ประชากรทั่วโลกทั้งเด็กและผู้ใหญ่กว่า 2 พันล้านคนประสบปัญหาทางด้านสุขภาพที่มาจากน้ำหนักตัวเกินหรืออ้วนมากเกินไป และมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะเจอปัญหาต่างๆทางด้านสุขภาพตามมา ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยใหม่
ผู้คนกำลังประสบปัญหาทางด้านสุขภาพแม้ว่าในทางเทคนิคแล้วผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ได้อยู่ในภาวะที่อ้วนมากเกินไป นักวิจัยหลายคนพบว่า ประชากร 4 ล้านคนเสียชีวิตจากน้ำหนักเกินตัวในปี 2015 ซึ่งตามดัชนี MI นั้นก็พบว่า 40 เปอร์เซ็นต์ผู้คนประสบปัญหากับภาวะที่อ้วนมากเกินไป
การค้นพบนี้ก็แสดให้เห็นว่า “เกิดภาวะวิกฤติทางด้านวงการสาธารณสุขโลกเพิ่มมากขึ้น” ซึ่งก็สอดคล้องกับผู้เขียนหลายคนที่ได้มีการตีพิมพ์ในนิตยสาร The New England Journal Of Medicine
“ผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่สนใจน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นจะต้องเจอกับความเสี่ยงทางด้านสุขภาพหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาวะหัวใจล้มเหลว,โรคเบาหวาน,มะเร็งและอื่นๆ” กล่าวโดย Dr.Chirstopher Murray ซึ่งเป็นผู้ทำการวิจัยและเป็นผู้อำนวยการสถาบัน IHME ในมหาวิทยาลัยวอชิงตัน “ในความเห็นต่างๆเกี่ยวกับการลดน้ำหนักก็ควรที่จะเป็นเรื่องที่นำมาพิจารณาอย่างจริงจังและพูดถึงภาวะน้ำหนักตัวเกินในอนาคตด้วย”
จากการศึกษาในประเทศ 195 ประเทศและในพื้นที่ปี 1980 ตลอดจนถึงปี 2015 ก็ได้มีการเผยให้เห็นว่า รายงานประจำปีที่ได้ออกมาในวันนี้เกี่ยวกับพฤติกรรมการกินอาหารของทางสต็อคโฮมนั้น ก็มีการส่งเสริมให้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น มีระบบการถนอมอาหารที่เหมาะสม โดยจากข้อมูลศึกษาเกี่ยวกับโรคร้ายที่ครอบคลุมไปทั่วโลกนั้น ก็ได้มีการวางระบบ มีการหาค่าปริมาณโรคร้ายต่างๆที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในทางหลักวิทยาศาสตร์ ทั้งอาการบาดเจ็บกับปัจจัยความเสี่ยงต่างๆที่มาจากเรื่องของอายุ เพศและจำนวนประชากร ซึ่งก็มีผู้เข้าร่วมงานวิจัยกว่า 2300 คน ใน 133 ประเทศ จากการวิจัยของ GBD ก็ได้ทำการประเมินโรคร้ายกับอาการบาดเจ็บต่างๆถึง 300 ชนิดด้วยกัน
ในเอกสารก็จะประกอบไปด้วยการวิเคราะห์งานวิจัยชิ้นอื่นๆที่เกี่ยวกับผลกระทบจากการได้รับน้ำหนักมากเกินไปและความเชื่อมโยงระหว่างค่า BMI ที่สูงกับมะเร็งในหลอดอาหาร ลำไส้ใหญ่กับช่องทวารหนัก ตับ ถุงน้ำดีกับท่อน้ำดี ตับอ่อน หน้าอก ปากมดลูก รังไข่ ไตและก็ต่อมไทรอยด์ เช่นเดียวกับโรคลูคีเมีย ในส่วนของ IHME ก็ได้มีการทำการวิจัยศึกษาโรคต่างๆมากขึ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับภาวะที่อ้วนมากเกินไปกับน้ำหนักมากเกินไป ซึ่งก็รวมไปถึงการให้ความร่วมมือกับทางด้าน UN ตามที่ Dr.Murray ได้กล่าวเอาไว้
เขาได้ประกาศทำข้อตกลงใหม่ระหว่าง IHME กับ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล,ความรู้,และความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เป้าหมายก็คือจะต้องยกระดับการเก็บข้อมูลเพื่อที่จะทำความเข้าใจถึง “ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคระบาดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั่วโลก” ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะน้ำหนักตัวเกิน
