ปิดฉากรถเมล์-รถไฟฟรี วันแรกเริ่ม ใช้บัตรคนจนนั่งรถเมล์ – รถไฟ.ในพื้นที่ 7 จังหวัด กรุงเทพฯ ปริมณฑล
วันนี้ (1 พ.ย. 2560) ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในพื้นที่ 7 จังหวัด กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะได้ใช้สิทธิ์เดินทางด้วยรถเมล์ ขสมก. และรถไฟ เดือนละ 500 บาท หลังจากเลื่อนการใช้บัตรมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม จะสามารถใช้บัตรสวัสดิการฯ ในการเดินทางด้วยรถเมล์ ขสมก. และรถไฟ ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และรักษาการผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย ยืนยัน ความพร้อมการใช้บัตรสวัสดิการฯ เพื่อขึ้นรถไฟ หลังติดตั้งเครื่องรูดบัตรอัตโนมัติ หรือ EDC (อีดีซี) ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว โดยมีเงินช่วยเหลือค่าใช่จ่ายในการเดินทาง เดือนละ 500 บาท สามารถซื้อตั๋วได้ทุกขบวน ทุกชั้นที่นั่ง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง / หากซื้อตั๋วเกินวงเงินที่ได้รับ จะต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มเติม และจะตัดยอดวงเงินทุกเดือน
ส่วนรถเมล์ ขสมก. 800 คัน พร้อมรับบัตรสวัสดิการฯ เช่นกัน โดยมีรถเมล์ร้อน 100 คัน ติดตั้งระบบ E-Ticket สมบูรณ์แล้ว อีก 250 คัน จะใช้ระบบสมาร์ทโฟน ให้ใช้บัตรแตะ ที่เหลือ 450 คัน จะใช้วิธีจดบันทึกด้วยพนักงาน ข้างรถจะติดสติกเกอร์สีเขียว ระบุว่า "รถคันนี้รองรับระบบ E-Ticket และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"
นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. สั่งกระทรวงการคลัง พิจารณามาตรการช้อปช่วยชาติ ในปี 2560 ให้เกิดความรัดกุม และจะขยายเวลาดำเนินมาตรการนานขึ้น เพื่อเพิ่มการหมุนเวียน ใช้จ่ายเงินภายในประเทศให้มากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปี
ที่มา:
https://news.voicetv.co.th/thailand/536026.html
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เปิดให้ประชาชนใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรผู้มีรายได้น้อยรูดบัตรจากเครื่องรับบัตรอัตโนมัติ Electronic Data Captureหรือเครื่องอีดีซี (EDC) ประจำสถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศรวม 444 สถานี รวม 534 เครื่อง ที่จำหน่ายตั๋วด้วยคอมพิวเตอร์ระบบ STARS – 2 เพื่อใช้เดินทางได้ครั้งละ 500 บาทต่อเดือน พร้อมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ที่เปิดให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้บัตรขึ้นรถเมล์ ขสมก.600 คันเป็นวันแรกเช่นเดียวกัน นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการให้บริการระบบเครื่องแสกนตั๋วอัตโนมัติ (อีทิคเก็ต) ว่า พบว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นที่พอใจในระดับหนึ่ง เนื่องจากประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังไม่ค่อยมาใช้บริการ และจากการสอบถามประชาชนที่ใช้บริการรถเมล์ทราบว่าบางคนยังไม่เข้าใจวิธีการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับระบบอีทิคเก็ต จึงได้อธิบายว่าให้สังเกตรถโดยสารที่รองรับการให้บริการจะมีสติ๊กเกอร์สีเขียวข้อความ “รถคันนี้รองรับระบบ E-Ticket และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ติดบริเวณกระจกด้านหน้า-หลังรถโดยสาร และบริเวณประตูทางขึ้น
