พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสอริยสัจคือ “ความจริง อันประเสริฐ” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ “ความจริงของพระอริยเจ้า” ซึ่งเราควรจะพิจารณาดูทั้งสองนัยตามลำดับ
.
คำว่าความจริงอันประเสริฐในที่นี้ หมายความว่า “เท่าที่จำเป็น แก่การพ้นทุกข์” ส่วนที่เลยจากความจำเป็นนั้นไป ไม่นับรวมเข้าในที่นี้
.
คนมักจะเข้าใจกันว่า ที่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นสัพพัญญูนั้น คือ รู้อะไรไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง รู้ทุกภาษาทุกเหตุการณ์ กระทั่งถ้าจะเอามา ให้ทรงขับรถยนต์เดี๋ยวนี้ โดยไม่ต้องศึกษาเสียก่อน ก็จะทรงขับได้ดังนี้เป็นต้น
.
ความเป็นสัพพัญญูอย่างนี้ ไม่ได้เป็นไปตามความหมายที่ ถูกต้องของหลักแห่งพุทธศาสนา. ขืนถือเอาความหมายอย่างนี้ ก็จะเกิดการสร้างสรรค์องค์พระพุทธเจ้าขึ้นมายึดถือไว้อย่างผิดๆ เท่านั้นเอง
.
สัพพัญญูซึ่งแปลว่ารู้ทุกๆ อย่างนั้น หมายถึงความรู้เฉพาะเท่านั้นเอง สัพพัญญูซึ่งแปลว่ารู้ทุกๆ อย่างนั้น หมายถึงความรู้เฉพาะสิ่งที่ควรรู้ สิ่งใดที่จำเป็นจะต้องรู้ อันเกี่ยวกับความพ้นทุกข์สิ้นเชิงแล้ว ย่อมรู้สิ่ง นั้นโดยถูกต้องครบถ้วนทุกประการ เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่าสัพพัญญู
.
การที่จะถือเอาว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ทรงทราบภาษาจีน ภาษาแขกและ ฯลฯ โดยไม่มีการเรียนนั้นเป็นการเหลือวิสัยเกินไป เป็นการสร้างสรรค์เอาด้วยความรักและความเชื่อของคนสมัยหนึ่ง เพื่อดึงตัวเองและเพื่อนมนุษย์เข้าหาความเชื่อโดยทุกวิถีทาง และปราศจากความสำนึกถึงการเลยขอบเขตโดยถือเสียว่าการทำอย่างนี้ในชั้นนี้ยิ่งมากยิ่งดี เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็เป็นอันกล่าวได้ว่า แม้ความจริงเท่าที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบและทรงสอนนั้น ก็คือความจริงเท่าที่จำเป็น
จะต้องรู้ คือเท่าที่เกี่ยวกับความพ้นทุกข์สิ้นเชิง จึงได้เรียกว่าความจริง อันประเสริฐ.
.
ส่วนอีกนัยหนึ่งที่เรียกว่า “ความจริงของพระอริยเจ้า” นั้นยิ่งเห็นความหมายได้ชัดเจน. ข้อนี้หมายถึงความจริงที่พระอริยเจ้าท่านมองเห็น คนธรรมดาเราท่านมองไม่เห็นจึงไม่อาจเรียกว่า ความจริงของธรรมดา. เมื่อใดเห็น เมื่อนั้นก็เป็นพระอริยเจ้าเสียแล้ว. ฉะนั้นความจริงที่มีนามว่าอริยสัจ จึงได้แก่ความจริงอย่างหนึ่งหรือลักษณะ หนึ่งโดยเฉพาะและเห็นได้ในขณะที่เป็นพระอริยเจ้าเท่านั้น
.
ข้อนี้ย่อม เป็นการแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เรียกว่าความจริงนั้นยังมีอีกมากมายนัก
และอยู่นอกเหนือความจำเป็น แม้เท่าที่อยู่ในวงของความจำเป็นจะต้องรู้จะต้องทราบ ก็ยังมีมาก ขนาดต้องใช้ปัญญาของผู้ที่เป็นสัพพัญญู คนธรรมดาแม้จะรู้ความจริงถึงขนาดพ้นทุกข์แล้ว ก็รู้ในวงจำกัดเท่าที่เกี่ยวกับความจำเป็นของตนไม่กว้างถึงเพื่อผู้อื่นซึ่งมีอุปนิสัยใจคออย่างอื่นและก็เท่าที่ปรากฏแก่ใจของตนเท่านั้น
.
ปาฐกถาพิเศษ
ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม
แสดงโดย ภิกขุ พุทธทาส อินฺทปญฺโญ
ณ พุทธสมาคม กรุงเทพฯ
ที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๙๐
อ่านออนไลน์
http://bit.ly/2eI0rQW
ดาวโหลด
http://bit.ly/2eZTMOQ
หนังสือเล่มอื่น ๆ
http://bit.ly/2w3bmY3
พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ท่านเก่งเรื่องดับทุกข์ทางจิตใจ
.
