การทำงานของซาตาน 4 ครั้งเพื่อขัดขวางไม่ให้ผู้เชื่อเติบโต
*เมื่อซาตานเอาชนะพระเยซูไม่ได้ (มธ 4:1-11) มันจึงหันมาขัดขวางคนทั้งหลายที่ติดตามพระเยซู สี่ครั้ง (มธ 13: 3-52)
*(มธ. บทที่ 13 คือเหตุกาลตั้งแต่พระเยซูเริ่มต้นออกไปหว่านพืช จนถึงวันพิพากษา)
1. การขัดขวางครั้งแรก = ขัดขวางไม่ให้ผู้เชื่อได้พบ “ราชอาณาจักรสวรรค์” (มธ 6:33; 13:4)
- ผู้เชื่อส่วนมากทุกวันนี้ยังไม่ได้พบข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักรสวรรค์ ซื่งเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า. เขาได้พบเพียงแต่ข่าวประเสริญเรื่องพระเยซูคริสต์และเรื่องความรอดเท่านั้น.
- “ดินตามถนน” เป็นดินที่แน่นและแก่นมากเพราะผู้คนเดินผ่านไปๆ มาๆ ทุกวัน” “ดินตามถนน” คือจิตใจของผู้เชื่อที่ถูกสอนเรื่องแสวงหาความรอดไปสวรรค์ จนแก่นแน่นแล้วและไม่สามารถที่จะรับ ข่าวประเสริญเรื่องราชอาณาจักรสวรรค์ ได้อีกแล้ว (อาณาจักรนี้จะลงมาตั้งอยู่บนโลกนี้พร้อมกับพระเยซูในยุคพันปี และต่อเนื่องไปจนถึงนิรัดรกาล ....รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม อยู่ที่กลุ่มผู้ชนะนะ ชื่อเรื่อง ข้อลึกลับแห่งราชอาณาจักรสวรรค์ ครับ)
- เมื่อผู้เชื่อพบพระเยซู และความรอด ก็คิดว่าพบสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ก็เลยไม่แสวงหาราชอาณาจักรตามคำสั่งของพระเยซูใน มธ 6:33 ผู้เชื่อยังเข้าใจผิดคิดว่า ราชอาณาจักรดังกล่าวก็คือสวรรค์นั่นเอง จืงเปลี่ยนคำว่า “ราชอาณาจักรของพระเจ้า” เป็น “แผ่นดินของพระเจ้า”
- เป็นชัยชนะของซาตานในท่ามกลางผู้เชื่อทั้งหลาย ที่ทุกวันนี้ยังไม่ได้พบราชอาณาจักรสวรรค์นี้ เขาพบพระเจ้าและความรอดเท่านั้น.
-
เพราะฉนั้น การทำงานของมารซาตาน บวกกับจิตใจที่หยิ่งยะโสคิดว่ารู้หมดแล้ว จืงทำให้เราไม่ได้พบราชอาณาจักรและจะไม่ได้เข้าไปข้างใน เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา (มธ 7:21-23) เพราะว่าพระเจ้าทรงเปิดเผยให้คนที่ถ่อมแท้เท่านั้นได้พบ (มธ 13:11, 17, 19, 34)
- เมื่อข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักรสวรรค์ ไปไม่ถึงทั่วโลก พระเยซูก็ยังมาไม่ได้ (มธ 24:14 ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรนี้จะประกาศไปทั่วโลกให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลาย(ยุคสุดท้ายหรือยุคพันปี) จะมาถึง)
2. การขัดขวางครั้งที่สอง “นำเอาคริสเตียนปลอม เข้ามาผสมกับคริสเตียนแท้(เกิดใหม่แล้ว)ในคริสตจักร “ (มธ 13:24-30)
- “คริสเตียนปลอม” คือคนที่เชื่อ แต่ไม่ได้บังเกิดใหม่อย่างแท้จริง คต.ดังกล่าวเชื่อตามพ่อแม่พี่น้อง ประเทศชาติบ้านเมืองพาเขาเชื่อเพราะเป็นศาสนาประจำชาติ และเขาเกิดมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์
- ผลเสียหายที่ตามมาก็คือ ท่ามกลางสังคมคริสเตียนมีแต่เชื่อและพูด แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสู่พระลักษณะของพระเยซูคริสต์ ผู้เชื่อเหล่านี้ยังใช้ชีวิตอาดาม และไม่ต่างอะไรจากศาสนาอื่นๆ ทั่วไป ที่ยังโกรธ โลภ หยิ่งยะโส อวดความรู้ความสามารถ มักใหญ่ใฝ่สูงและแย่งชิงกันเป็นใหญ่ หักหลัง เล่นพรรคเล่นพวก ไม่มีไครดำเนินชีวิตตามพระบัญญัตใหม่ของพระเยซูใน มธ บทที่ห้าถึงบทที่เจ็ดได้อย่างแท้จริงในชีวิตประจำวัน.
