การลงทุน มีความเสี่ยงแต่การไม่ลงทุนอะไรเลยเสี่ยงเยอะกว่า
ลงทุน กระจายความเสี่ยง อย่าใส่ไข่ ไว้ในตะกร้า ใบเดียว
ลงทุน ไม่ได้ มี กำไร เสมอ ขาดทุน
ลงทุน ถ้า ขาดทุน ถูกหลอก จะ อนุโมทนาบุญ ได้แค่ไหน
ลงทุน ในความไม่รู้ด้วยความรู้
ลงทุน DCA บางที ก็มี ข้อเสีย แต่ ทำให้ มี วินัย
ลงทุน จัดพอร์ต ลงทุน
ลงทุน ช้า เงินหาย มหาศาล
ลงทุน อย่า โลภ โลภ เยอะ ลาภ หาย
ลงทุน อ่าน หนังสือ ชี้ชวน ก่อน ซื้อ ลงทุน
ลงทุน ไม่รู้จัก อย่า ลง
อย่า ลงทุน ตาม คนอื่น เพราะ ถ้า เขา รู้จริง เขา จะชวน คุณ ทำไม ทำไม เขา ไม่ลงทุน เอง เชื่อ คนอื่น ระวัง มิตร ไม่ใช่ ธรรมดา มิจฉาชีพ ถ้า คุณ เชื่อ เขา เขา ขาดทุน แต่ ถ้า เชื่อตัวเอง คุณ อาจจะ กำไร รู้อะไร ไม่สู้รู้อย่างนี้
อย่ามอง ด้านเดียว
รู้ ไม่เท่ากัน ผลตอบแทน ไม่เท่ากัน
High Risk High Return
หุ้นกู้เหมาะกับนักลงทุนที่ ต้องการรายได้สม่ำเสมอ และ ยอมรับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูงกว่าเงินฝาก นักลงทุนประเภทนี้มักจะมองหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก แต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงสูงเท่ากับการลงทุนในหุ้นสามัญ นอกจากนี้หุ้นกู้ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการ กระจายความเสี่ยง และ สร้างรายได้ประจำ (Passive Income)
นักลงทุนประเภทนี้ควรมองหาหุ้นกู้หาก
ต้องการรายได้ประจำในรูปแบบดอกเบี้ย
ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง ซึ่งมักจะสูงกว่าเงินฝาก
ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากหรือพันธบัตรรัฐบาล
ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนโดยรวม
มีเป้าหมายการลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาวที่ต้องการเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนด
ข้อดีที่อาจดึงดูดให้เลือกลงทุนในหุ้นกู้
รายได้ประจำ: จ่ายดอกเบี้ยเป็นงวดๆ ทำให้สามารถวางแผนการเงินได้ง่าย
ผลตอบแทนสูงกว่า: มักให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากและพันธบัตรรัฐบาล เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงกว่า
ความปลอดภัยของเงินลงทุน: หากเลือกลงทุนในหุ้นกู้ที่น่าเชื่อถือสูง (Investment Grade) ความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินต้นคืนจะต่ำ
การกระจายความเสี่ยง: ช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีความสมดุลมากขึ้น เมื่อรวมกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง
สภาพคล่อง: หุ้นกู้บางตัวสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ในตลาดรองก่อนถึงกำหนดไถ่ถอน
ระดับความเสี่ยงของหุ้นกู้แบ่งได้ตามอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ซึ่งมีตั้งแต่ระดับ Investment Grade (ความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง) ไปจนถึง Non-Investment Grade หรือ Speculative Grade (ความเสี่ยงสูง) และ Unrated (ไม่มีการจัดอันดับ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมาก). การประเมินความเสี่ยงยังต้องพิจารณาความเสี่ยงด้านอื่น ๆ เช่น ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง.