คำว่าความจริงอันประเสริฐในที่นี้ หมายความว่า “เท่าที่จำเป็น แก่การพ้นทุกข์” ส่วนที่เลยจากความจำเป็นนั้นไป ไม่นับรวมเข้าในที่นี้
.
คนมักจะเข้าใจกันว่า ที่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นสัพพัญญูนั้น คือ รู้อะไรไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง รู้ทุกภาษาทุกเหตุการณ์ กระทั่งถ้าจะเอามา ให้ทรงขับรถยนต์เดี๋ยวนี้ โดยไม่ต้องศึกษาเสียก่อน ก็จะทรงขับได้ดังนี้เป็นต้น
.
ความเป็นสัพพัญญูอย่างนี้ ไม่ได้เป็นไปตามความหมายที่ ถูกต้องของหลักแห่งพุทธศาสนา. ขืนถือเอาความหมายอย่างนี้ ก็จะเกิดการสร้างสรรค์องค์พระพุทธเจ้าขึ้นมายึดถือไว้อย่างผิดๆ เท่านั้นเอง
.
สัพพัญญูซึ่งแปลว่ารู้ทุกๆ อย่างนั้น หมายถึงความรู้เฉพาะเท่านั้นเอง สัพพัญญูซึ่งแปลว่ารู้ทุกๆ อย่างนั้น หมายถึงความรู้เฉพาะสิ่งที่ควรรู้ สิ่งใดที่จำเป็นจะต้องรู้ อันเกี่ยวกับความพ้นทุกข์สิ้นเชิงแล้ว ย่อมรู้สิ่ง นั้นโดยถูกต้องครบถ้วนทุกประการ เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่าสัพพัญญู
.
การที่จะถือเอาว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ทรงทราบภาษาจีน ภาษาแขกและ ฯลฯ โดยไม่มีการเรียนนั้นเป็นการเหลือวิสัยเกินไป เป็นการสร้างสรรค์เอาด้วยความรักและความเชื่อของคนสมัยหนึ่ง เพื่อดึงตัวเองและเพื่อนมนุษย์เข้าหาความเชื่อโดยทุกวิถีทาง และปราศจากความสำนึกถึงการเลยขอบเขตโดยถือเสียว่าการทำอย่างนี้ในชั้นนี้ยิ่งมากยิ่งดี เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็เป็นอันกล่าวได้ว่า แม้ความจริงเท่าที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบและทรงสอนนั้น ก็คือความจริงเท่าที่จำเป็น
จะต้องรู้ คือเท่าที่เกี่ยวกับความพ้นทุกข์สิ้นเชิง จึงได้เรียกว่าความจริง อันประเสริฐ.
.
ส่วนอีกนัยหนึ่งที่เรียกว่า “ความจริงของพระอริยเจ้า” นั้นยิ่งเห็นความหมายได้ชัดเจน. ข้อนี้หมายถึงความจริงที่พระอริยเจ้าท่านมองเห็น คนธรรมดาเราท่านมองไม่เห็นจึงไม่อาจเรียกว่า ความจริงของธรรมดา. เมื่อใดเห็น เมื่อนั้นก็เป็นพระอริยเจ้าเสียแล้ว. ฉะนั้นความจริงที่มีนามว่าอริยสัจ จึงได้แก่ความจริงอย่างหนึ่งหรือลักษณะ หนึ่งโดยเฉพาะและเห็นได้ในขณะที่เป็นพระอริยเจ้าเท่านั้น
.
ข้อนี้ย่อม เป็นการแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เรียกว่าความจริงนั้นยังมีอีกมากมายนัก
และอยู่นอกเหนือความจำเป็น แม้เท่าที่อยู่ในวงของความจำเป็นจะต้องรู้จะต้องทราบ ก็ยังมีมาก ขนาดต้องใช้ปัญญาของผู้ที่เป็นสัพพัญญู คนธรรมดาแม้จะรู้ความจริงถึงขนาดพ้นทุกข์แล้ว ก็รู้ในวงจำกัดเท่าที่เกี่ยวกับความจำเป็นของตนไม่กว้างถึงเพื่อผู้อื่นซึ่งมีอุปนิสัยใจคออย่างอื่นและก็เท่าที่ปรากฏแก่ใจของตนเท่านั้น
.
ปาฐกถาพิเศษ
ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม
แสดงโดย ภิกขุ พุทธทาส อินฺทปญฺโญ
ณ พุทธสมาคม กรุงเทพฯ
ที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๙๐
อ่านออนไลน์ http://bit.ly/2eI0rQW
ดาวโหลด http://bit.ly/2eZTMOQ
หนังสือเล่มอื่น ๆ http://bit.ly/2w3bmY3