- คริสเตียนปลอม(ข้าวละมาน) เริ่มมีขื้นอย่างมากมายตั้งแต่ คศ 300 จนถึงทุกวันนี้
- ผู้เชื่อที่บังเกิดใหม่อย่างแท้จริงมีสองสิ่งที่บ่งบอกได้ คือ ต้องการใกล้ชิตสนิทสัมพันกับพระเจ้า และหิวกระหายในเรื่องการเติบโตสู่พระลักษณะของพระคริสต์เพื่อเกิดผลแห่งพระวิญญาณ (ยฮ 3:3-5; กลต 5:22-23) การทำงานของซาตาน 4 ครั้งเพื่อขัดขวางไม่ให้ผู้เชื่อเติบโต 003
3. การขัดขวางครั้งที่สาม “ เข้ามาครอบครองคริสตจักร” (มธ 13:31-32)
a. ผู้เชื่อมากมายเข้าใจว่า คำอุปมาเรื่อง ผงมัสตาร์ด เป็นเรื่องการเติบโตในด้านที่ดีของคริสตจักร แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องความผิดปกติของ คจ. ของพระเจ้า. ถ้าหากเราอ่าน มธ. บทที่ 13 ทั้งหมดเราจะพบว่า คจ. จะมีผลกระทบทั้งดีและร้ายตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงวันสุดท้าย.
b. “มัสตาร์ด” เป็นพืชผักเพื่อเป็นอาหาร และเพื่อทำเป็นผงใช้ปรุงอาหาร ซื่งความหมายก็คือ คจ. ของพระเจ้าควรเป็นที่ที่เลี้ยงดูผู้เชื่อทั้งหลายด้วยพระวจนะคำซื่งเป็นชีวิตของพระเจ้า แต่ คจ. กลับมีการแตกแยกแบ่งพรรคแบ่งพวกเพื่อแย่งชิงกันเป็นใหญ่ ไมมีความถิอมแท้ รักแท้และอดทนจืงอยู่ร่วมกันไม่ได้และในที่สุดก็แยกออกเป็นกิ่งก้านสาขา (คณะนิกาย) มารซาตานจืงเข้าครอบครอง คจ. ทั่วไปได้.
c. มารซาตานทำงานสองแบบ อย่างเช่น
ก. ทำให้ผู้เชื่อกระโดดโรดเต้น ร้องให้ พูดภาษากระตุกลิ้น สั่วหัว หัวเราะ นอนกลิ้งไปมาที่พื้น พองตัวขื้นอวดฤทธิ์อำนาจ ความสามารถ ชอบทำนายว่าคนโน้นคนนี้จะมีเหตุร้ายเกิดขื้นถ้าไม่กลับใจ เมื่อมีความสุขในใจ ก็คิดว่าเป็นการกระทำของพระเจ้า แต่แท้ที่จริงเขาไม่รู้ว่ามารก็ทำได้ และหลอกให้ผู้เชื่อเหล่านั้นหลงทาง
ข. ไม่ทำเหมือนแบบที่หนื่ง แต่ทำงานในใจผู้เชื่อเพื่อให้เกิดความแตกแยก และทำทุกสิ่งเพื่อทำลายชื่อเสียง และพระเกียรติของพระเจ้า เป็นการจู่โจม ครอบครอง คจ. แบบเงียบๆ การทำงานของซาตาน 4 ครั้งเพื่อขัดขวางไม่ให้ผู้เชื่อเติบโต 004
4. การขัดขวางครั้งที่สี่ “เชื้อยีส” (มธ 13:33-35) “ เชื้อยีส” คือคำสอน และการแปลความหมายพระคัมภีร์ที่ผิด หรือคลาดเคลื่อนจากความหมายที่แท้จริงของพระวจนะคำของพระเจ้า ซาตานใช้ผู้นำผู้สอนและผู้เทศนาภายใน คจ. ป้อนเชื้อยีส ซื่งเป็นการแปลความหมายที่ผิด ให้ผู้เชื่อกินเข้าไป แทนที่จะป้อนขนมปังไร้เชื้อเพื่อนำมาซื่งการเติบโต ทุกวันนี้เราจืงพบว่า คริสตจักรของพระเจ้ากลับกลายเป็นศาสนาคริสต์ไปเสียแล้ว เพราะเหตุว่า ไม่มีไครที่ดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและรักอะกะเปได้ ซื่งส่วนมากทำได้แต่ในสิ่งที่ตนชอบหรือข้อง่ายๆ .
