1 ตค 60 sl513
เราเดินทางพร้อมพี่สาวซึ่งเคยผ่าตัดกระดูกสันหลัง สภาพคือเดินได้ แต่นั่งนานจะมีอาการปวดหลัง เดินขึ้นลงบันไดลำบาก กราวด์เชียงใหม่จึงขอวิลแชร์ปลายทางให้พร้อมเปลี่ยนเป็นที่นั่งโซนหน้า เพื่อแอร์จะดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีข่าวว่าไฟลท์ก่อนหน้าดีเลย์จากสภาพอากาศ
ในไฟล์ทนั้นเท่าที่เห็นมีผู้โดยสารที่ต้องการการดูแลพิเศษ 3 คน ครอบครัวที่มีเด็กอ่อนไม่กี่เดือน คนชรา 80+เดินแทบไม่ไหวมาพร้อมลูกชาย และพี่สาวเราที่มีปัญหากระดูกสันหลังมาพร้อมกะเรา
การเดินทางบนเครื่องปกติดี สังเกตเห็นสจ๊วตแจ้งคนชรา และแม่ลูกอ่อนว่าถึงปลายทางให้ลงทีหลัง แต่ไม่แจ้งเรา เรายังคุยกันว่าไม่รู้จะได้วิลแชร์หรือเปล่า
พอถึงปลายทางเราก็พบว่าเป็นบัสเกทซึ่งก็เข้าใจ เราก็รอให้คนลงจนหมด แอร์ก็มาจัดการพาคนชราออกจากที่นั่ง เราก็พบว่าไม่มีไฮลิฟ คนชราต้องลงบันไดเอง พี่เราขาสั่นพับๆขณะลงบันไดอย่างทุลักทุเล เราก็พบว่ารถบัสคนเต็มคันรถอัดเป็นปลากระป๋องยังรออยู่ ไม่มีรถสำหรับผู้โดยสารที่ต้องดูแลพิเศษ เราหันไปถามสจ๊วต เขาก็บอกให้ไปขึ้นรวมกับคนอื่นๆซึ่งแทบไม่มีที่แล้ว พี่เราถูกกระแทกหลังไม่ได้ สจ๊วตก็ไม่สนใจ พูดแต่ว่าวิลแชร์อยู่ปลายทาง วิลแชร์อยู่ปลายทางโดยแทบไม่ฟังอะไร พอเราถามย้ำ เขาก็โยนว่าให้ไปคุยกะสต๊าฟภาคพื้นดินที่จัดการเอาเอง ระหว่างนั้น ครอบครัวเด็กอ่อน และคนชราที่เดินแทบไม่ไหว ก็ถูกจัดการอัดไปทางหน้ารถ ทางประตูข้างคนขับ เราก็หันมาถามสจ๊วตว่า ให้เราคุยกะใคร เขาคิ้วขมวดแล้วบอกไปด้านหน้าเลยครับ (ให้ไปเบียดกะกลุ่มคนชราและครอบครัวลูกอ่อน) เป็นการผลักภาระให้พ้นๆตัวไป
เป็นการจัดการย่ำแย่ ชุ่ย ไร้หัวคิดที่สุด ไม่มีการแยกรถมารับ หรือจะประหยัดต้นทุนก็เรื่องนึง ถ้าไม่มีปัญญาหารถมาได้ ควรจัดการให้ผู้โดยสารพิเศษเหล่านี้ขึ้นรถบัสก่อน และได้นั่งให้เหมาะสมก่อนที่จะปล่อยผู้โดยสารอื่นขึ้น แต่นี่ปล่อยคนครึ่งลำอัดเป็นปลากระป๋องในรถบัสคันเดียวแทบไม่มีที่ยืนและค่อยให้คนที่ดูแลตัวเองไม่ได้ไปยืนเบียดกันอย่างน่าอนาถหน้ารถ คนชรายืนแทบไม่ไหว นั่งก็ไม่ได้ยืนก็แทบไม่ไหว ยืนขาสั่นเทา ลูกต้องพยุงประกบตลอดทาง แม่ลูกอ่อนอุ้มลูกอ่อนแทบไม่มีมือจะยึดจับเสาขณะที่รถเหวี่ยงไปมา พี่สาวเจ็บหลังถูกผู้โดยสารคนอื่นหันเอาสัมภาระมากระแทกโดยไม่ตั้งใจจนน้ำตาไหลตอนขาลง