ทางด้าน UN ก็ได้ถกประเด็นเรื่อง “การโภชนาการที่จะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า” ในระยะเวลาช่วงปี 2016-2025 ไปจนถึงการทำให้ภาวะอดอาหารหายไป ทำให้ภาวะขาดแคลนอาหารหมดไป (จากภาวะโภชนาการต่ำ,ขาดแคลนสารอาหารรอง,น้ำหนักตัวเกินหรืออ้วนเกินไป) และทำการลดน้ำหนักไปพร้อมๆกับโรคร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงอายุคน
ในปี 2015 ภาวะน้ำหนักตัวเกินก็ส่งผลต่อเด็กและผู้ใหญ่จำนวน 2.2 พันล้านคนทั่วโลก หรือคิดเป็น 30 % ของประชากรโลกทั้งหมด เรื่องนี้ก็รวมไปถึงเด็ก 108 ล้านคนและมีผู้ใหญ่มากกว่า 600 ล้านคนที่มีค่า BMI สูงกว่า 30 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดความอ้วน ซึ่งก็สอดคล้องกับงานวิจัย ความอ้วนเพิ่มสูงมากขึ้นในช่วงตั้งแต่ปี 1980 ในประเทศมากกว่า 70 ประเทศ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องในประเทศอื่นๆ แม้ว่าความอ้วนที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น เด็กเล็กจะมีให้เห็นน้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่อัตราของเด็กที่มีความอ้วนก็เพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศมากกว่าผู้ใหญ่
ประเทศที่มีประชากรสูงสุด 20 ประเทศก็มีอัตราที่เด็กอ้วนเพิ่มถึงขีดสุดไปจนถึงวัยหนุ่มสาวในประเทศอเมริกาที่มีค่าสูงถึง 13 % ในประเทศอียิปต์ก็มีผู้ใหญ่ที่อ้วนมากถึง 35 % ต่ำที่สุดก็คือประเทศบังคลาเทศกับเวียดนามที่มีอยู่เพียงแค่ 1 % ในประเทศจีนนั้นมีประชากรกว่า 15.3 ล้านที่มีจำนวนเด็กที่อ้วนมากเกินไป และประเทศอินเดียวก็มีประชากร 14.4 ล้านคนที่อ้วนเกินไปเช่นกัน ในประเทศอเมริกาก็มีประชากรกว่า 79.4 ล้านกับประเทศจีนที่มี 57.3 ล้านคนก็มีผู้ใหญ่ที่อ้วนมากที่สุดในปี 2015
“ภาวะน้ำหนักตัวมากเกินไปก็ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดของวงการสาธารณสุขของพวกเรา ซึ่งผู้คน 1 ใน 3 ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำหนักตัว” กล่าวโดย Dr.Ashkan Afshin ซึ่งเป็นหัวหน้าและผู้ช่วยอาจารย์ทางด้านสาธารณสุขที่ IHME “เป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้วที่มีการประเมินเรื่องพวกนี้อย่างเป็นวงกว้าง แต่น้อยมากที่จะมีหลักฐานที่ยืนยันได้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ในช่วง 10 ปีถัดไปพวกเราก็จะต้องทำการเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของ FAO และทำการประเมินภาวะน้ำหนักเกินตัวกับความอ้วนในแต่ละประเทศต่อไป นอกจากนั้นแล้ว พวกเราก็จะต้องทำการแชร์ข้อมูลและทำการพิสูจน์กับนักวิทยาศาสตร์,ผู้ร่างนโยบาย,และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการวางแผนกลยุทธ์ในการรับมือกับปัญหาดังกล่าว”
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com
