เกิดอะไรขึ้นเมื่อเคี้ยวเจอของแข็ง "ฟันกรามแตก" ในร้านขนมหวานชื่อดัง

มีเรื่องราวที่อยากจะเล่าให้ฟัง
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อ 2 วันก่อน ในร้านขนมหวานชื่อดังมาก ร้านโปรดผมเอง
ผมชอบทานเพราะบรรยากาศร้านและความอร่อยที่โดดเด่นแตกต่างจากขนมหวานเจ้าอื่นๆ
ร้านนี้มีบริการชาให้ทานฟรี ซึ่งตัดเลี่ยนขนมหวานได้อย่างลงตัวครับ
บวกกับลูกค้าที่รอคิวรับประทานอย่างหนาแน่น ทำให้ร้านนี้ดึงดูดผมเป็นอย่างมาก
เป็นร้านประจำที่ผมจะเข้าบ่อยเวลามาเดินห้าง

วันนั้นผมสั่งขนมที่เป็นน้ำแข็งใสสไตล์ญี่ปุ่น(Kakigori) เหมือนทุกครั้งที่มา และก็น้ำมะม่วงปั่น
ขณะที่กินไปได้ประมาณครึ่งถ้วยผมรู้สึกได้ว่าไปกัดโดนอะไรแข็งๆบางอย่างค่อนข้างแรง แต่ก็ยังคงทานต่อไปสักพัก
ก็คิดว่าอาจจะเป็นเกล็ดของช็อคโกแลตที่อยู่ภายในขนม หรือเศษน้ำแข็งอะไรสักอย่าง
ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ยังทานต่อไป
และก็มารู้สึกว่ากัดโดนเศษแข็งๆอีกครั้งนึง ผมจึงคายออกมาก็พบว่าเจอเศษสีขาวๆแข็งๆจำนวน 3 ชิ้น
ตอนนั้นตกใจมาก มันคือเศษฟันของเรานี่หว่า? เป็นไปได้ยังไง? ฟันเราแตกเหรอ
ตายละ เกิดอาการเครียดขึ้นมาในบัดดล
และก็ยังเจอเศษสีดำชิ้นเล็กๆที่แข็งมากอีก 1 ชิ้น
ตอนนั้นก็คิดว่าเศษสีดำอันนี้คือสาเหตุที่ทำให้เราฟันแตกหรือเปล่าเนี่ย?

ฟันของเราคงไปกัดโดนอะไรบางอย่างในขนมนั้นแล้วแตก ไม่ทราบว่ามันคืออะไร
ในรูปข้างบนจะเป็นรูป เศษฟันกรามซี่ทางซ้ายบนของผม กับของแข็งปริศนาสีดำ

ผมจึงเรียกพนักงานมาพร้อมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น และส่งเศษสีดำชิ้นเล็กๆนั้นให้พนักงานดู
เพื่อต้องการทราบว่าสิ่งนั้นคืออะไร
ผมบอกว่า "ผมกินขนมอยู่ เคี้ยวเจอของแข็งๆ คายออกมาเจอสิ่งนี้ไม่ทราบมันคืออะไร ตอนนี้ฟันของผมแตก"
พนักงานหยิบใบเสร็จของผมเดินกลับไปสักครู่ และเดินกลับมา
พร้อมแสดงสปิริท คืนเงินค่าขนมหวานในส่วนที่เป็น Kakigori ให้ผมทันที จำนวน 245 บาท
ทั้งยังขอชื่อเบอร์ติดต่อ และให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวแก่ผมไว้
พร้อมบอกว่า ทางร้านขอตรวจสอบและจะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นให้อีกด้วย
โดยจะหาข้อสรุปและโทรติดต่อกลับไปหาผมภายใน 2 วัน
คนที่คุยกับผมคือผู้ช่วยผู้จัดการร้าน

ในตอนนั้นผมรู้สึกเจ็บฟัน แต่ก็รู้สึกประทับใจในสิ่งที่ร้านตอบสนอง
ในใจก็คิดว่า ก็ดีนะ ที่อาจจะได้รับการชดเชยสินไหมจากทางร้าน หรืออาจจะเป็นอะไรสักอย่าง

ในคืนนั้นผมทรมานมากเพราะฟันมันแตก ยังรู้สึกปวดจากแรงปะทะในตอนนั้นอยู่
ฟันเป็นรู เศษอาหารสามารถหลุดลงไปติดได้ง่ายมากๆ
เคี้ยวอาหารไม่ถนัดเลยเพราะต้องย้ายฝั่งมาเคี้ยวทางขวาแทน
จะรู้สึกไม่ชิน รู้สึกว่าเหมือนมีเศษอาหารอยู่ในนั้นตลอดเวลา
ก็จะชอบเอาลิ้นไปดุนๆ จนลิ้นโดนบาดเป็นรอย ก็จะรู้สึกชาๆที่ลิ้นไปด้วย
มันเป็นความรู้สึกที่ทุกข์ทรมานใจยิ่งนัก แต่ก็ต้องทนรอไปก่อน เพื่อฟังคำตอบจากทางร้าน

ผ่านไปเพียงวันเดียว ทางร้านก็ติดต่อกลับมา รวดเร็วทันใจมาก
โดยบอกว่า ทางร้านจะพาผมไปทำฟัน
ให้ผมหาคลินิกหรือโรงพยาบาลที่สะดวก เข้าทำการรักษาได้เลย
ทางร้านมีทำประกันเอาไว้ เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายตรงนี้อยู่พอดี
ตอนนั้นก็คิด เฮ้ยยย พวกเขาแสดงความรับผิดชอบดีนะ จะดูแลค่าทำฟันให้เราด้วยอะ

