ยุทธศาสตร์เผยแผ่พระพุทธศาสนาใหม่ เน้นบรรยายธรรมและกรรมฐาน

กระทู้ข่าว
วันนี้(28 พ.ย.) สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวสัมโมทนียกถา ในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ พระจริยานิเทศและพระภิกษุเผยแผ่พระพุทธศาสนาในพื้นที่เฉพาะ ณ วัดไร่ขิง  พระอารามหลวง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้มีการอาราธนา พระจริยานิเทศก์  หรือพระที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยงานเจ้าคณะจังหวัด จำนวน  150 รูป พระภิกษุเผยแผ่พระพุทธศาสนาในพื้นที่เฉพาะ ตามแนวชายแดนของประเทศ ชุมชนชาวเขา และพื้นที่ที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรง  จำนวน 300 รูป  มารับฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน  รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพในการปฏิบัติงาน เนื่องจากการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาให้ประชาชนเกิดความรู้แท้จริง มีศรัทธายอมรับ และสามารถนำไปใช้ดำรงชีวิต ไม่เบียดเบียนกันและกัน ทำให้สังคมเป็นสุข ถือว่า เป็นเรื่องไม่ง่ายนัก

สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้คณะกรรมการเผยแผ่ฯ ได้กำหนดแผนงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาไว้อย่างชัดเจนแล้ว โดยไม่เน้นงานแผ่ด้านการเทศน์ การบรรยาย การแสดงธรรม เนื่องจากเห็นว่า เกิดผลน้อยต่อผู้ฟังและไม่ได้เกิดความซาบซึ้งถึงการนำไปประพฤติปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของพระพุทธศาสนา ดังนั้น ยุทธศาสตร์ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงทั้งในและต่างประเทศ คือ  การเผยแผ่ปฏิบัติสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน เพราะประชาชนได้ปฏิบัติ และสามารถนำหลักธรรมไปใช้ได้จริง ที่สำคัญพระสงฆ์จะต้องเรียนรู้และฝึกอบรมการปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน หากพระที่บวชเข้ามาไม่มีความรู้วิปัสสนากรรมฐานนี้ ก็จะขาดวิธีการเผยแผ่สู่พุทธศาสนิกชน

“โครงการอบรมพระวิปัสสนาจารย์ ได้รับผลตอบรับมาก ในปีนี้ ได้รับทุนสนับสนุนเพิ่มขึ้น โดยเน้นอบรมให้พระสังฆธิการทั้งหลาย ได้มีการบรรยายธรรม ในงานพิธีต่างๆ เช่น งานศพ  ไม่ใช่ให้มีเฉพาะสวดพระอภิธรรมอย่างเดียว แต่จะให้มีการบรรยายธรรม โดยเฉพาะธรรมสังเวช กล่าวถึงการบำเพ็ญกุศลให้แก่ผู้ตาย ธรรมสังเวชเกี่ยวกับเรื่องชีวิตจริง จะใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ประกอบกับพิธีสวดพระอภิธรรม  นอกจากนี้ งานแต่งงาน งานทำบุญต่างๆ ก็ให้พระสงฆ์กล่าว สัมโมทนียกถา ให้ความรู้หลักธรรมแก่ญาติโยม ไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งจะประสานหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ ทำคู่มือแจกถวายพระสังฆาธิการยังวัดวาอารามทั่วประเทศ”ประธานคณะกรรมการเผยแผ่ฯ กล่าว

เดลินิวส์

ที่ผ่านมาในงานต่างๆ พระสวดอะไรก็ไม่รู้เรื่อง สวดผิดสวดถูกเราก็ไม่รู้ ผู้ร่วมงานพอพระสวดก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง คุยกันบ้าง สวดมนต์กันเป็นพิธีให้จบๆ กันไป
ยุคสมัยนี้ต้องทำอะไรให้เห็นเป็นจริง ไม่งั้นคนไม่เชื่อถือ ยุคนี้คนมีความรู้อยู่ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่ออะไรง่ายหรือทำอะไรตามๆ กัน แบบสมัยก่อน
ให้มีการบรรยายธรรมหลักคำสอนและให้นั่งสมาธิประกอบในงานพิธีต่างๆ จะได้ประโยชน์มากกว่า

พระพุทธเจ้าสอนวิชาวิปัสสนา ไม่ได้สอนพิธีกรรมสวดมนต์

ว่าแต่พิธีกรรมสวดมนต์เริ่มมาแต่ยุคไหน ได้อิทธิพลมาจากไหนครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่