จากการวิจัยพบว่า ประชากรมากกว่า 2 พันล้านคนมีน้ำหนักเกินหรืออ้วนเกินไป
ประชากรทั่วโลกทั้งเด็กและผู้ใหญ่กว่า 2 พันล้านคนประสบปัญหาทางด้านสุขภาพที่มาจากน้ำหนักตัวเกินหรืออ้วนมากเกินไป และมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะเจอปัญหาต่างๆทางด้านสุขภาพตามมา ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยใหม่
ผู้คนกำลังประสบปัญหาทางด้านสุขภาพแม้ว่าในทางเทคนิคแล้วผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ได้อยู่ในภาวะที่อ้วนมากเกินไป นักวิจัยหลายคนพบว่า ประชากร 4 ล้านคนเสียชีวิตจากน้ำหนักเกินตัวในปี 2015 ซึ่งตามดัชนี MI นั้นก็พบว่า 40 เปอร์เซ็นต์ผู้คนประสบปัญหากับภาวะที่อ้วนมากเกินไป
การค้นพบนี้ก็แสดให้เห็นว่า “เกิดภาวะวิกฤติทางด้านวงการสาธารณสุขโลกเพิ่มมากขึ้น” ซึ่งก็สอดคล้องกับผู้เขียนหลายคนที่ได้มีการตีพิมพ์ในนิตยสาร The New England Journal Of Medicine
“ผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่สนใจน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นจะต้องเจอกับความเสี่ยงทางด้านสุขภาพหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาวะหัวใจล้มเหลว,โรคเบาหวาน,มะเร็งและอื่นๆ” กล่าวโดย Dr.Chirstopher Murray ซึ่งเป็นผู้ทำการวิจัยและเป็นผู้อำนวยการสถาบัน IHME ในมหาวิทยาลัยวอชิงตัน “ในความเห็นต่างๆเกี่ยวกับการลดน้ำหนักก็ควรที่จะเป็นเรื่องที่นำมาพิจารณาอย่างจริงจังและพูดถึงภาวะน้ำหนักตัวเกินในอนาคตด้วย”
จากการศึกษาในประเทศ 195 ประเทศและในพื้นที่ปี 1980 ตลอดจนถึงปี 2015 ก็ได้มีการเผยให้เห็นว่า รายงานประจำปีที่ได้ออกมาในวันนี้เกี่ยวกับพฤติกรรมการกินอาหารของทางสต็อคโฮมนั้น ก็มีการส่งเสริมให้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น มีระบบการถนอมอาหารที่เหมาะสม โดยจากข้อมูลศึกษาเกี่ยวกับโรคร้ายที่ครอบคลุมไปทั่วโลกนั้น ก็ได้มีการวางระบบ มีการหาค่าปริมาณโรคร้ายต่างๆที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในทางหลักวิทยาศาสตร์ ทั้งอาการบาดเจ็บกับปัจจัยความเสี่ยงต่างๆที่มาจากเรื่องของอายุ เพศและจำนวนประชากร ซึ่งก็มีผู้เข้าร่วมงานวิจัยกว่า 2300 คน ใน 133 ประเทศ จากการวิจัยของ GBD ก็ได้ทำการประเมินโรคร้ายกับอาการบาดเจ็บต่างๆถึง 300 ชนิดด้วยกัน
ในเอกสารก็จะประกอบไปด้วยการวิเคราะห์งานวิจัยชิ้นอื่นๆที่เกี่ยวกับผลกระทบจากการได้รับน้ำหนักมากเกินไปและความเชื่อมโยงระหว่างค่า BMI ที่สูงกับมะเร็งในหลอดอาหาร ลำไส้ใหญ่กับช่องทวารหนัก ตับ ถุงน้ำดีกับท่อน้ำดี ตับอ่อน หน้าอก ปากมดลูก รังไข่ ไตและก็ต่อมไทรอยด์ เช่นเดียวกับโรคลูคีเมีย ในส่วนของ IHME ก็ได้มีการทำการวิจัยศึกษาโรคต่างๆมากขึ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับภาวะที่อ้วนมากเกินไปกับน้ำหนักมากเกินไป ซึ่งก็รวมไปถึงการให้ความร่วมมือกับทางด้าน UN ตามที่ Dr.Murray ได้กล่าวเอาไว้