รถขับกระเทือนเหวี่ยงไปมาโดยไม่สนใจว่าผู้โดยสารเหล่านั้นจะไหวหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ญาติพี่น้องของผู้บริหารสายการบินคงไม่สนใจใช่หรือไม่ คนเหล่านี้ไม่ได้อยากเป็นอภิสิทธิ์ชน แต่เขาลำบากจริงๆต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ขอวิลแชร์แต่ไม่มีไฮลิฟให้ ไม่แยกรถ สอบถามสต๊าฟ ก็โยนกันไปมาให้ภาคพื้น ภาคพื้นก็ให้ยัดเหยียดกันไปให้พ้นๆหน้าที่ปัดสวะให้พ้นตัว พี่เราสอบถามชายชราและลูกชายว่าได้ขอฮลิฟหรือไม่ เขาบอกว่าระบุขอไฮลิฟไว้แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่มีมา สีหน้าเหนื่อยหน่าย
คนเข็นรถของสนามบินดอนเมืองก็ไม่ได้สนใจอะไร มารับเสร็จก็เข็นผ่านลูกระนาดกระแทกจนพี่เราหน้าเบี้ยว เราต้องบอกว่าพี่เราผ่าหลังมา ช่วยเบาๆหน่อยก็ดีขึ้นนิดนึง พออันต่อไปก็เหมือนลืมตัวไม่สนใจ เราได้แต่กำชับและถอดถอนใจ
อยากฝากให้สายการบินไลอ้อนแอร์ และสนามบินดอนเมืองปรับปรุงอย่างแรงในการดูแลคนที่ต้องการความช่วยเหลือให้มีมนุษยธรรม จริยธรรมความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ที่ลำบากเหล่านี้ให้ดีกว่านี้หน่อยเถอะ มันน่าอนาถมาก อย่าให้คำว่าโลคอสมาเป็นข้ออ้างในการจัดการอันแสนชุ่ยนี่เลยนะ
ไลอ้อนแอร์กับการโยนภาระผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ
เราเดินทางพร้อมพี่สาวซึ่งเคยผ่าตัดกระดูกสันหลัง สภาพคือเดินได้ แต่นั่งนานจะมีอาการปวดหลัง เดินขึ้นลงบันไดลำบาก กราวด์เชียงใหม่จึงขอวิลแชร์ปลายทางให้พร้อมเปลี่ยนเป็นที่นั่งโซนหน้า เพื่อแอร์จะดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีข่าวว่าไฟลท์ก่อนหน้าดีเลย์จากสภาพอากาศ
ในไฟล์ทนั้นเท่าที่เห็นมีผู้โดยสารที่ต้องการการดูแลพิเศษ 3 คน ครอบครัวที่มีเด็กอ่อนไม่กี่เดือน คนชรา 80+เดินแทบไม่ไหวมาพร้อมลูกชาย และพี่สาวเราที่มีปัญหากระดูกสันหลังมาพร้อมกะเรา
การเดินทางบนเครื่องปกติดี สังเกตเห็นสจ๊วตแจ้งคนชรา และแม่ลูกอ่อนว่าถึงปลายทางให้ลงทีหลัง แต่ไม่แจ้งเรา เรายังคุยกันว่าไม่รู้จะได้วิลแชร์หรือเปล่า
พอถึงปลายทางเราก็พบว่าเป็นบัสเกทซึ่งก็เข้าใจ เราก็รอให้คนลงจนหมด แอร์ก็มาจัดการพาคนชราออกจากที่นั่ง เราก็พบว่าไม่มีไฮลิฟ คนชราต้องลงบันไดเอง พี่เราขาสั่นพับๆขณะลงบันไดอย่างทุลักทุเล เราก็พบว่ารถบัสคนเต็มคันรถอัดเป็นปลากระป๋องยังรออยู่ ไม่มีรถสำหรับผู้โดยสารที่ต้องดูแลพิเศษ เราหันไปถามสจ๊วต เขาก็บอกให้ไปขึ้นรวมกับคนอื่นๆซึ่งแทบไม่มีที่แล้ว