ผมติดต่อหาคลินิกทันตกรรมเรียบร้อย และโทรกลับไปนัดทางร้านอีกทีเป็นวันรุ่งขึ้นช่วงค่ำ
โดยที่ทางร้านจะส่งคนมาพบผมที่คลินิกนั้นเลย
ซึ่งก็คือผู้จัดการร้าน และคนที่รับเรื่องในวันนั้น (ผู้ช่วยผู้จัดการ) จะเข้ามาด้วยกัน 2 คน
ก็คือทางร้านตั้งใจว่าจะรับผิดชอบโดยการชำระค่าใช้จ่ายทำฟันให้ตามจริง

ผมก็รู้สึกดี อย่างน้อยทางร้านก็จะช่วยจ่ายค่าอุดฟันให้ผมนิดหน่อย
ถ้าฟันของผมกลับมาเคี้ยวได้เหมือนเดิมผมก็รู้สึกโอเคแล้วนะ

วันถัดมา ผมก็ได้เจอกับผู้จัดการร้านขนมหวานร้านนี้
เขาตามผมมาที่คลินิก มาในเครื่องแบบของร้านขนมหวานนั้นเลย บนเสื้อมีชื่อร้านปรากฏชัดเจน
สมกับชื่อว่าพวกเขาตามเรามา
ผมก็คิดว่า เฮ้ยนี่คือมาในหน้าที่เลยอะ เจียดเวลางานออกมาเพื่อพบเราเลยหรือนี่?
พวกเขามากัน 2 คน ด้วยรถยนต์ส่วนตัว
พอเราเจอกัน ผู้จัดการเข้ามาสวัสดีผมพร้อมถามผมด้วยความเป็นห่วงว่า
"ฟันของผมเป็นยังไง เคี้ยวอาหารลำบากไหม"
ผมคิดในใจ โหหห ดีจังเลย ใส่ใจความรู้สึกลูกค้าด้วยนะ

หลังจากที่คุยกันได้สักพัก ผมก็ได้ทราบมาว่า
ในวันที่เกิดเหตุ ทางร้านได้มีการเอาเครื่องปั่นน้ำแข็งทั้ง 2เครื่องในร้านมาตรวจสอบดูอย่างละเอียด
เพื่อหาสาเหตุของของแข็ง เผื่อจะมีอุปกรณ์ชิ้นส่วนไหนหลุดออกมา
เครื่องปั่น ใบพัด ชิ้นส่วนต่างๆ ก็ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ
ช่วงที่ตรวจสอบยังได้พักการทำงานของสองเครื่องปั่นน้ำแข็งนี้ด้วย
โดยการเบิกเครื่องใหม่มาใช้งานแทนเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกค้าคนอื่นๆ
เขาบอกว่าเป็นไปได้เหมือนกันว่ามันอาจจะมาจากขนมที่อยู่ด้านใน
ผมรู้สึกถึงความใส่ใจ และความจริงจังในการแก้ไข้ปัญหาของผู้จัดการร้านนี้
และก็รู้สึกดีในมาตรฐานความปลอดภัยของทางร้านอีกด้วย

หลังจากนั้น ผมก็ให้คุณหมอตรวจดูฟันซี่ที่แตก ผลเสียหายมันมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้เยอะเลย
หมอทำการเอ๊กเรย์ฟันของผม 2ครั้ง เอาฟิล์มมาตรวจดูก็พบว่า
ฟันด้านนึงแตกลึกลงไปถึงขอบเหงือก เสียหายถึงเส้นประสาทรากฟัน ไม่สามารถรักษาเพียงแค่การอุดปกติได้
ต้องรักษาราก และทำครอบฟัน แต่นั่นก็อาจจะยังไม่ดีพอเพราะมันมีโอกาสหลุดหรือกลับมาเสียหายได้อีก
เพราะขอบฟันอยู่ต่ำเกินไป ครอบยาก ดูแลก็ยาก
ถ้าจะให้ดีที่สุดคือต้องทำการฝังรากเทียม ซึ่งค่าใช้จ่ายมันจะสูงมาก ประมาณร่วมแสนบาท
ผมคิดว่ามันจะหนักไปสำหรับร้านที่จะมารับผิดชอบค่ารักษาถึงขนาดนี้ เพียงเพราะแค่ขนมถ้วยนั้นเดียว
ก็เลยคิดว่าให้รักษารากกับทำครอบฟันก็น่าจะเพียงพอแล้ว
พอสอบถามค่าใช้จ่าย ก็ได้ความว่า
ค่ารักษารากจะประมาณ 7,000บาท
ค่าวัสดุอุปกรณ์ทำครอบฟันประมาณ 2หมื่นกว่าบาท
รวมแล้วจะประมาณ 3หมื่นบาท
ต้องเข้ามาทำฟันทั้งหมด 5ครั้ง ถึงจะเสร็จเรียบร้อยดี
โอ้วววว ผมรู้สึกตกใจกับค่ารักษาที่สูงอลังการเป็นอย่างมาก

พอผู้จัดการร้านขนมทราบค่าใช้จ่ายตามที่หมอฟันแจ้งมา ว่าประมาณ3หมื่นก็หน้าถอดสีทันที
เขาบอกว่า "ถ้าค่าใช้จ่ายสูงขนาดนี้ ผมคงต้องโทรถามที่ร้านใหม่อีกครั้งแล้วล่ะครับ"
พร้อมเดินออกไปโทรศัพท์นอกคลินิก

ผมก็ยังอึ้งอยู่ เอาล่ะสิ ใครจะรับผิดชอบค่าทำฟันล่ะงานนี้

เดี๋ยวมาเล่าต่อนะครับ พิมพ์จนตาแฉะแล้ว ขอไปนอนพักสายตาก่อนครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่