นอกจากนี้จะจัดนายตรวจ สายตรวจพิเศษพนักงาน เพื่อประชาสัมพันธ์วิธีการใช้งานให้ประชาชนได้รับรู้ในป้ายรถเมล์จุดใหญ่ๆ ที่มีประชาชนใช้บริการหนาแน่นในกรุงเทพฯ ประมาณ 30 ป้าย เช่น บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ป้ายรถเมล์สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จตุจักรทั้ง 2 ฝั่ง เป็นต้น เพื่อดูแลประชาชนในช่วงเร่งด่วน ทั้งเช้าและเย็น รวมทั้งใส่ข้อมูลประชาสัมพันธ์บนจอป้ายบอกทางในรถเมล์ทุกคันไว้ด้วย โดยสามารถใช้งานกับรถเมล์ธรรมดา 800 คัน ใน 3 รูปแบบ ได้แก่1.รถเมล์ธรรมดาติดตั้งเครื่องอ่านบัตรอีทิคเก็ต 100 คัน โดยผู้ถือบัตร ขึ้น-ลงรถได้ทั้ง 2 ประตู และต้องนำบัตรมาแตะที่เครื่องอ่านบัตรที่ติดตั้งอยู่ที่ประตูรถทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้เครื่องอ่านบัตรหักค่าโดยสารจากวงเงินในบัตร 2.รถเมล์ธรรมดาที่มีพนักงานเก็บค่าโดยสารให้บริการสมาร์ทโฟน 250 คัน ผู้ถือบัตรขึ้น-ลงรถได้ทั้ง 2 ประตู และต้องนำบัตรมาแตะที่สมาร์ทโฟนของพนักงานเก็บค่าโดยสารเพียงครั้งเดียว แทนการแตะที่เครื่องอ่านบัตร เพื่อให้สมาร์ทโฟน หักค่าโดยสารจากวงเงินในบัตร และ 3.ส่วนที่เหลืออีก 450 คัน ขสมก.จะให้พนักงานเก็บค่าโดยสารบันทึกหลักฐาน โดยผู้ถือบัตรจะต้องแสดงบัตรก่อนใช้บริการ
นายประยูร กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ติดตั้งอีทิคเก็ตยังไม่ครบ 800 คัน และต้องใช้ระบบอื่นช่วย ขสมก.ได้ทำการบันทึกข้อตกลงกับบริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ค่าโดยสารที่เก็บได้ทั้งหมดต้องส่งให้กับ ขสมก. หลังจากนี้ภายใน 1 สัปดาห์จะประเมินทั้งความพึงพอใจ ความสะดวกสบายของผู้โดยสารที่ใช้งาน พนักงานที่ให้บริการ เพื่อนำมาแก้ไขปรับปรุงระบบอีทิคเก็ต ทั้งนี้จะติดตั้งอีทิคเก็ตในรถเมล์ธรรมดาให้มีความพร้อมในการใช้งานแบบสมบูรณ์ครบทั้ง 800 คัน ภายใน 16 พ.ย.60 จากนั้นช่วงหลังปีใหม่ จะทยอยติดตั้งอีทิตเก็ตในรถเมล์ปรับอากาศ เพื่อติดตั้งให้ครบทั้ง 2,600 คัน ภายใน มิ.ย.61
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมนายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการเดินรถ ลงพื้นที่ตรวจบรรยากาศประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เดินทางด้วยรถไฟใช้งานเครื่องติดตั้งเครื่องรับบัตรอัตโนมัติ Electronic Data Capture (เครื่อง EDC) เป็นวันแรก
นายอานนท์ กล่าวว่า การให้บริการวันแรกมีข้อบกพร่องทำให้ระบบในการจองตั๋วล่มเป็นระยะ เนื่องจากมีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะสถานีรถไฟหัวลำโพง ทำให้ระบบอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อระหว่างซิมการ์ดของทรู คอร์ปอเรชั่น กับระบบจองตั๋วที่ ธนาคารกรุงไทยมาติดตั้งมีช่องสัญญาณเต็มทำให้ระบบล่ม ต้องมีการรีเซตระบบตลอดเวลา จึงแก้ไขปัญหาระยะสั้น โดยให้ผู้จองตั๋วที่ไม่สามารถซื้อตั๋วผ่านบัตรสวัสดิการได้และใกล้เวลารถไฟออก ให้เจ้าหน้าที่เรียกผู้โดยสารมาใช้บริการก่อน ส่วนระยะยาว จะแบ่งเคาน์เตอร์การจำหน่ายตั๋วโดยสารระหว่างตั๋วที่ซื้อผ่านเงินสด และ เคาน์เตอร์ที่ซื้อตั๋วผ่านระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างชัดเจน
