ก็แค่..แม่ อยากอยู่กับลูกไปนานๆ

กระทู้นี้เกิดจาก อยากบอกเล่าเรื่องราวของตนเอง เผื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนเป็นแม่ คนเป็นพ่อ หรือ คนอื่นๆ ที่อยากอยู่กับคนที่เรารักไปนานๆ  เรื่องของโรคภายไข้เจ็บบางทีมันก็มาโดยเราไม่รู้ตัวก็มี แต่จะทำอย่างไร ให้สุขภาพดี  ”ป้องกัน” แทนที่ต้องรอมันมาแล้ว ”รักษา”   เนื้อหาหลักของกระทู้นี้ที่จะบอกเล่าประสบการณ์ของตัวเอง   จริงๆ ทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้ว   คือ การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี และสำหรับเราส่งผลถึงน้ำหนักและหุ่นให้ดีตามไปด้วยค่ะ

            ช่วงนี้ใน facebook จะมี ความทรงจำในวันนี้เมื่อปีก่อนๆ โผล่ขึ้นมา เลยกดไปดู แล้วมันรู้สึกหัวใจพองโต วันนี้ในปีที่แล้วเป็น คุณแม่ลูกสอง วัย 4 ขวบ กับ ขวบกว่าๆ  น้ำหนักตัว ก็มากตั้งแต่ลูกคนแรกแทบไม่ลง น้ำหนักวันคลอดนี่เกือบถึงร้อยโล!!   ซึ่งช่วงนี้เมื่อปีที่แล้วก่อนออกกำลังกายน้ำหนักจะอยู่ที่ 84 กิโลกรัมค่ะ  เมื่อออกกำลังกายมาสี่เดือนแรกน้ำหนักจะลงประมาณ 3-4 กิโลกรัมต่อเดือน และ ค่อยๆลงอย่างช้าๆ เมื่อเข้าเดือนที่ 5 ค่ะ  มาชมภาพของเรา ของปีที่แล้วกับปีนี้กัน


              สิ่งแรก ที่เราต้องสร้างคือ “สร้างแรงบันดาลใจ” สำหรับเรา คือ ก่อนหน้านี้ลูกสาวเข้าอนุบาล ก่อนเข้าโรงเรียนไม่เคยป่วยเลยค่ะ พอเข้าโรงเรียนเท่านั่นแหล่ะ ขี้มูก ไอ มายี่ยมเยียนกันทุกเดือน เป็นๆหายๆ แล้วคนที่บ้านจะเหลือเหรอคะ ทั้งน้อง ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ติดกันงอมแงม ผลัดกันป่วย ยังดีที่ไม่ได้เป็นโรคที่รุนแรงถึงกับไปนอนโรงพยาบาล แต่ การเป็นหวัด มันเป็นอะไรทรมานมากๆเลย เจ็บคอ,มีน้ำมูกไปหาหมอทีก็หมดไปเป็นพันสองพัน  แล้วส่วนตัวต้องทำงานประจำด้วย หลังเลิกงานก็เลี้ยงลูก ให้นมลูก ก็ต้องใช้ผ้าปิดปาก คือเป็นแบบนี้ทุกเดือน เลยรู้สึกไม่ไหวแล้ว  ไม่อยากป่วยง่ายๆแบบนี้ อยากอยู่กับลูกไปนานๆ อยากกอด อยากหอมลูกทุกวัน  เพราะฉะนั้นแรงบันดาลใจของเราก็คือ “อยากอยู่กับลูกไปนานๆ” นี่แหล่ะค่ะ

              ต่อมา เมื่อได้แรงบันดาลใจแล้ว เราก็มาเลือกวิธีการออกกำลังกายกัน กิจกรรมที่เราเลือกต้องเป็นกิจกรรมที่ทำแล้วสนุก ทำแล้วอยากทำต่อ ปรับเปลี่ยนกิจกรรมไปในแต่ละวันเพื่อไม่ให้ซ้ำแล้วรู้สึกเบื่อนะคะ    เนื่องจากเป็นคุณแม่ลูก 2 หลังเลิกงานช่วง 6 โมงเย็น คุณพ่อคุณแม่ ก็ต้องช่วยกันดูแลลูกทั้งสองคนเอง ช่วงนั้นลูกคนเล็กได้ขวบกว่า เดินวิ่งได้แล้ว ไม่ต้องคอยอุ้ม แต่ ถ้าเราไปออกกำลังกายข้างนอกบ้าน ปล่อยให้พ่ออยู่กับลูกสอง ก็คงไม่ไหวค่ะ  เลยเลือกที่จะหาวิธีออกกำลังกายในบ้าน ด้วยการลอง search ใน youtube เอา ช่วงวันแรกๆ ก็ search ไปเรื่อยเปื่อย ..เต้นแอโรบิค.. เต้นลดความอ้วน  จนมาเจอกับคลิปนึง ที่รู้สึกว่า เออ ทำตามแล้วเหนื่อยดี (ความรู้สึกตอนนั้น)  เหงื่อออกเยอะ ก็คือคลิปนี้เลยค่ะ