- ผู้รับใช้ส่วนมากไปเข้าโรงเรียนพระคัมภีร์เพื่อต้องการ ประกาศนียบัตร เพื่อกลับมารับใช้ในตำแหน่ง ศบ. ศจ. และหน้าที่อื่นๆ ส่วนมากจะเรียนแบบผิวเผิน แต่ก็มีบ้างที่ตั้งใจเรียนรู้เพราะรักพระเจ้าและจริงใจเพื่อกลับมารับให้ให้เกิดผล แต่ปัญหาก็คือ โรงเรียนกลับสอนความรู้และหลักการตามแบบศาสนา จืงทำให้ คจ. ไม่ได้ก้าวไปสู่การเติบโตตามแบบแผนที่พระเจ้าทรงวางเอาไว้
- ผู้หญิง คือผู้รับใช้ภายใน คจ. ซื่งไครๆ ก็พูดได้ดี และเหมือน ทั้งมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือได้ แต่นำไปใช้ไม่ได้ อีกทั้งทำให้ผู้เชื่อหลงทางไปใกลจากความจริงและน้ำพระทัยของพระเจ้า - เต็มสามถัง คือคำสอนและการแปลความหมายที่ผิดเพี้ยนมีมากก่วาความจริงที่มาจากพระเจ้าเสียแล้ว
- ผู้เชื่อมากมายเข้าใจผิดคิดว่า คจ. หรือคณะนิกายใดๆ ที่มี สช. มากมาย คจ. และนิกายดังกล่าวคงจะดีและถูกต้อง คำสอนการแปลก็คงจะเชื่อถือได้ แต่เราไม่อาจวัดที่จำนวนคนหรือชื่อเสียง หรือคนทั่วไปยอมรับว่าถูก แต่เราดูที่ผลของชีวิตใหม่ และการอยู่ร่วมกันตามแบบแผนที่พระเจ้าทรงวางรากฐานไว้ในหนังสือกิจการ
- ปัญหานี้เป็นเรื่องใหญ่มากซื่งเกี่ยวข้องกับการเติบโตสู่ชีวิตของพระคริสต์ เราเห็นการขัดแย้ง การแปล การอธิบายความหมายที่ไม่เหมือนกันเต็มไปหมด แต่ละคนต่างก็มีเหตุผลที่ดี ถ้าเราสังเกตุดูการร่วมสามัคคีธรรมแต่ละครั้ง เราจะพบว่า สิบคนที่มาร่วกันต่างก็มีความเข้าใจและแปลความหมายได้สิบแบบ เรามักได้ยินคำว่า “ฉันเข้าใจว่า”, “ อาจารย์คนโน้นคนนี้เคยสอนว่า”, “ เท่าที่ฉันได้เรียนรู้มา…” สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มาจากความคิดของอาดามซื่งเป็นสติปัญหาที่ไม่อาจนำมาใช้เพื่อแปลความหมายพระวจนะธรรมของพระเจ้าได้ เพราะว่าพระวิญญาณเท่านั้นที่เป็นที่พื่งของเราในการเปิดเผยความจริงที่ซ่อนไว้ในแต่ละบทและแต่ละข้อ
ผู้เล็กน้อย
การขัดขวางของ"ซาตาน 4 ครั้ง"เพื่อขัดขวางไม่ให้ผู้เชื่อเติบโต
*เมื่อซาตานเอาชนะพระเยซูไม่ได้ (มธ 4:1-11) มันจึงหันมาขัดขวางคนทั้งหลายที่ติดตามพระเยซู สี่ครั้ง (มธ 13: 3-52)
*(มธ. บทที่ 13 คือเหตุกาลตั้งแต่พระเยซูเริ่มต้นออกไปหว่านพืช จนถึงวันพิพากษา)
1. การขัดขวางครั้งแรก = ขัดขวางไม่ให้ผู้เชื่อได้พบ “ราชอาณาจักรสวรรค์” (มธ 6:33; 13:4)
- ผู้เชื่อส่วนมากทุกวันนี้ยังไม่ได้พบข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักรสวรรค์ ซื่งเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า. เขาได้พบเพียงแต่ข่าวประเสริญเรื่องพระเยซูคริสต์และเรื่องความรอดเท่านั้น.