นอกจากนี้จะหารือผู้เกี่ยวข้องเพื่อสำรองระบบการจองตั๋วจากเดิมเชื่อมต่อระบบซิมการ์ด มาเป็นระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสาย หรือ ระบบ ADSL เพื่อรองรับปริมณการใข้งานที่หนาแน่นได้ ทั้งนี้ได้สั่งการให้ธนาคารกรุงไทยผู้ดูแลระบบเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ คาดว่าจะจัดการทุกอย่างให้มีความเสถียรภาพภายในเวลา 1-2 วัน
นายอานนท์ กล่าวอีกว่า จากการประเมิน ประชาชนที่มาใช้บริการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในส่วนของ รถไฟ คาดว่า จะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 15,000 คน ต่อวัน หรือคิดเป็นเกือบ 20% ของปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันที่ใช้บริการรถไฟ จำนวน 80,000 คน อย่างไรก็ตาม ประชาชนผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถนำบัตรดังกล่าวจองตั๋วล่วงหน้าได้ ซึ่งคาดว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ จะมีประชาขน นำบัตรสวัสดิการมาใช้บริการจองตั๋วล่วงหน้าเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน ทั้งนี้ รฟท.ได้ติดตั้งเครื่องอ่านบัตรทั้งหมด 534 เครื่องในสถานีรถไฟทั่วประเทศจำนวน 444 สถานี แบ่งเป็นการติดตั้งที่สถานีหัวลำโพง 22 เครื่อง
นายอานนท์ กล่าวอีกว่า สำหรับรูปแบบการใช้บัตรสวัสดิการนั้นสามารถซื้อร่วมกับเงินสดได้ เช่น ใช้เงินในบัตร 200 บาทซื้อตั๋วราคา 300 บาท โดยจ่ายเป็นเงิดสดเพิ่มอีก 100 บาท ขณะที่การใช้บัตรสวัสดิการจองตั๋วนั้นจะตัดยอดในแต่ละเดือน แต่สามารถจองล่วงหน้าได้ก่อน 60 วัน โดยจะตรวจสอบสิทธิที่เหลือในวงเงิน โดยเครื่อง EDC ก่อนดำเนินการจำหน่ายตั๋วทุกครั้ง และเมื่อครบ 1 เดือนแล้ว หากใช้เดินทางโดยรถไฟไม่ครบ วงเงินนั้นจะถูกยกเลิกไป กรณีการคืนเงินค่าตั๋วโดยสาร หากผู้ถือบัตรซื้อตั๋วที่จ่ายเงินโดยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือจ่ายเงินสดเพิ่มในส่วนต่างไปแล้ว ไม่ประสงค์จะเดินทาง สามารถเลื่อนวันเดินทางได้ โดยให้เลื่อนตามประเภทขบวนรถ ชั้นที่นั่งเดิมที่ออกตั๋วไว้
ด้านนายกฤตบุญ แน่วแน่ อายุ 44 ปี อาชีพรับจ้างแสดงงิ้ว ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มาใช้บริการรถไฟ กล่าวว่า ใช้บริการรถไฟเป็นประจำ เพราะรับจ้างแสดงงิ้วทั่วประเทศ วันนี้เดินทางออกจากบ้านที่ จ.ราชบุรี มาที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อไปแสดงงิ้วที่ จ.นครสวรรค์ โดยมาถึงสถานีหัวลำโพงตั้งแต่เวลา 11.00 น. แล้วรอต่อคิวซื้อบัตรโดยสาร เพื่อทันรถไฟขบวนที่ผ่าน จ.นครสวรรค์ ออกเวลา 12.00 น. แต่ล่าช้าไปเนื่องจากวันนี้มีประชาชนใช้บริการรถไฟจำนวนมาก ทำให้ต้องเสียเวลารอคิวนานกว่าจะได้รับบัตรโดยสารประมาณ 13.30 น. ทำให้ได้ขึ้นขบวนรถไฟกรุงเทพฯ-นครสวรรค์ ที่ออกเวลา 13.45 น. พอดี
อ่านต่อที่ :
https://www.dailynews.co.th/economic/607625
ค่อยๆปรับแก้ไขกันไปค่ะ..ในที่สุดก็จะเป็นปกติ
ยินดีกับคนใช้สิทธิ์นะคะ
~มาลาริน~**วันนี้วันแรกเริ่ม ใช้บัตรคนจนนั่งรถเมล์–รถไฟ.ในพื้นที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ..ปิดฉากรถเมล์-รถไฟฟรี
