การที่นักวิจัยดาราศาสตร์ส่งคลื่นไปนอกโลกเพื่อพยายามติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว มันไม่น่ากลัวไปหน่อยเหรอ

การที่นักวิจัยดาราศาสตร์ส่งคลื่นไปนอกโลกเพื่อพยายามติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว มันไม่น่ากลัวไปหน่อยเหรอ      คือกลัวพวกมนุษย์ต่างดาวจะเข้ามาเหยียบโลกแบบในหนัง  


ปัจจุบัน ดักลัส วาคอช ประธานทีมวิจัย Messaging Extraterrestrial Intelligences (METI) ซึ่งถูกตั้งขึ้นเพื่อออกแบบข้อความที่จะสามารถส่งออกไปให้มนุษย์ต่างดาวได้ กำลังส่งข้อความออกไปนอกโลก ในความพยายามสืบหาสิ่งมีชีวิตในห้วงอวกาศ
วาคอช เชื่อว่าเอเลี่ยนจะติดต่อกับมนุษย์ภายใน 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า โดยเขาบอกว่า "ตอนที่ แฟรงค์ เดรก ดำเนินการค้นหาครั้งแรกในปี 1960 เขาทำมันโดยใช้เพียงแค่ความถี่เดียว แต่ตอนนี้เราสามารถใช้คลื่นความถี่แตกต่างกันนับพันล้าน"
ทั้งนี้ แฟรงค์ เดรก เป็นอดีตนักดาราศาสตร์ชื่อดังชาวสหรัฐฯ ซึ่งเคยทำงานในโครงการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกให้กับสำนักงานบริหารอวกาศและการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซ่า) โดยโครงการดังกล่าวจะคอยส่งสัญญาณต่างๆขึ้นไปในความพยายามติดต่อกับสิ่งมีชีวิตบนดวงดาวอื่นๆ
เวลานี้ METI กำลังพยายามติดต่อกับกับสิ่งมีชีวิตใดๆที่อยู่บนดาวเคราะห์คล้ายโลก ที่อาจเรียกว่า "โลกต่างดาว", "โลกใหม่", หรือ "โลกที่2" ซึ่งโคจรรอบดาวฤกษ์ชื่อ Proxima Centauri ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด จากนั้นภารกิจนี้จะพยายามติดต่อกับดาวต่างๆที่อยู่ห่างออกไปเป็นลำดับต่อไป

สารที่ทรงพลายุภาพจะถูกส่งออกไปอย่างซ้ำๆผ่านสัญญาณวิทยุและแสงเลเซอร์ในช่วงปลายปี 2018 แม้มีคำเตือนก่อนหน้านี้จาก สตีเฟน ฮอว์กิง นักวิทยาศาสตร์คนดังที่เคยเตือนว่าไม่ว่ามนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์ไหนๆก็อันตรายและคาดเดาได้ยาก โดยเขาเชื่อว่าการพบปะกับอารยธรรมศิวิไลซ์ จะก่อผลลัพธ์หายนะแก่มนุษยชาติ "ถ้ามนุษย์ต่างดาวเป็นมิตรก็ดีไป แต่ถ้าไม่ การส่งสารนี้ก็อาจจะเป็นการชี้เป้าให้มาโจมตีโลกของเรา"
https://mgronline.com/around/detail/9600000111565

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ผมจะยกตัวอย่างหนึ่งให้ฟัง "เรื่องสมมติฐานรังมดในป่าอเมซอน" ที่ฝรั่งเขาใช้อธิบายความเป็นไปได้เรื่องสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญานอกโลก

ทุกคนบนโลกรู้จักป่าอเมซอน เคยมีคนไปสำรวจมาแล้ว ทุกคนรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนและหลายคนก็ทราบว่าในป่านั้นมีรังมดและมีมดอาศัยอยู่

แต่ทว่า ไม่มีมนุษย์คนไหนเลยที่พยายามจะสื่อสารกับมดที่อยู่ในป่านั้น เพราะมันไม่มีความจำเป็น เนื่องจากมดเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ในสายตาเมื่อเทียบกับมาตรฐานของมนุษย์ รังมดที่อยู่ในป่านั่นก็ไม่ได้มีความสำคัญใด ๆ เลยต่ออารธรรมของเรา และมดก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในป่า ซึ่งมีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่น่าสนใจกว่า อย่างน้อยก็ลิงที่มีความเฉลียวฉลาดและเป็นญาติร่วมสายพันธุ์

ทีนี้ลองเปรียบเทียบมนุษย์เป็นมด โลกคือป่าอเมซอน และสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่ใดที่หนึ่งในเอกภพนี้เป็นมนุษย์