- “ดินตามถนน” เป็นดินที่แน่นและแก่นมากเพราะผู้คนเดินผ่านไปๆ มาๆ ทุกวัน” “ดินตามถนน” คือจิตใจของผู้เชื่อที่ถูกสอนเรื่องแสวงหาความรอดไปสวรรค์ จนแก่นแน่นแล้วและไม่สามารถที่จะรับ ข่าวประเสริญเรื่องราชอาณาจักรสวรรค์ ได้อีกแล้ว (อาณาจักรนี้จะลงมาตั้งอยู่บนโลกนี้พร้อมกับพระเยซูในยุคพันปี และต่อเนื่องไปจนถึงนิรัดรกาล ....รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม อยู่ที่กลุ่มผู้ชนะนะ ชื่อเรื่อง ข้อลึกลับแห่งราชอาณาจักรสวรรค์ ครับ)
- เมื่อผู้เชื่อพบพระเยซู และความรอด ก็คิดว่าพบสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ก็เลยไม่แสวงหาราชอาณาจักรตามคำสั่งของพระเยซูใน มธ 6:33 ผู้เชื่อยังเข้าใจผิดคิดว่า ราชอาณาจักรดังกล่าวก็คือสวรรค์นั่นเอง จืงเปลี่ยนคำว่า “ราชอาณาจักรของพระเจ้า” เป็น “แผ่นดินของพระเจ้า”
- เป็นชัยชนะของซาตานในท่ามกลางผู้เชื่อทั้งหลาย ที่ทุกวันนี้ยังไม่ได้พบราชอาณาจักรสวรรค์นี้ เขาพบพระเจ้าและความรอดเท่านั้น.
-
เพราะฉนั้น การทำงานของมารซาตาน บวกกับจิตใจที่หยิ่งยะโสคิดว่ารู้หมดแล้ว จืงทำให้เราไม่ได้พบราชอาณาจักรและจะไม่ได้เข้าไปข้างใน เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา (มธ 7:21-23) เพราะว่าพระเจ้าทรงเปิดเผยให้คนที่ถ่อมแท้เท่านั้นได้พบ (มธ 13:11, 17, 19, 34)
- เมื่อข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักรสวรรค์ ไปไม่ถึงทั่วโลก พระเยซูก็ยังมาไม่ได้ (มธ 24:14 ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรนี้จะประกาศไปทั่วโลกให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลาย(ยุคสุดท้ายหรือยุคพันปี) จะมาถึง)
2. การขัดขวางครั้งที่สอง “นำเอาคริสเตียนปลอม เข้ามาผสมกับคริสเตียนแท้(เกิดใหม่แล้ว)ในคริสตจักร “ (มธ 13:24-30)
- “คริสเตียนปลอม” คือคนที่เชื่อ แต่ไม่ได้บังเกิดใหม่อย่างแท้จริง คต.ดังกล่าวเชื่อตามพ่อแม่พี่น้อง ประเทศชาติบ้านเมืองพาเขาเชื่อเพราะเป็นศาสนาประจำชาติ และเขาเกิดมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์
- ผลเสียหายที่ตามมาก็คือ ท่ามกลางสังคมคริสเตียนมีแต่เชื่อและพูด แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสู่พระลักษณะของพระเยซูคริสต์ ผู้เชื่อเหล่านี้ยังใช้ชีวิตอาดาม และไม่ต่างอะไรจากศาสนาอื่นๆ ทั่วไป ที่ยังโกรธ โลภ หยิ่งยะโส อวดความรู้ความสามารถ มักใหญ่ใฝ่สูงและแย่งชิงกันเป็นใหญ่ หักหลัง เล่นพรรคเล่นพวก ไม่มีไครดำเนินชีวิตตามพระบัญญัตใหม่ของพระเยซูใน มธ บทที่ห้าถึงบทที่เจ็ดได้อย่างแท้จริงในชีวิตประจำวัน.
