คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 18
"...มีข้อมูลหลายแห่งบอกว่าการนั่งสมาธิหรือการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน จะได้บุญมากกว่าการให้ทาน..."
ขอเสริมส่วนนี้นะครับ
ที่บอกว่า การนั่งสมาธิหรือวิปัสสนาได้บุญมากกว่า หมายถึงว่าบุคคลผู้นั้น เจริญมรรคมีองค์แปดจนถึงขั้นเจริญสติแล้ว (สัมมาสติ สัมมาสมาธิ)
หรือถ้าเป็นลำดับก่อนหน้านี้ คือ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ ซึ่งก็คือศีล 5 นั่นเอง ได้อานิสงส์มากกว่าการทำทาน สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร หรือแม้กระทั่งทำทานกับพระอรหันต์หรือพระพุทธเจ้า
เพราะแสดงให้เห็นถึงว่าบุคคลผู้นั้น ใกล้สู่การเกิดปัญญาหรือบรรลุธรรม หรืออยู่ในส่วนของอริยสัจสี่แล้ว
ไม่ใช่มีคนกำลังจะสร้างโบสถ์ สร้างศาลาให้วัด แต่เรากลับคิดว่า เดี๋ยวฉันไปนั่งสมาธิ ท่องพุทโธ ยุบหนอ สัก 1 ชั่วโมง หรือรักษาศีล 5 สัก 5 วัน 7 วัน น่าจะได้บุญมากกว่า แบบนี้ไม่ใช่นะครับ
ยกตัวอย่าง เจ้าของบริษัทขายอาหารสัตว์ สุรา ฯลฯ ที่มีเงินเป็นพันล้าน หมื่นล้าน คนเหล่านี้แม้จะเป็นสัมมาทิฏฐิ รู้บาปบุญคุณโทษ แต่ก็ไม่สามารถเจริญมรรคได้ (รักษาศีลไม่ได้) จึงมักจะทำทานเป็นจำนวนมากๆ ใช้เงินมหาศาลในการทำบุญ
ในขณะที่พระอาจารย์สิริปันโน ลูกชายมหาเศรษฐีมาเลเซีย แม้จะมีมรดกมากกว่า 3 แสนล้านบาท แต่ก็ไม่ได้เอาเงินทำบุญแม้แต่บาทเดียว (ที่จริงก็คงทำนะครับ ก่อนบวช) แต่เลือกที่จะไปบวช ซึ่งเป็นบุญกุศลสูงสุด
มีตัวอย่างบุคคลท่านหนึ่ง (สัมภาษณ์ออกรารการทีวี) ชอบไปทำบุญกับพระรูปหนึ่ง ซึ่งหลายคนเชื่อว่าท่านคือพระอรหันต์ (ผมขอไม่เอ่ยนาม เพราะท่านไม่อยากให้คนไปพบ เพราะมีแต่คนชอบทำบุญแต่ไม่ปฏิบัติ)
บุคคลท่านนั้นได้เล่าว่า ไปหาหลวงพ่อบ่อย ไปทำบุญ น่าจะเป็นการบริจาคเงิน จนกระทั่งวันหนึ่ง หลวงพ่อได้พูดว่า "อาตมาขออะไรโยมอย่างหนึ่งได้มั้ย?"
