เด็กคนที่1-คนที่พ่อแม่เลิกกัน ทะเลาะกัน แล้วเลิกกันตั้งแต่เด็ก (ป.3)
ปัจจุบันเด็กคนนั้น โตแล้วคิดได้ ไม่มีปัญหากับอดีต
เด็กคนที่2-กับคนที่พ่อแม่ทะเลาะกันแต่ไม่เลิกกันเป็นปัญหายันโต
ปัจจุบันโตแล้ว แต่เรื่องราวยังเป็นปมในใจ เพราะยังเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่
แต่เด็กทั้งสองคนโตมา ไม่มีปัญหากับสังคม การเรียนผ่านด้วยดี มีงานทำที่มั่นคง
คนสองคนมาคุยกันเรื่องปัญหานี้
เด็กคนที่2 ปรึกษาคนที่1
เด็นคนที่1 บอกว่าให้ปล่อยวาง ดูคนอื่นที่ชีวิตแย่กว่าเทอสิ เรายังตัดได้เลย
เด็กคนที่2 บอกว่า เทอตัดได้เพราะมันเป็นเรื่องราวอดีต แต่เราตัดไม่ได้เพราะมันยังเป็นปัจจุบันของเรา
ทั้งสองคนมีเหตุผลของตัวเอง คนที่1 คิดว่าเป็นเพราะความคิดของเราเอง ถ้าคิดได้ก็ตัดได้
ส่วนคนที่2 คิดว่ามันเป็นเพราะสภาพแวดล้อม ต่อให้คิดได้ แต่ต้องเจอเหตุการณ์ซ้ำๆ ก็ยังเป็นปมอยู่ดี
ควรอธิบายกับสองคนนี้ยังงัย ถ้าเป็นคนกลาง
คนที่พ่อแม่เลิกกัน ทะเลาะกัน แล้วเลิกกันตั้งแต่เด็ก กับคนที่พ่อแม่ทะเลาะกันแต่ไม่เลิกกันเป็นปัญหายันโต ใครมีปมมากกว่ากั
ปัจจุบันเด็กคนนั้น โตแล้วคิดได้ ไม่มีปัญหากับอดีต
เด็กคนที่2-กับคนที่พ่อแม่ทะเลาะกันแต่ไม่เลิกกันเป็นปัญหายันโต
ปัจจุบันโตแล้ว แต่เรื่องราวยังเป็นปมในใจ เพราะยังเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่
แต่เด็กทั้งสองคนโตมา ไม่มีปัญหากับสังคม การเรียนผ่านด้วยดี มีงานทำที่มั่นคง
คนสองคนมาคุยกันเรื่องปัญหานี้
เด็กคนที่2 ปรึกษาคนที่1
เด็นคนที่1 บอกว่าให้ปล่อยวาง ดูคนอื่นที่ชีวิตแย่กว่าเทอสิ เรายังตัดได้เลย
เด็กคนที่2 บอกว่า เทอตัดได้เพราะมันเป็นเรื่องราวอดีต แต่เราตัดไม่ได้เพราะมันยังเป็นปัจจุบันของเรา
ทั้งสองคนมีเหตุผลของตัวเอง คนที่1 คิดว่าเป็นเพราะความคิดของเราเอง ถ้าคิดได้ก็ตัดได้
ส่วนคนที่2 คิดว่ามันเป็นเพราะสภาพแวดล้อม ต่อให้คิดได้ แต่ต้องเจอเหตุการณ์ซ้ำๆ ก็ยังเป็นปมอยู่ดี
ควรอธิบายกับสองคนนี้ยังงัย ถ้าเป็นคนกลาง