- คริสเตียนปลอม(ข้าวละมาน) เริ่มมีขื้นอย่างมากมายตั้งแต่ คศ 300 จนถึงทุกวันนี้
- ผู้เชื่อที่บังเกิดใหม่อย่างแท้จริงมีสองสิ่งที่บ่งบอกได้ คือ ต้องการใกล้ชิตสนิทสัมพันกับพระเจ้า และหิวกระหายในเรื่องการเติบโตสู่พระลักษณะของพระคริสต์เพื่อเกิดผลแห่งพระวิญญาณ (ยฮ 3:3-5; กลต 5:22-23) การทำงานของซาตาน 4 ครั้งเพื่อขัดขวางไม่ให้ผู้เชื่อเติบโต 003
3. การขัดขวางครั้งที่สาม “ เข้ามาครอบครองคริสตจักร” (มธ 13:31-32)
a. ผู้เชื่อมากมายเข้าใจว่า คำอุปมาเรื่อง ผงมัสตาร์ด เป็นเรื่องการเติบโตในด้านที่ดีของคริสตจักร แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องความผิดปกติของ คจ. ของพระเจ้า. ถ้าหากเราอ่าน มธ. บทที่ 13 ทั้งหมดเราจะพบว่า คจ. จะมีผลกระทบทั้งดีและร้ายตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงวันสุดท้าย.
b. “มัสตาร์ด” เป็นพืชผักเพื่อเป็นอาหาร และเพื่อทำเป็นผงใช้ปรุงอาหาร ซื่งความหมายก็คือ คจ. ของพระเจ้าควรเป็นที่ที่เลี้ยงดูผู้เชื่อทั้งหลายด้วยพระวจนะคำซื่งเป็นชีวิตของพระเจ้า แต่ คจ. กลับมีการแตกแยกแบ่งพรรคแบ่งพวกเพื่อแย่งชิงกันเป็นใหญ่ ไมมีความถิอมแท้ รักแท้และอดทนจืงอยู่ร่วมกันไม่ได้และในที่สุดก็แยกออกเป็นกิ่งก้านสาขา (คณะนิกาย) มารซาตานจืงเข้าครอบครอง คจ. ทั่วไปได้.
c. มารซาตานทำงานสองแบบ อย่างเช่น
ก. ทำให้ผู้เชื่อกระโดดโรดเต้น ร้องให้ พูดภาษากระตุกลิ้น สั่วหัว หัวเราะ นอนกลิ้งไปมาที่พื้น พองตัวขื้นอวดฤทธิ์อำนาจ ความสามารถ ชอบทำนายว่าคนโน้นคนนี้จะมีเหตุร้ายเกิดขื้นถ้าไม่กลับใจ เมื่อมีความสุขในใจ ก็คิดว่าเป็นการกระทำของพระเจ้า แต่แท้ที่จริงเขาไม่รู้ว่ามารก็ทำได้ และหลอกให้ผู้เชื่อเหล่านั้นหลงทาง
ข. ไม่ทำเหมือนแบบที่หนื่ง แต่ทำงานในใจผู้เชื่อเพื่อให้เกิดความแตกแยก และทำทุกสิ่งเพื่อทำลายชื่อเสียง และพระเกียรติของพระเจ้า เป็นการจู่โจม ครอบครอง คจ. แบบเงียบๆ การทำงานของซาตาน 4 ครั้งเพื่อขัดขวางไม่ให้ผู้เชื่อเติบโต 004
4. การขัดขวางครั้งที่สี่ “เชื้อยีส” (มธ 13:33-35) “ เชื้อยีส” คือคำสอน และการแปลความหมายพระคัมภีร์ที่ผิด หรือคลาดเคลื่อนจากความหมายที่แท้จริงของพระวจนะคำของพระเจ้า ซาตานใช้ผู้นำผู้สอนและผู้เทศนาภายใน คจ. ป้อนเชื้อยีส ซื่งเป็นการแปลความหมายที่ผิด ให้ผู้เชื่อกินเข้าไป แทนที่จะป้อนขนมปังไร้เชื้อเพื่อนำมาซื่งการเติบโต ทุกวันนี้เราจืงพบว่า คริสตจักรของพระเจ้ากลับกลายเป็นศาสนาคริสต์ไปเสียแล้ว เพราะเหตุว่า ไม่มีไครที่ดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและรักอะกะเปได้ ซื่งส่วนมากทำได้แต่ในสิ่งที่ตนชอบหรือข้อง่ายๆ .