ปิดฉากรถเมล์-รถไฟฟรี วันแรกเริ่ม ใช้บัตรคนจนนั่งรถเมล์ – รถไฟ.ในพื้นที่ 7 จังหวัด กรุงเทพฯ ปริมณฑล
วันนี้ (1 พ.ย. 2560) ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในพื้นที่ 7 จังหวัด กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะได้ใช้สิทธิ์เดินทางด้วยรถเมล์ ขสมก. และรถไฟ เดือนละ 500 บาท หลังจากเลื่อนการใช้บัตรมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม จะสามารถใช้บัตรสวัสดิการฯ ในการเดินทางด้วยรถเมล์ ขสมก. และรถไฟ ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และรักษาการผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย ยืนยัน ความพร้อมการใช้บัตรสวัสดิการฯ เพื่อขึ้นรถไฟ หลังติดตั้งเครื่องรูดบัตรอัตโนมัติ หรือ EDC (อีดีซี) ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว โดยมีเงินช่วยเหลือค่าใช่จ่ายในการเดินทาง เดือนละ 500 บาท สามารถซื้อตั๋วได้ทุกขบวน ทุกชั้นที่นั่ง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง / หากซื้อตั๋วเกินวงเงินที่ได้รับ จะต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มเติม และจะตัดยอดวงเงินทุกเดือน
ส่วนรถเมล์ ขสมก. 800 คัน พร้อมรับบัตรสวัสดิการฯ เช่นกัน โดยมีรถเมล์ร้อน 100 คัน ติดตั้งระบบ E-Ticket สมบูรณ์แล้ว อีก 250 คัน จะใช้ระบบสมาร์ทโฟน ให้ใช้บัตรแตะ ที่เหลือ 450 คัน จะใช้วิธีจดบันทึกด้วยพนักงาน ข้างรถจะติดสติกเกอร์สีเขียว ระบุว่า "รถคันนี้รองรับระบบ E-Ticket และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"
นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. สั่งกระทรวงการคลัง พิจารณามาตรการช้อปช่วยชาติ ในปี 2560 ให้เกิดความรัดกุม และจะขยายเวลาดำเนินมาตรการนานขึ้น เพื่อเพิ่มการหมุนเวียน ใช้จ่ายเงินภายในประเทศให้มากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปี
ที่มา: https://news.voicetv.co.th/thailand/536026.html
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เปิดให้ประชาชนใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรผู้มีรายได้น้อยรูดบัตรจากเครื่องรับบัตรอัตโนมัติ Electronic Data Captureหรือเครื่องอีดีซี (EDC) ประจำสถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศรวม 444 สถานี รวม 534 เครื่อง ที่จำหน่ายตั๋วด้วยคอมพิวเตอร์ระบบ STARS – 2 เพื่อใช้เดินทางได้ครั้งละ 500 บาทต่อเดือน พร้อมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ที่เปิดให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้บัตรขึ้นรถเมล์ ขสมก.600 คันเป็นวันแรกเช่นเดียวกัน นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการให้บริการระบบเครื่องแสกนตั๋วอัตโนมัติ (อีทิคเก็ต) ว่า พบว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นที่พอใจในระดับหนึ่ง เนื่องจากประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังไม่ค่อยมาใช้บริการ และจากการสอบถามประชาชนที่ใช้บริการรถเมล์ทราบว่าบางคนยังไม่เข้าใจวิธีการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับระบบอีทิคเก็ต จึงได้อธิบายว่าให้สังเกตรถโดยสารที่รองรับการให้บริการจะมีสติ๊กเกอร์สีเขียวข้อความ “รถคันนี้รองรับระบบ E-Ticket และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ติดบริเวณกระจกด้านหน้า-หลังรถโดยสาร และบริเวณประตูทางขึ้น