ในสายตาของเขา เราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ไม่มีค่าอะไรเพียงพอที่จะต้องติดต่อด้วย ไม่ได้มีความสำคัญอะไร เขาอาจจะทำลายทั้งป่าอเมซอน (โลกทั้งใบ) ได้ถ้าเขาต้องการเหมือนเราเหยียบรังมดซึ่งง่ายมากแต่ไม่รู้จะทำไปทำไม รังมดไม่ได้มีทรัพยากรอะไรที่เราต้องการมดตายก็ไม่ได้สร้างความก้าวหน้าหรือสำคัญอะไรกับอารยธรรมองมนุษย์

จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รังมด (มนุษย์) ทั้งหมดได้ถ้าจะทำ แต่มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรที่เขาจะมาทำมันอาจมีอย่างอื่นที่น่าสนใจกว่าเยอะ เขาอาจจะกำลังสำรวจขอบของเอกภพที่กำลังขยายตัวด้วยความเร็วที่มากกว่าแสงอยู่ ซึ่งเราไม่มีวันเข้าใจ สติปัญญา ประสาทสัมผัส ของเราไปไม่ถึง

เหมือนมดที่อาศัยอยู่ในรังภายในป่า มันก็คงไม่รู้จักเทคโนโลยีของมนุษย์หรืออาจจะไม่เข้าใจสถานภาพของสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นเลยด้วยซ้ำ เพราะมันมีสติปัญญาต่ำต้อยจากข้อจำกัดด้านกายภาพ มันคงไม่รู้ว่าปลาอาศัยอยู่ในน้ำ นกบินได้ เฉกเช่นมนุษย์เราที่มีแค่ประสาทสัมผัส 5 อย่างเท่านั้น อะไรที่ประสาทสัมผัสเรารับรู้ไม่ได้เราก็ยังคงไม่เข้าใจหรือเข้าใจน้อยมาก ขนาดสเปคตรัมของแสงเราก็ยังมองเห็นไม่ได้ทั้งหมด

มนุษย์ปัจจุบันอาจจะไม่สามารถทำความเข้าใจสถานภาพของรูปแบบสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาแบบนั้น หรือแบบอื่นได้เลย ด้วยข้อจำกัดทางกายภาพที่เรามี ขนาดสิ่งมีชีวิตร่วมโลกกับเราที่มีประสาทสัมผัสแตกต่างจากเราก็ยังรับรู้โลกแตกต่างจากเราเลย

มันเป็นข้อจำกัดของเผ่าพันธุ์ของเรา พวกคุณลองคิดดูมนุษย์เพิ่งจะมีอารยธรรม (แบบจดบันทึกเป็นเรื่องเป็นราว) มาเมื่อไม่กี่พันปีมานี้ เมื่อเทียบกับอายุของโลกแล้วเราเป็นแค่ชั่วพริบตาเดียวในประวัติการก่อกำเนิดดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลกด้วยซ้ำ ขนาดไดโนเสาร์เองที่เป็นสิ่งมีชีวิตร่วมโลก ครองโลกมาตั้งนานกว่าเราด้วยซ้ำไป แต่ต่างเวลาเรายังไม่เคยได้รู้จักกันเลย

ในขณะที่เอกภพมีอายุมากกว่านั้นอย่างหาที่สุดไม่ได้ อาจจะมีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่ใดที่หนึ่งมาแล้วและอาจจะล่มสลายไปแล้วก่อนที่โลกของเราจะเกิดก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

ใช่ที่ว่าเขาอาจจะเคยมาสำรวจป่าอเมซอน (โลก) แห่งนี้แล้วและรู้ว่ามีเราอยู่ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องมาติดต่อกับเรา ไม่มีความสำคัญต่อการคงอยู่ของเขา ไม่มีสาระอะไรที่จะต้องพัฒนากรรมวิธีหรือช่องทางการสื่อสารกับมด

สักวันหนึ่งที่เราอาจจะวิวัฒน์มากพอที่จะสื่อสารกับเขาได้ เมื่อนั้นเขาอาจจะเริ่มสื่อสารกับเราก็ได้

ป.ล. คุณ จขกท ลองคิดดู ชิมแปนซี เป็นไพรเมทที่มีสมองต่างจากเราเพียงแค่ 3% เท่านั้นแต่ 3% นี้ แยกสัตว์เดียรัจฉานอย่างลิง กับมนุษย์ออกด้วยความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ลองจินตนาการดูว่า สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่ไหนสักแห่งในเอกภพ อาจมีความฉลาดมากกว่าเราจะสามารถจินตนาการได้ อย่างที่บอก การติดต่อกับเราไม่ใช่สาระสำคัญอะไรกับเขาเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่