- ผู้รับใช้ส่วนมากไปเข้าโรงเรียนพระคัมภีร์เพื่อต้องการ ประกาศนียบัตร เพื่อกลับมารับใช้ในตำแหน่ง ศบ. ศจ. และหน้าที่อื่นๆ ส่วนมากจะเรียนแบบผิวเผิน แต่ก็มีบ้างที่ตั้งใจเรียนรู้เพราะรักพระเจ้าและจริงใจเพื่อกลับมารับให้ให้เกิดผล แต่ปัญหาก็คือ โรงเรียนกลับสอนความรู้และหลักการตามแบบศาสนา จืงทำให้ คจ. ไม่ได้ก้าวไปสู่การเติบโตตามแบบแผนที่พระเจ้าทรงวางเอาไว้
- ผู้หญิง คือผู้รับใช้ภายใน คจ. ซื่งไครๆ ก็พูดได้ดี และเหมือน ทั้งมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือได้ แต่นำไปใช้ไม่ได้ อีกทั้งทำให้ผู้เชื่อหลงทางไปใกลจากความจริงและน้ำพระทัยของพระเจ้า - เต็มสามถัง คือคำสอนและการแปลความหมายที่ผิดเพี้ยนมีมากก่วาความจริงที่มาจากพระเจ้าเสียแล้ว
- ผู้เชื่อมากมายเข้าใจผิดคิดว่า คจ. หรือคณะนิกายใดๆ ที่มี สช. มากมาย คจ. และนิกายดังกล่าวคงจะดีและถูกต้อง คำสอนการแปลก็คงจะเชื่อถือได้ แต่เราไม่อาจวัดที่จำนวนคนหรือชื่อเสียง หรือคนทั่วไปยอมรับว่าถูก แต่เราดูที่ผลของชีวิตใหม่ และการอยู่ร่วมกันตามแบบแผนที่พระเจ้าทรงวางรากฐานไว้ในหนังสือกิจการ
- ปัญหานี้เป็นเรื่องใหญ่มากซื่งเกี่ยวข้องกับการเติบโตสู่ชีวิตของพระคริสต์ เราเห็นการขัดแย้ง การแปล การอธิบายความหมายที่ไม่เหมือนกันเต็มไปหมด แต่ละคนต่างก็มีเหตุผลที่ดี ถ้าเราสังเกตุดูการร่วมสามัคคีธรรมแต่ละครั้ง เราจะพบว่า สิบคนที่มาร่วกันต่างก็มีความเข้าใจและแปลความหมายได้สิบแบบ เรามักได้ยินคำว่า “ฉันเข้าใจว่า”, “ อาจารย์คนโน้นคนนี้เคยสอนว่า”, “ เท่าที่ฉันได้เรียนรู้มา…” สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มาจากความคิดของอาดามซื่งเป็นสติปัญหาที่ไม่อาจนำมาใช้เพื่อแปลความหมายพระวจนะธรรมของพระเจ้าได้ เพราะว่าพระวิญญาณเท่านั้นที่เป็นที่พื่งของเราในการเปิดเผยความจริงที่ซ่อนไว้ในแต่ละบทและแต่ละข้อ
ผู้เล็กน้อย