พี่เราถูกกระแทกหลังไม่ได้ สจ๊วตก็ไม่สนใจ พูดแต่ว่าวิลแชร์อยู่ปลายทาง วิลแชร์อยู่ปลายทางโดยแทบไม่ฟังอะไร พอเราถามย้ำ เขาก็โยนว่าให้ไปคุยกะสต๊าฟภาคพื้นดินที่จัดการเอาเอง ระหว่างนั้น ครอบครัวเด็กอ่อน และคนชราที่เดินแทบไม่ไหว ก็ถูกจัดการอัดไปทางหน้ารถ ทางประตูข้างคนขับ เราก็หันมาถามสจ๊วตว่า ให้เราคุยกะใคร เขาคิ้วขมวดแล้วบอกไปด้านหน้าเลยครับ (ให้ไปเบียดกะกลุ่มคนชราและครอบครัวลูกอ่อน) เป็นการผลักภาระให้พ้นๆตัวไป
เป็นการจัดการย่ำแย่ ชุ่ย ไร้หัวคิดที่สุด ไม่มีการแยกรถมารับ หรือจะประหยัดต้นทุนก็เรื่องนึง ถ้าไม่มีปัญญาหารถมาได้ ควรจัดการให้ผู้โดยสารพิเศษเหล่านี้ขึ้นรถบัสก่อน และได้นั่งให้เหมาะสมก่อนที่จะปล่อยผู้โดยสารอื่นขึ้น แต่นี่ปล่อยคนครึ่งลำอัดเป็นปลากระป๋องในรถบัสคันเดียวแทบไม่มีที่ยืนและค่อยให้คนที่ดูแลตัวเองไม่ได้ไปยืนเบียดกันอย่างน่าอนาถหน้ารถ คนชรายืนแทบไม่ไหว นั่งก็ไม่ได้ยืนก็แทบไม่ไหว ยืนขาสั่นเทา ลูกต้องพยุงประกบตลอดทาง แม่ลูกอ่อนอุ้มลูกอ่อนแทบไม่มีมือจะยึดจับเสาขณะที่รถเหวี่ยงไปมา พี่สาวเจ็บหลังถูกผู้โดยสารคนอื่นหันเอาสัมภาระมากระแทกโดยไม่ตั้งใจจนน้ำตาไหลตอนขาลง รถขับกระเทือนเหวี่ยงไปมาโดยไม่สนใจว่าผู้โดยสารเหล่านั้นจะไหวหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ญาติพี่น้องของผู้บริหารสายการบินคงไม่สนใจใช่หรือไม่ คนเหล่านี้ไม่ได้อยากเป็นอภิสิทธิ์ชน แต่เขาลำบากจริงๆต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ขอวิลแชร์แต่ไม่มีไฮลิฟให้ ไม่แยกรถ สอบถามสต๊าฟ ก็โยนกันไปมาให้ภาคพื้น ภาคพื้นก็ให้ยัดเหยียดกันไปให้พ้นๆหน้าที่ปัดสวะให้พ้นตัว พี่เราสอบถามชายชราและลูกชายว่าได้ขอฮลิฟหรือไม่ เขาบอกว่าระบุขอไฮลิฟไว้แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่มีมา สีหน้าเหนื่อยหน่าย
คนเข็นรถของสนามบินดอนเมืองก็ไม่ได้สนใจอะไร มารับเสร็จก็เข็นผ่านลูกระนาดกระแทกจนพี่เราหน้าเบี้ยว เราต้องบอกว่าพี่เราผ่าหลังมา ช่วยเบาๆหน่อยก็ดีขึ้นนิดนึง พออันต่อไปก็เหมือนลืมตัวไม่สนใจ เราได้แต่กำชับและถอดถอนใจ
อยากฝากให้สายการบินไลอ้อนแอร์ และสนามบินดอนเมืองปรับปรุงอย่างแรงในการดูแลคนที่ต้องการความช่วยเหลือให้มีมนุษยธรรม จริยธรรมความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ที่ลำบากเหล่านี้ให้ดีกว่านี้หน่อยเถอะ มันน่าอนาถมาก อย่าให้คำว่าโลคอสมาเป็นข้ออ้างในการจัดการอันแสนชุ่ยนี่เลยนะ