ระดับความเสี่ยงของหุ้นกู้
Investment Grade:
อันดับเครดิตอยู่ในระดับสูง (เช่น AAA, AA, A, BBB)
ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำถึงปานกลาง
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่สูงมากนัก
Non-Investment Grade (Speculative Grade หรือ High Yield Bond):
อันดับเครดิตต่ำกว่า BBB- (เช่น BB+, BB, B, CCC)
ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูง
จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงขึ้น
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการผลตอบแทนสูง
Unrated:
ไม่มีการจัดอันดับเครดิต
มักมีความเสี่ยงที่สูงมาก
นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
ความเสี่ยงอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณา
ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk): ความเสี่ยงที่บริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะไม่สามารถชำระคืนเงินต้นหรือดอกเบี้ยได้ตามกำหนด
ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk): หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับสูงขึ้น มูลค่าของหุ้นกู้จะลดลง
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk): ความยากง่ายในการซื้อขายหุ้นกู้นั้นในตลาดรองก่อนครบกำหนดอายุ
ข้อควรระวังและข้อเสียหลักของการลงทุนหุ้นกู้คือ ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (บริษัทอาจไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหรือเงินต้นได้) ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (ขายหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดได้ยาก) และ ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (หากดอกเบี้ยตลาดสูงขึ้น ราคาหุ้นกู้ในตลาดรองจะลดลง). นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้านราคา และความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่รับ.
1. ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (Credit Risk)
ข้อเสีย: หากบริษัทผู้ออกหุ้นกู้มีปัญหาทางการเงิน ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหรือคืนเงินต้นตามกำหนดได้ ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมด.
ข้อควรระวัง: พิจารณาอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของบริษัทที่ออกหุ้นกู้ และศึกษาผลประกอบการของบริษัทให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน.
2. ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk)
ข้อเสีย: หุ้นกู้บางรุ่นอาจมีสภาพคล่องต่ำในตลาดรอง ทำให้ขายหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดได้ยาก หรืออาจต้องขายในราคาที่ไม่น่าพอใจ.
ข้อควรระวัง: หากต้องการขายหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด ควรเลือกลงทุนในหุ้นกู้ที่มีสภาพคล่องสูง หรือเตรียมพร้อมที่จะถือหุ้นกู้จนกว่าจะครบกำหนด.
ถ้า จะ ลงทุน หุ้นกู้ แบ่ง เงิน อีก 3 ส่วน ไป ลงทุน พันธบัตรรัฐบาล ลงทุน กองทุนตราสารหนึ้ กระจายความเสี่ยง
ลงทุน พันธบัตรรัฐบาล
การลงทุนพันธบัตรรัฐบาลเหมาะกับ ผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยและต้องการผลตอบแทนที่แน่นอน เช่น ผู้เริ่มต้นลงทุน ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาวเพื่อเป้าหมายทางการเงิน เช่น การเกษียณ หรือการศึกษาบุตร เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลมีความเสี่ยงต่ำจากการที่รัฐบาลเป็นผู้ออก และให้ผลตอบแทนที่แน่นอน
เหมาะกับใครบ้าง
ผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย: เป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงและมีความเสี่ยงต่ำ
ผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่แน่นอน: ได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ในระยะเวลาที่แน่นอน
ผู้เริ่มต้นลงทุน: เป็นทางเลือกที่สามารถเริ่มต้นได้ง่าย ด้วยเงินลงทุนไม่สูงมากนัก
ผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาว: เช่น เพื่อการเกษียณ การศึกษาบุตร หรือเป้าหมายอื่นในอนาคต
ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง: ช่วยสร้างสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุนโดยรวม
ข้อควรพิจารณา
สภาพคล่อง: แม้จะสภาพคล่องสูง แต่การขายก่อนครบกำหนดอาจทำให้เสียโอกาสหรือขาดทุนได้ ขึ้นอยู่กับสภาวะอัตราดอกเบี้ยในขณะนั้น
ผลตอบแทน: ผลตอบแทนอาจน้อยกว่าการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น หุ้น
การวางแผนการเงิน: หากต้องการเงินก้อนเพื่อใช้จ่ายในระยะสั้น พันธบัตรรัฐบาลอาจไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากต้องรอจนครบกำหนด
ลงทุน กองทุนตราสารหนี้
กองทุนตราสารหนี้เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ไม่สูง ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ และต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตลงทุน โดยเฉพาะ นักลงทุนมือใหม่ ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนด้วยความเสี่ยงต่ำ และ นักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่อง เพื่อพักเงินระยะสั้น ทั้งนี้ การเลือกกองทุนจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาลงทุนและสถานการณ์ดอกเบี้ย
กองทุนตราสารหนี้เหมาะกับใคร?