นอกจากนี้จะจัดนายตรวจ สายตรวจพิเศษพนักงาน เพื่อประชาสัมพันธ์วิธีการใช้งานให้ประชาชนได้รับรู้ในป้ายรถเมล์จุดใหญ่ๆ ที่มีประชาชนใช้บริการหนาแน่นในกรุงเทพฯ ประมาณ 30 ป้าย เช่น บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ป้ายรถเมล์สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จตุจักรทั้ง 2 ฝั่ง เป็นต้น เพื่อดูแลประชาชนในช่วงเร่งด่วน ทั้งเช้าและเย็น รวมทั้งใส่ข้อมูลประชาสัมพันธ์บนจอป้ายบอกทางในรถเมล์ทุกคันไว้ด้วย โดยสามารถใช้งานกับรถเมล์ธรรมดา 800 คัน ใน 3 รูปแบบ ได้แก่1.รถเมล์ธรรมดาติดตั้งเครื่องอ่านบัตรอีทิคเก็ต 100 คัน โดยผู้ถือบัตร ขึ้น-ลงรถได้ทั้ง 2 ประตู และต้องนำบัตรมาแตะที่เครื่องอ่านบัตรที่ติดตั้งอยู่ที่ประตูรถทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้เครื่องอ่านบัตรหักค่าโดยสารจากวงเงินในบัตร 2.รถเมล์ธรรมดาที่มีพนักงานเก็บค่าโดยสารให้บริการสมาร์ทโฟน 250 คัน ผู้ถือบัตรขึ้น-ลงรถได้ทั้ง 2 ประตู และต้องนำบัตรมาแตะที่สมาร์ทโฟนของพนักงานเก็บค่าโดยสารเพียงครั้งเดียว แทนการแตะที่เครื่องอ่านบัตร เพื่อให้สมาร์ทโฟน หักค่าโดยสารจากวงเงินในบัตร และ 3.ส่วนที่เหลืออีก 450 คัน ขสมก.จะให้พนักงานเก็บค่าโดยสารบันทึกหลักฐาน โดยผู้ถือบัตรจะต้องแสดงบัตรก่อนใช้บริการ
นายประยูร กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ติดตั้งอีทิคเก็ตยังไม่ครบ 800 คัน และต้องใช้ระบบอื่นช่วย ขสมก.ได้ทำการบันทึกข้อตกลงกับบริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ค่าโดยสารที่เก็บได้ทั้งหมดต้องส่งให้กับ ขสมก. หลังจากนี้ภายใน 1 สัปดาห์จะประเมินทั้งความพึงพอใจ ความสะดวกสบายของผู้โดยสารที่ใช้งาน พนักงานที่ให้บริการ เพื่อนำมาแก้ไขปรับปรุงระบบอีทิคเก็ต ทั้งนี้จะติดตั้งอีทิคเก็ตในรถเมล์ธรรมดาให้มีความพร้อมในการใช้งานแบบสมบูรณ์ครบทั้ง 800 คัน ภายใน 16 พ.ย.60 จากนั้นช่วงหลังปีใหม่ จะทยอยติดตั้งอีทิตเก็ตในรถเมล์ปรับอากาศ เพื่อติดตั้งให้ครบทั้ง 2,600 คัน ภายใน มิ.ย.61
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมนายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการเดินรถ ลงพื้นที่ตรวจบรรยากาศประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เดินทางด้วยรถไฟใช้งานเครื่องติดตั้งเครื่องรับบัตรอัตโนมัติ Electronic Data Capture (เครื่อง EDC) เป็นวันแรก
นายอานนท์ กล่าวว่า การให้บริการวันแรกมีข้อบกพร่องทำให้ระบบในการจองตั๋วล่มเป็นระยะ เนื่องจากมีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะสถานีรถไฟหัวลำโพง ทำให้ระบบอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อระหว่างซิมการ์ดของทรู คอร์ปอเรชั่น กับระบบจองตั๋วที่ ธนาคารกรุงไทยมาติดตั้งมีช่องสัญญาณเต็มทำให้ระบบล่ม ต้องมีการรีเซตระบบตลอดเวลา จึงแก้ไขปัญหาระยะสั้น โดยให้ผู้จองตั๋วที่ไม่สามารถซื้อตั๋วผ่านบัตรสวัสดิการได้และใกล้เวลารถไฟออก ให้เจ้าหน้าที่เรียกผู้โดยสารมาใช้บริการก่อน ส่วนระยะยาว จะแบ่งเคาน์เตอร์การจำหน่ายตั๋วโดยสารระหว่างตั๋วที่ซื้อผ่านเงินสด และ เคาน์เตอร์ที่ซื้อตั๋วผ่านระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างชัดเจน
