อย่าลืม!! ไปตรวจสุขภาพก่อนที่จะพลาดโอกาสในการทำงานที่แห่งใหม่

กระทู้คำถาม
เกริ่นก่อนนะครับ เรื่องนี้เกิดมาได้ 1 อาทิตย์แล้วครับ พอดีผมได้งานใหม่ครับ และผมก็มีนัดเซ็นต์สัญญาจ้างกับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งครับ ซึ่งก่อนเซ็นต์สัญญา HR แจ้งว่าต้องไปตรวจสุขภาพก่อนตามขั้นตอนปกติ แต่...เมื่อตรวจสุขภาพแล้ว ผลการตรวจสุขภาพปรากฎว่า เลือดปกติครับ/ไม่มีปัญหาอะไร แต่ x-ray ปอดแล้ว คือ ผมป่วยเป็น "โรคปอดอักเสบ" หรือ"วัณโรค"นั่นเอง ครับไม่ผิดหรอกครับ ผมถึงกับช็อกไปเป็นไม่เลย เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมีอาการเลย จู่ ๆ มามีอาการ 1 อาทิตย์ ก่อนที่ทำงานใหม่จะนัดผมมาเซ็นต์สัญญา ผมไปตรวจทั้ง รพ.ที่เป็นคู่สัญญาเพื่อพบหมออายุรกรรม และไปตรวจ รพ.ประสานมิตร (ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะด้านวัณโรค) ผลก็ออกมาตรงกันครับ คราวนี้คุณหมอที่ รพ.คู่สัญญาก็ให้ยามากินครับ (ผมก็นั่งทำใจอยู่นาน คุยให้พ่อแม่ฟัง แล้วก็ผมก็ต้องยอมรับกับผลที่เกิด)

   คราวนี้... ผมพอรู้คราว ๆ ว่า "ต้องเซ็นต์สัญญาไม่ได้แน่ๆ" เพราะเป็นโรคร้ายแรงขัดต่อการทำงาน ผมก็เลยตัดสินใจมาหา HR เองที่นัดเซ็นต์สัญญา (ในวันที่นัด) แล้วก็แจ้งผลการตรวจสุขภาพก่อนอันดับแรกเลย เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการเตรียมเอกสารเซ็นต์สัญญาทั้งหมด HR ก็ขอใบผลตรวจสุขภาพแล้วก็หายไปประมาณ 10 นาทีได้ แล้ว HR ก็เข้ามาแจ้งผมเรื่องเซ็นต์สัญญา ซึ่งก็เป็นไปตามที่ผมคาดครับ HR แจ้งว่าไม่สามารถจ้างงานได้ เพราะเป็นโรคร้ายแรง (แต่ยังโชคดีที่ผมยังไม่ลาออกจากที่ทำงานเดิม)ตอนนั่น ผมไม่ได้โกรธ HR เลย แต่โกรธผมเองไม่ดูแลสุขภาพแล้วปล่อยให้ตัวเองป่วย (โดยที่ไม่รู้และไม่ไปหาหมอ) ผมขอบคุณ HR ที่ให้โอกาสผม พอขอบคุณเสร็จ ผมก็ออกจากห้องแล้วก็เดินทางกลับเลยครับ

   ที่ผมมาตั้งกระทู้เพราะอยากให้เพื่อน ๆ ใส่ใจสุขภาพครับ ครอบครัวผมไม่มีใครป่วยเป็นวัณโรค แต่คุณหมอบอกว่า อาจจะได้รับเชื้อจากคนอื่นหรือที่อื่น  หมั่นตรวจสุขภาพนะครับ เพราะเมื่อโอกาสมันมาถึงแล้วมันจะไม่ย้อนมาอีก ต่อจากนี้...ผมก็ต้องดูแลตัวเองมาก ๆ ทานยาตามหมอสั่งอย่างเคร่งครัด ก็เลยตั้งกระทู้ฝากเพื่อน ๆ ทุกคนให้ระมัดระวังด้วยนะครับ
ขอบพระคุณครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
วัณโรค ไม่ใช่โรคร้ายแรงครับ
เป็นโรคที่รักษาได้ และง่ายมากๆ แค่กินยา

ที่สำคัญ
คนไทยมากกว่าร้อยละ 60-80% มีเชื้อนี้ในร่างกาย

ผู้ติดเชื้อ มี 2 ประเภท
1. แบบแสดงอาการ
2. แบบไม่แสดงอาการ

ย้ำว่าโรคนี้ไม่น่ากลัว และไม่ใช่โรคน่ารังเกียจ
ผู้ป่วยที่เริ่มกินยา จะหยุดการแพร่เชื้อภายใน 1 สัปดาห์
กินยาต่อเนื่อง 6 เดือน จะหายขาดจากโรค
ยกเว้นเชื้อดื้อยา อาจจะต้องกินยานานกว่า 6 เดือน - 2 ปี

ข้อควรระวัง
ต้องกินยาจนกว่าหมอจะบอกให้หยุดกินได้
เพราะผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ ส่วนมากชอบคิดว่าตนเองหายแล้ว เพราะไม่แสดงอาการ และไม่ยอมกินยาต่อจนเชื้อสิ้นฤทธิ์ กลายเป็นว่าเชื้อในตัวกลายเป็นเชื้อดื้อยา คนกลุ่มนี้เรียกว่าคนมักง่าย ที่ไปทำให้เชื้อแข็งแรงขึ้น และคนอื่นๆต้องมานั่งเดือดร้อนไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่