เขาได้ประกาศทำข้อตกลงใหม่ระหว่าง IHME กับ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล,ความรู้,และความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เป้าหมายก็คือจะต้องยกระดับการเก็บข้อมูลเพื่อที่จะทำความเข้าใจถึง “ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคระบาดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั่วโลก” ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะน้ำหนักตัวเกิน
ทางด้าน UN ก็ได้ถกประเด็นเรื่อง “การโภชนาการที่จะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า” ในระยะเวลาช่วงปี 2016-2025 ไปจนถึงการทำให้ภาวะอดอาหารหายไป ทำให้ภาวะขาดแคลนอาหารหมดไป (จากภาวะโภชนาการต่ำ,ขาดแคลนสารอาหารรอง,น้ำหนักตัวเกินหรืออ้วนเกินไป) และทำการลดน้ำหนักไปพร้อมๆกับโรคร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงอายุคน
ในปี 2015 ภาวะน้ำหนักตัวเกินก็ส่งผลต่อเด็กและผู้ใหญ่จำนวน 2.2 พันล้านคนทั่วโลก หรือคิดเป็น 30 % ของประชากรโลกทั้งหมด เรื่องนี้ก็รวมไปถึงเด็ก 108 ล้านคนและมีผู้ใหญ่มากกว่า 600 ล้านคนที่มีค่า BMI สูงกว่า 30 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดความอ้วน ซึ่งก็สอดคล้องกับงานวิจัย ความอ้วนเพิ่มสูงมากขึ้นในช่วงตั้งแต่ปี 1980 ในประเทศมากกว่า 70 ประเทศ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องในประเทศอื่นๆ แม้ว่าความอ้วนที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น เด็กเล็กจะมีให้เห็นน้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่อัตราของเด็กที่มีความอ้วนก็เพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศมากกว่าผู้ใหญ่
ประเทศที่มีประชากรสูงสุด 20 ประเทศก็มีอัตราที่เด็กอ้วนเพิ่มถึงขีดสุดไปจนถึงวัยหนุ่มสาวในประเทศอเมริกาที่มีค่าสูงถึง 13 % ในประเทศอียิปต์ก็มีผู้ใหญ่ที่อ้วนมากถึง 35 % ต่ำที่สุดก็คือประเทศบังคลาเทศกับเวียดนามที่มีอยู่เพียงแค่ 1 % ในประเทศจีนนั้นมีประชากรกว่า 15.3 ล้านที่มีจำนวนเด็กที่อ้วนมากเกินไป และประเทศอินเดียวก็มีประชากร 14.4 ล้านคนที่อ้วนเกินไปเช่นกัน ในประเทศอเมริกาก็มีประชากรกว่า 79.4 ล้านกับประเทศจีนที่มี 57.3 ล้านคนก็มีผู้ใหญ่ที่อ้วนมากที่สุดในปี 2015
“ภาวะน้ำหนักตัวมากเกินไปก็ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดของวงการสาธารณสุขของพวกเรา ซึ่งผู้คน 1 ใน 3 ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำหนักตัว” กล่าวโดย Dr.Ashkan Afshin ซึ่งเป็นหัวหน้าและผู้ช่วยอาจารย์ทางด้านสาธารณสุขที่ IHME “เป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้วที่มีการประเมินเรื่องพวกนี้อย่างเป็นวงกว้าง แต่น้อยมากที่จะมีหลักฐานที่ยืนยันได้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ในช่วง 10 ปีถัดไปพวกเราก็จะต้องทำการเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของ FAO และทำการประเมินภาวะน้ำหนักเกินตัวกับความอ้วนในแต่ละประเทศต่อไป นอกจากนั้นแล้ว พวกเราก็จะต้องทำการแชร์ข้อมูลและทำการพิสูจน์กับนักวิทยาศาสตร์,ผู้ร่างนโยบาย,และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการวางแผนกลยุทธ์ในการรับมือกับปัญหาดังกล่าว”
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com