นอกจากนี้จะหารือผู้เกี่ยวข้องเพื่อสำรองระบบการจองตั๋วจากเดิมเชื่อมต่อระบบซิมการ์ด มาเป็นระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสาย หรือ ระบบ ADSL เพื่อรองรับปริมณการใข้งานที่หนาแน่นได้ ทั้งนี้ได้สั่งการให้ธนาคารกรุงไทยผู้ดูแลระบบเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ คาดว่าจะจัดการทุกอย่างให้มีความเสถียรภาพภายในเวลา 1-2 วัน
นายอานนท์ กล่าวอีกว่า จากการประเมิน ประชาชนที่มาใช้บริการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในส่วนของ รถไฟ คาดว่า จะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 15,000 คน ต่อวัน หรือคิดเป็นเกือบ 20% ของปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันที่ใช้บริการรถไฟ จำนวน 80,000 คน อย่างไรก็ตาม ประชาชนผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถนำบัตรดังกล่าวจองตั๋วล่วงหน้าได้ ซึ่งคาดว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ จะมีประชาขน นำบัตรสวัสดิการมาใช้บริการจองตั๋วล่วงหน้าเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน ทั้งนี้ รฟท.ได้ติดตั้งเครื่องอ่านบัตรทั้งหมด 534 เครื่องในสถานีรถไฟทั่วประเทศจำนวน 444 สถานี แบ่งเป็นการติดตั้งที่สถานีหัวลำโพง 22 เครื่อง
นายอานนท์ กล่าวอีกว่า สำหรับรูปแบบการใช้บัตรสวัสดิการนั้นสามารถซื้อร่วมกับเงินสดได้ เช่น ใช้เงินในบัตร 200 บาทซื้อตั๋วราคา 300 บาท โดยจ่ายเป็นเงิดสดเพิ่มอีก 100 บาท ขณะที่การใช้บัตรสวัสดิการจองตั๋วนั้นจะตัดยอดในแต่ละเดือน แต่สามารถจองล่วงหน้าได้ก่อน 60 วัน โดยจะตรวจสอบสิทธิที่เหลือในวงเงิน โดยเครื่อง EDC ก่อนดำเนินการจำหน่ายตั๋วทุกครั้ง และเมื่อครบ 1 เดือนแล้ว หากใช้เดินทางโดยรถไฟไม่ครบ วงเงินนั้นจะถูกยกเลิกไป กรณีการคืนเงินค่าตั๋วโดยสาร หากผู้ถือบัตรซื้อตั๋วที่จ่ายเงินโดยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือจ่ายเงินสดเพิ่มในส่วนต่างไปแล้ว ไม่ประสงค์จะเดินทาง สามารถเลื่อนวันเดินทางได้ โดยให้เลื่อนตามประเภทขบวนรถ ชั้นที่นั่งเดิมที่ออกตั๋วไว้
ด้านนายกฤตบุญ แน่วแน่ อายุ 44 ปี อาชีพรับจ้างแสดงงิ้ว ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มาใช้บริการรถไฟ กล่าวว่า ใช้บริการรถไฟเป็นประจำ เพราะรับจ้างแสดงงิ้วทั่วประเทศ วันนี้เดินทางออกจากบ้านที่ จ.ราชบุรี มาที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อไปแสดงงิ้วที่ จ.นครสวรรค์ โดยมาถึงสถานีหัวลำโพงตั้งแต่เวลา 11.00 น. แล้วรอต่อคิวซื้อบัตรโดยสาร เพื่อทันรถไฟขบวนที่ผ่าน จ.นครสวรรค์ ออกเวลา 12.00 น. แต่ล่าช้าไปเนื่องจากวันนี้มีประชาชนใช้บริการรถไฟจำนวนมาก ทำให้ต้องเสียเวลารอคิวนานกว่าจะได้รับบัตรโดยสารประมาณ 13.30 น. ทำให้ได้ขึ้นขบวนรถไฟกรุงเทพฯ-นครสวรรค์ ที่ออกเวลา 13.45 น. พอดี
อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/economic/607625
ค่อยๆปรับแก้ไขกันไปค่ะ..ในที่สุดก็จะเป็นปกติ
ยินดีกับคนใช้สิทธิ์นะคะ