คิดยังไงกับผู้จัดการกองทุนที่กล้าลงทุนในบริษัทที่ pe เกิน 150 เท่า แต่ roe แค่ 6.9 ทั้งๆที่ net profit marginสูงถึง28%

คือจะว่าไป จะบอกว่าเป็นกระทู้ระบายก็ได้เพราะเจอมาก่ะตัว ตัวเองเป็นคนที่มีความรู้ด้านการเงินและบัญชีประมาณหนึ่ง (จบบริหาร) และก็ลงทงหุ้นด้วยเลยขอบอกว่ายอมรับความเสี่ยงที่คำนวนไว้แล้วได้ (calculate risk) หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่ที่เกิดแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แม่ผมลงทุนกองทุนตราสารหนีที่ขายโดยธนาคารแห่งหนึ่ง (และมี บลเป็นของตัวเอง) โดยในหนังสือชื้ชวนก็เป็นลักษณะกองปิด 6 เดือน ลงทุนตราสาร 4 ตัว และมี 1 ตัวที่ non-rate ที่เหลือ bbb ขึ้นไป ความเสี่ยงกองระดับ 4
ที่เป็นห่วงที่สุดคือตัวที่ non-rate จึงได้ทำการ research เพิ่มเติมและเห็นว่าน่าจะโอเคในระยะ 6 เดือน ดูอัตราส่วนต่างๆ งบการเงิน และกระแสเงินสดแล้วก็ยังพอโอเค จึงตัดสินใจลงทุน แต่สิ่งที่พลาดที่ใหญ่ที่สุดคือ *   ใช่ครับ * ไอ้ดอกจันเล็กๆตรงมุมไหนสักมุมนี้แหละว่าผู้จัดการกองทุนสามารถเลือกสับเปลี่ยนตราสารได้หาก บลาๆๆๆๆๆๆ สรุปคือ ตัว non-rate ที่ผมศึกษามา ผู้จัดการกองทุนไม่ได้นำเงินไปลงทุนครับ แต่นำเงินไปลงทุนใน อีกตราสารที่ non rate เหมือนกัน แต่อัตราส่วนต่างกัน แน่นอนอัตราส่วนบางตัวก็ดูดี แต่บางตัวก็ดูแย่กว่า แม่ผมลงทุนปี 59 ไตรมาส 3 นอกจากผมแล้วผจกกองทุนจึงควรจะเห็นงบปี 57 -58 และ 59 อย่างน้อย 1 ไตรมาส ผมเลยจะลองเปรียบเทียบตัวเลขให้ดูเฉพาะปี 57-58
บริษัท B คือที่โฆษณาไว้
บริษัท A คือที่ลงทุนจริง
Ratio    Company A 57    Company A 58    Company B 57    Company B 58
                
ROE              2.53           6.94                    17.57        12
ROA              3.88           4.4                    11.53        7.09
NPM              11.39           28.21                    16.37        14.07
PE              220.17           174.98           41.57        46.58
DE              0.475           1.83                    1.16                1.27

ผู้จัดการกองทุนเลือกลงทุนในบริษัท A ที่ roe ต่ำทั้งๆที่ net profit margin สูงมากแล้ว (ความหมายโดยนัยคือการจะทำให้ NPM สูงกว่านี้คงจะยากมากเช่น 32% เป็นต้น) แถม d/e ยังสูงมาก และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ท้ายที่สุดตราสารก็ default ภายในไม่กี่เดือน แต่หลังจาก default สิ่งที่ผู้บริหารกองใช้ในการกล่าวอ้างเพื่อเลือกกองคือ บริษัทนี้มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้ ถึง กว่า 5000 ล้าน ก็น่าจะขายทรัพย์ได้ คำถามคือบริษัทอื่นๆ หรือตัวที่ผมเทียบ ก็มีทรัพย์มากกว่าหนี้ กว่า 8000 ล้าน เช่นกัน ไม่ได้จะอะไรนักหนา แค่อยากรู้ว่าคิดยังไงกันบ้างครับ และเมื่อเกิดการ default ตราสารแบบนี้นานแค่ไหนกว่าจะได้คืนครับ คาดว่าหลายๆคนคงพอจะเดาออกว่าเป็นตราสารของบริษัทใด
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่