เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์เกิดเวลาใกล้เคียงกัน ครั้งนึงเราเป็นคนข้ามถนนอีกครั้งนึงเราเป็นคนขับรถ
อาทิตย์ก่อนอุ้มลูก 2 ขวบข้ามถนน ด้านหลัง มจธ. กดปุ่มไฟรอข้ามถนน พอสัญญาณไฟของคนข้ามสีเขียว ซึ่งแน่นอนว่าสัญญาณไฟฝั่งรถต้องเป็นสีแดง เราหันขวามองเห็นรถชะลอมาแต่ไกลแล้วก็หยุด เราเลยเดินอุ้มลูกข้ามมาถึงเส้นเหลืองกลางถนน มองดูไฟเขียวคนข้ามยังเหลืออีก 10 กว่าวินาที โชคดีที่หยุดดูซ้ายก่อนเพราะภาพที่เห็นคือ รถเก๋งวิ่งเลนขวาเร่งเครื่องมาอย่างแรงไม่มีท่าทีจะหยุดแล้วก็ผ่านเราไป
และกำลังจะก้าวข้ามแต่..รถเมล์สาย 75 เพิ่งเบนหัวออกจากป้ายรถห่างจากทางม้าลายไม่มาก เสียงคันเร่งดังฮึ่มๆมาแต่ไกล นึกในใจเขาจะหยุดหรือป่าว วิ่งข้ามก็เหมือนจะทัน แต่อุ้มลูกอยู่ไม่เสี่ยงดีกว่า แล้วก็ตามคาด รถเมล์ผ่าไฟแดงไปอีกคัน นึกในใจ..ลำพังตัวเรายังไม่เท่าไหร่ แต่เราอุ้มเด็กเล็กอยู่ ทำไมใจร้ายกันจังแถมตั้งใจทำผิดกฎหมายฝ่าสัญญาณไฟ แล้วถ้าเราเชื่อในสัญญาณไฟคนข้ามเรากับลูกคง....
ถัดไปไม่กี่วัน ระหว่างขับรถเจอผู้หญิงกับเด็กสักสิบขวบยืนรอข้ามทางม้าลาย เป็นทางม้าลายที่ไม่มีไฟจราจร เราขับอยู่เลนขวา หยุดรถให้ แต่เลนซ้ายทั้งรถยนต์รถมอเตอร์ไซค์ผ่านไปเกือบสิบคันไม่มีคันไหนหยุดเลย คนข้ามก็ข้ามไม่ได้สักที เราเลยต้องขับรถไป เกรงใจรถคันหลัง (คันหลังใจดีไม่บีบแตรไล่)
ที่จริงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทำเครื่องหมายให้ชัดเจนเวลาใกล้ถึงทางม้าลายเหมือนถนนอโศก (แต่ช่วยทำก่อนเกิดเหตุ) เพราะถ้าไม่ใช่ถนนสายที่ขับอยู่ประจำ บางทีคนขับก็ไม่ทันสังเกตเหมือนกันว่าเป็นทางม้าลาย
แต่สิ่งสำคัญคือ จิตสำนึกของคนขับรถทั้งหลาย เราเชื่อว่าแทบทุกคนก็ใช้ถนนเส้นเดิมๆนี่แหละทุกวัน ต่างก็รู้ดีว่าตรงไหนมีทางม้าลาย แต่ไม่เคยคิดว่า “หน้าที่” ของคนขับรถคือต้องหยุดรถตรงทางม้าลายให้คนข้าม แค่หยุดรถ 30 วินาที คงไม่ได้ทำให้ถึงที่หมายช้าลงสักเท่าไหร่
เป็นความรู้สึกส่วนตัว...เห็นรถคันไหนหยุดรถให้คนข้ามถนนตรงทางม้าลาย เหมือนได้เห็นผู้เจริญแล้ว...
ทางม้าลาย...หยุดรถกันสักนิดเถอะ
อาทิตย์ก่อนอุ้มลูก 2 ขวบข้ามถนน ด้านหลัง มจธ. กดปุ่มไฟรอข้ามถนน พอสัญญาณไฟของคนข้ามสีเขียว ซึ่งแน่นอนว่าสัญญาณไฟฝั่งรถต้องเป็นสีแดง เราหันขวามองเห็นรถชะลอมาแต่ไกลแล้วก็หยุด เราเลยเดินอุ้มลูกข้ามมาถึงเส้นเหลืองกลางถนน มองดูไฟเขียวคนข้ามยังเหลืออีก 10 กว่าวินาที โชคดีที่หยุดดูซ้ายก่อนเพราะภาพที่เห็นคือ รถเก๋งวิ่งเลนขวาเร่งเครื่องมาอย่างแรงไม่มีท่าทีจะหยุดแล้วก็ผ่านเราไป
และกำลังจะก้าวข้ามแต่..รถเมล์สาย 75 เพิ่งเบนหัวออกจากป้ายรถห่างจากทางม้าลายไม่มาก เสียงคันเร่งดังฮึ่มๆมาแต่ไกล นึกในใจเขาจะหยุดหรือป่าว วิ่งข้ามก็เหมือนจะทัน แต่อุ้มลูกอยู่ไม่เสี่ยงดีกว่า แล้วก็ตามคาด รถเมล์ผ่าไฟแดงไปอีกคัน นึกในใจ..ลำพังตัวเรายังไม่เท่าไหร่ แต่เราอุ้มเด็กเล็กอยู่ ทำไมใจร้ายกันจังแถมตั้งใจทำผิดกฎหมายฝ่าสัญญาณไฟ แล้วถ้าเราเชื่อในสัญญาณไฟคนข้ามเรากับลูกคง....
ถัดไปไม่กี่วัน ระหว่างขับรถเจอผู้หญิงกับเด็กสักสิบขวบยืนรอข้ามทางม้าลาย เป็นทางม้าลายที่ไม่มีไฟจราจร เราขับอยู่เลนขวา หยุดรถให้ แต่เลนซ้ายทั้งรถยนต์รถมอเตอร์ไซค์ผ่านไปเกือบสิบคันไม่มีคันไหนหยุดเลย คนข้ามก็ข้ามไม่ได้สักที เราเลยต้องขับรถไป เกรงใจรถคันหลัง (คันหลังใจดีไม่บีบแตรไล่)
ที่จริงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทำเครื่องหมายให้ชัดเจนเวลาใกล้ถึงทางม้าลายเหมือนถนนอโศก (แต่ช่วยทำก่อนเกิดเหตุ) เพราะถ้าไม่ใช่ถนนสายที่ขับอยู่ประจำ บางทีคนขับก็ไม่ทันสังเกตเหมือนกันว่าเป็นทางม้าลาย
แต่สิ่งสำคัญคือ จิตสำนึกของคนขับรถทั้งหลาย เราเชื่อว่าแทบทุกคนก็ใช้ถนนเส้นเดิมๆนี่แหละทุกวัน ต่างก็รู้ดีว่าตรงไหนมีทางม้าลาย แต่ไม่เคยคิดว่า “หน้าที่” ของคนขับรถคือต้องหยุดรถตรงทางม้าลายให้คนข้าม แค่หยุดรถ 30 วินาที คงไม่ได้ทำให้ถึงที่หมายช้าลงสักเท่าไหร่
เป็นความรู้สึกส่วนตัว...เห็นรถคันไหนหยุดรถให้คนข้ามถนนตรงทางม้าลาย เหมือนได้เห็นผู้เจริญแล้ว...