรัฐบาลล่ะครับ
http://www.jangkhao.org/p/20445
ส่องโปรโมชั่นร้านค้า ต้อนรับ 'ช้อปช่วยชาติ'
https://news.voicetv.co.th/business/538144.html
วันนี้ไปช้อปกันไหมคะ..!