(cardio workout clib1)  https://www.youtube.com/watch?v=LUrrN6cEBRQ

คนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย อย่าเพิ่งหักโหมนะคะ วันแรก เราออก 10 นาทีนี่แทบจะเป็นลมละ เหนื่อย แต่ค่อยๆเพิ่มมาเรื่อยๆ 10 นาที 20 นาที  จนคลิปนี้ 30 นาที  ทำเรื่อยๆจนปัจจุบันคลิปนี้เราก็ยังทำอยู่นะคะ แต่จะทำในวันที่รู้สึกอยากออกกำลังเบาๆซะแล้ว ^^     เมื่อทำคลิปนี้ ไปเรื่อยๆ ก็อย่างที่บอก ถ้าทำอยู่คลิปเดียวมันจะเบื่อ ก็เลยพยายามหาอ่าน และไปเจอคลิปของค่ายนี้  ชอบมากค่ะ ปัจจุบันก็ออกตลอด คลิปนี้เลย

(cardio workout clib2) https://www.youtube.com/watch?v=fcN37TxBE_s

แล้วก็เสริมคลิปนี้บ้าง  ปัจจุบันจะเล่นวนๆไป เช่น การเล่น clib1 ต่อด้วย clib 3 ตามลิ้งนี้ค่ะ

(cardio workout clib3)  https://www.youtube.com/watch?v=zXK6oXwRr1U

การออกกำลังกายที่บ้าน นอกจากลูกยังเห็นเราอยู่บ้านด้วยกันแล้ว ลูกยังสนุกและออกกำลังกายกับเราไปด้วยนะคะ เปิดคลิปปุ๊บ ลูกมาทำท่าก่อนเลย จำท่าได้แล้ว ไม่ก็เล่นป่วนอยู่แถวแม่นี่แหล่ะค่ะ


มีเพื่อนสาวไปฟิตเนสด้วยบ่อยๆค่ะ ^^ ระหว่างรอแม่ ก็ออกกำลังกายไปด้วย


            แต่ถ้าออกกำลังกายในบ้านอย่างเดียว เราอาจจะเบื่อได้ เราก็จะหาโอกาส เช่นลูกหลับ หรือ เสาร์อาทิตย์ ก็จะไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสในหมู่บ้านด้วยเครื่องออกกำลังกาย เราจะใช้ตัวนี้ค่ะ สำหรับคนที่มีน้ำหนักเยอะ  พอน้ำหนักเริ่มลง เราก็มาเริ่มเล่นตัวลู่วิ่งต่อ   หลังจากนั้นก็จะมีกิจกรรมอื่นเพิ่มมาเช่น วิ่งในหมู่บ้าน, การกระโดดเชือก  ,ว่ายน้ำ เป็นต้นค่ะ


            และหลังจากที่เราออกกำลังมาสักระยะ ประมาณเดือนที่สี่ น้ำหนักจะค่อยๆลดลงอย่างช้าๆแล้ว เราก็เริ่มอ่านมากขึ้น เลย ได้ความมาว่า ถ้าเราน้ำหนักลดไว้ ผิวหนังเราจะเหี่ยวไม่กระชับ เราเลยเริ่มหาวิธีออกกำลังด้วยการ เวทเทรนนิ่ง  จึงได้ข้อมูลการออกกำลังกายด้วย คลิป ว่าเราจะ search คลิป จากสิ่งที่เราจะออกกำลังกาย ตามนี้ค่ะ

             วันที่จะออกกำลังกายด้วยการ cardio หรือคือการทำให้หัวใจเต้นเร็วในระดับที่สูงเป็นระยะเวลาที่ระบบร่างกายจะเริ่มเผาผลาญ และทำให้น้ำหนักลงถ้าเราใช้พลังงานมากกว่าการรับพลังงาน  search clib ด้วยคำว่า cardio workout ค่ะ ก็จะเจอ clib 1,2,3 ที่แนะนำด้านบน


              ถ้าจะเวทเทรนนิ่ง กระชับขา ก็จะใช้ leg workout คลิปที่เราใช้เป็นประจำจะใช้ในรูปคลิปที่ 2,3,4 ค่ะ
ต่อมาผู้หญิงทุกคนต้องอยากได้โดยเฉพาะคุณแม่ทั้งหลาย  abs workout ค่ะ กระชับหน้าท้อง รูปคลิปที่ 2,3  ควรทำทุกวันนะคะ
และเนื่องจากเราไม่มีอุปกรณ์ที่บ้านเลย ส่วนของแขนเราจะใช้เวทด้วยดัมเบลและเครื่องเล่นที่ออฟฟิศในหมู่บ้านค่ะ
เราไม่มีตารางแป๊ะๆ ว่าวันนี้จะเล่นอะไร เอาสภาพร่างกายตัวเองเป็นหลักค่ะ ทำงานเหนื่อยไหม เวลาเหลือพอไหม ฝนตกหรือเปล่า โดยใน 1 สัปดาห์ เราจะออกกำลังกายประมาณ 5-6 วันค่ะ อย่างน้อย 30 นาที เราจะได้สุขภาพที่ดีแน่นอนค่ะ ส่วนหุ่นดีไหม อ่านกันต่อเลย^^