นักลงทุนมือใหม่: ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนโดยมีความเสี่ยงต่ำ และยังไม่คุ้นเคยกับการลงทุนที่ผันผวน
นักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง: ที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ และไม่คาดหวังผลตอบแทนที่หวือหวา
นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง: เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนโดยรวม
ผู้ที่ต้องการพักเงินระยะสั้น: สามารถเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อสำรองเงินฉุกเฉิน หรือรอโอกาสลงทุนในสินทรัพย์อื่น
การเลือกกองทุนตามสถานการณ์
เมื่อดอกเบี้ยขาขึ้น: ควรเลือกกองทุนที่มีอายุตราสารหนี้สั้น เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อดอกเบี้ยขาลง: ควรเลือกกองทุนที่มีอายุตราสารหนี้ยาวขึ้น เพื่อโอกาสได้รับผลกำไรจากราคาตราสารหนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับนักลงทุนระยะยาว: สามารถเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้น เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ต้องยอมรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้
ฝากข้อคิด
ลงทุน กระจายความเสี่ยง อย่าใส่ไข่ ไว้ในตะกร้า ใบเดียว
ลงทุน ไม่ได้ มี กำไร เสมอ ขาดทุน
ลงทุน ถ้า ขาดทุน ถูกหลอก จะ อนุโมทนาบุญ ได้แค่ไหน
ลงทุน ในความไม่รู้ด้วยความรู้
ลงทุน DCA บางที ก็มี ข้อเสีย แต่ ทำให้ มี วินัย
ลงทุน จัดพอร์ต ลงทุน
ลงทุน ช้า เงินหาย มหาศาล
ลงทุน อย่า โลภ โลภ เยอะ ลาภ หาย
ลงทุน อ่าน หนังสือ ชี้ชวน ก่อน ซื้อ ลงทุน
อย่ามอง ด้านเดียว
High Risk High Return
ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk): ความเสี่ยงที่บริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะไม่สามารถชำระคืนเงินต้นหรือดอกเบี้ยได้ตามกำหนด
ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk): หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับสูงขึ้น มูลค่าของหุ้นกู้จะลดลง
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk): ความยากง่ายในการซื้อขายหุ้นกู้นั้นในตลาดรองก่อนครบกำหนดอายุ
สภาพคล่อง: แม้จะสภาพคล่องสูง แต่การขายก่อนครบกำหนดอาจทำให้เสียโอกาสหรือขาดทุนได้ ขึ้นอยู่กับสภาวะอัตราดอกเบี้ยในขณะนั้น
ผลตอบแทน: ผลตอบแทนอาจน้อยกว่าการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น หุ้น
การวางแผนการเงิน: หากต้องการเงินก้อนเพื่อใช้จ่ายในระยะสั้น พันธบัตรรัฐบาลอาจไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากต้องรอจนครบกำหนด
ลงทุน กองทุนตราสารหนี้
เมื่อดอกเบี้ยขาลง: ควรเลือกกองทุนที่มีอายุตราสารหนี้ยาวขึ้น เพื่อโอกาสได้รับผลกำไรจากราคาตราสารหนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับนักลงทุนระยะยาว: สามารถเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้น เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ต้องยอมรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้