ซึ่งสิ่งที่หลวงพ่อขอก็คือ ขอให้ปฏิบัติธรรม รักษาศีล เจริญสติ ไม่ต้องมาทำบุญทำทานได้แล้ว
ส่วนที่ถามว่า ทำไมพวกผี เปรตถึงไม่นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนา สร้างบุญให้ตัวเอง ก็น่าจะได้คำตอบจากความเห็นข้างต้นแล้วนะครับ (ผมชอบความเห็นที่ 4 กับ 17)
และต้องขออภัยที่นอกเรื่อง เห็นโอกาสแสดงความเห็นที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์
ขอเสริมส่วนนี้นะครับ
ที่บอกว่า การนั่งสมาธิหรือวิปัสสนาได้บุญมากกว่า หมายถึงว่าบุคคลผู้นั้น เจริญมรรคมีองค์แปดจนถึงขั้นเจริญสติแล้ว (สัมมาสติ สัมมาสมาธิ)
หรือถ้าเป็นลำดับก่อนหน้านี้ คือ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ ซึ่งก็คือศีล 5 นั่นเอง ได้อานิสงส์มากกว่าการทำทาน สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร หรือแม้กระทั่งทำทานกับพระอรหันต์หรือพระพุทธเจ้า
เพราะแสดงให้เห็นถึงว่าบุคคลผู้นั้น ใกล้สู่การเกิดปัญญาหรือบรรลุธรรม หรืออยู่ในส่วนของอริยสัจสี่แล้ว
ไม่ใช่มีคนกำลังจะสร้างโบสถ์ สร้างศาลาให้วัด แต่เรากลับคิดว่า เดี๋ยวฉันไปนั่งสมาธิ ท่องพุทโธ ยุบหนอ สัก 1 ชั่วโมง หรือรักษาศีล 5 สัก 5 วัน 7 วัน น่าจะได้บุญมากกว่า แบบนี้ไม่ใช่นะครับ
ยกตัวอย่าง เจ้าของบริษัทขายอาหารสัตว์ สุรา ฯลฯ ที่มีเงินเป็นพันล้าน หมื่นล้าน คนเหล่านี้แม้จะเป็นสัมมาทิฏฐิ รู้บาปบุญคุณโทษ แต่ก็ไม่สามารถเจริญมรรคได้ (รักษาศีลไม่ได้) จึงมักจะทำทานเป็นจำนวนมากๆ ใช้เงินมหาศาลในการทำบุญ
ในขณะที่พระอาจารย์สิริปันโน ลูกชายมหาเศรษฐีมาเลเซีย แม้จะมีมรดกมากกว่า 3 แสนล้านบาท แต่ก็ไม่ได้เอาเงินทำบุญแม้แต่บาทเดียว (ที่จริงก็คงทำนะครับ ก่อนบวช) แต่เลือกที่จะไปบวช ซึ่งเป็นบุญกุศลสูงสุด
มีตัวอย่างบุคคลท่านหนึ่ง (สัมภาษณ์ออกรารการทีวี) ชอบไปทำบุญกับพระรูปหนึ่ง ซึ่งหลายคนเชื่อว่าท่านคือพระอรหันต์ (ผมขอไม่เอ่ยนาม เพราะท่านไม่อยากให้คนไปพบ เพราะมีแต่คนชอบทำบุญแต่ไม่ปฏิบัติ)
บุคคลท่านนั้นได้เล่าว่า ไปหาหลวงพ่อบ่อย ไปทำบุญ น่าจะเป็นการบริจาคเงิน จนกระทั่งวันหนึ่ง หลวงพ่อได้พูดว่า "อาตมาขออะไรโยมอย่างหนึ่งได้มั้ย?"
ซึ่งสิ่งที่หลวงพ่อขอก็คือ ขอให้ปฏิบัติธรรม รักษาศีล เจริญสติ ไม่ต้องมาทำบุญทำทานได้แล้ว
ส่วนที่ถามว่า ทำไมพวกผี เปรตถึงไม่นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนา สร้างบุญให้ตัวเอง ก็น่าจะได้คำตอบจากความเห็นข้างต้นแล้วนะครับ (ผมชอบความเห็นที่ 4 กับ 17)
และต้องขออภัยที่นอกเรื่อง เห็นโอกาสแสดงความเห็นที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์
แสดงความคิดเห็น
ถ้าการสวดมนต์ หรือ นั่งสมาธิ แล้วได้บุญ ทำไมพวกผีหรือเทวดา ไม่นั่งสมาธิหรือสวดมนต์ให้ได้บุญด้วยตนเอง ไม่ต้องรอใครส่งให้