              นอกจาก เรื่องออกกำลังกาย หลายคนเคยได้ยินเรื่อง ถ้าเราออกกำลังกาย เราจะเป็นหมูที่แข็งแรง แต่ถ้าเราควบคุมอาหารด้วยเราจะหุ่นดี   แต่เรื่องของเราในช่วงแรกที่เริ่มออกกำลังกาย ก็ยังไม่ได้ควบคุมอาหารนะคะ ก็ทานปกติ แต่พอน้ำหนักลดลงในเดือนแรก มันก็เลยมีกำลังใจว่า เฮ้ย!! อยากให้น้ำหนักลงกว่านี้ ก็เลยเริ่มควบคุมอาหารด้วย จริงๆ อีกเรื่องก็คือ เนื่องจากทำงานประจำด้วย เลิกงาน 6 โมง ทานข้าว 6โมงบ้าง ทุ่มนึงบ้าง ก็ต้องเว้นเวลาออกกำลังกาย 1-2 ชม ก็เลยรู้สึกว่าถ้ากินอะไรหนักมา ก็จะไม่กระฉับกระเฉงในการออกกำลังกาย จึงเป็นส่วนหนึ่งของที่มาของอาหารมื้อเย็น ที่จะเลือกเมนูเบาๆ แต่ทั้งนี้ เราจะต้องทานแบบนี้ไปตลอดชีวิตได้นะ    เราเลือกที่จะทานอาหารเบาๆ เช่น  สลัด,  ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน, สลัดโรล ,ส้มตำ+ตับย่าง,ต้มจืด,ต้มเห็ด  เป็นต้น แต่เราทานในปริมาณที่เยอะ คือต้องอิ่ม  ในขณะที่มื้อเช้าและเที่ยงจะทานอาหารตามปกติ และ มีอาหารมื้อว่างระหว่างวันเหมือนเดิม ขนมต่างๆ แต่พยายามจะเลือกทานให้แคลอรี่น้อยๆ และเป็นธรรมชาติมากกว่าขนมที่มีน้ำตาลเยอะๆค่ะ   ทำไมมื้อเย็นเราต้องทานให้อิ่ม นี่ค่ะ เพจอาหารของเรา

https://www.facebook.com/IntAoeiMenu


ก่อนนอนทุกคืน เราจะนั่งดูเมนูอาหารที่จะทำให้ลูก และเราก็จะทานอาหารเหมือนกับลูกค่ะ ถ้ามื้อเย็นเราทานไม่อิ่ม เวลาที่นั่งดูรูปอาหารในอินเตอร์เน็ต เราคงต้องเข้าครัวมาหาของเติมเต็มท้องแน่ๆ ก็จะกลายเป็นอ้วนขึ้นแทนที่จะผอมลงค่ะ
    
            มาถึงบทสรุปค่ะ กับ 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราน้ำหนักลดลงไป 19 กิโลกรัมถึงจะยังคงเป็นสาวอวบอยู่ แต่ก็ทำให้ตัวเล็กกว่าเดิม สามารถซื้อเสื้อผ้าในร้านของคนธรรมดาได้แล้ว  และ ที่สำคัญที่สุดคือ เวลา 1 ปี 3 เดือน เราไม่สบายเป็นหวัดแค่ 1 ครั้งถ้วน ด้วยการ

1.    ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
2.    ควบคุมอาหาร
3.    ให้นมลูก  ตอนนี้ลูกเราทั้ง 2 คน ยังทานนมแม่อยู่ คิดว่า การยังให้นมก็เป็นส่วนหนึ่งค่ะ
4.    สามี ที่น่ารัก ช่วยดูลูกๆให้ตอนออกกำลังกายด้วยค่ะ ^^

จากประสบการณ์ตรงนี้เราคิดว่าเราประสบความสำเร็จอย่างมากเลยค่ะ กับการออกกำลังกาย   เพราะฉะนั้นคุณแม่ทั้งหลายมาดูแลสุขภาพตัวเองกันไม่ใช่เพื่อตัวเองนะคะ  แต่เพื่อลูกนี่แหล่ะเราจะได้อยู่กับลูกไปนานๆ  ดูเค้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และมีแม่คนนี้อยู่ข้างๆเค้า เคียงข้างเค้าไปอีกนานๆค่ะ ...

มาออกกำลังกายกันนะคะ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่