มือใหม่พันทิปนะคะ อ่านเรื่องหัวใจของชาวบ้านมานาน วันนี้มาเจอกับตัวก็ไปไม่ถูกเหมือนกันค่ะ
เรามีอาชีพปล่อยเงินกู้ค่ะ ซึ่งเป็นแบบถูกกฏหมาย ขึ้นทะเบียนถูกต้อง ดอกเบี้ยไม่เกินกฏหมายกำหนด เราเลยไม่เจอลูกหนี้โหดๆ ที่ดูน่ากลัวเช่น ย้ายบ้านหนี หรือด่า เวลาเราทวงถาม ส่วนใหญ่ก็จะทำงานดีๆ ค่ะ ทำงานธนาคาร ราชการ เป็นครู ทำงานโรงพยาบาลอะไรแบบนี้
เราอยู่ต่างจังหวัด ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ ที่เกริ่นถึงเรื่องลูกหนี้มาเพราะจะนำเข้าเรื่องคนที่เราตกหลุมรักค่ะ
เค้าเป็นครูค่ะ อยู่โรงเรียนในกรุงเทพ อันที่จริง เค้าก็ไม่ได้เริ่มมาจากการเป็นลูกหนี้เรา เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันในมหาวิทยาลัยมาก่อนค่ะ มหาวิทยาลัยอยู่กลางเมืองที่กรุงเทพ เค้าเป็นพี่รหัส เราเป็นน้องรหัสแบบจำเป็น (พี่รหัสเราเค้าซิ่วไปเรียนที่อื่นหลังจากมหาวิทยาลัยเปิดสักพักค่ะ) เค้าก็เลยรับโอนต่อมา
ตอนสมัยเรียน เค้าก็เป็นรุ่นพี่ที่ดี น่ารัก อบอุ่น คอยแนะนำคอยช่วยเหลือ แมนๆ ดีค่ะ เราก็ชอบเค้า แต่เรามีแฟนอยู่ จึงเรียกว่าปลื้มกับบางอย่างที่เค้าทำมากกว่า เค้าก็มีแฟนตลอด แต่มีปีละคน คือตอนเค้าปีหนึ่งก็ได้ข่าวว่าแฟนอีกคน พอเราเข้ามาเค้าปีสองก็เปลี่ยน จนจบปี 4 ก็ปีละคน
เค้าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง คนที่เค้าคบด้วยสมัยนั้น ก็จะพวกเด็กเรียนบ้าง เด็กกิจกรรมบ้าง เดาสเปคไม่ถูก
แต่ตอนช่วงที่เราเป็นน้องรหัสเค้า เค้ากับเราก็สนิทกันจนเราขึ้นปีสอง เค้าก็เคยมาเปลี่ยนท่าทีจากรุ่นพี่เป็นอยากให้มาคบกัน แต่เราก็ปฏิเสธ เพราะเรามีแฟนอยู่ค่ะ และเราเป็นคนรักเดียวใจเดียวค่อนข้างมาก ตอนนั้นก็ยอมรับว่าปลื้มเค้ามากเหมือนกัน แต่เราเป็นคนที่ถ้ามีแฟนแล้วจะติดแฟนมาก และเราก็มีแฟนมาน้อยมากค่ะ แค่สองคน
พอเวลาผ่านไป เราเรียนจบก็กลับมาทำงานที่บ้านที่ ต่างจังหวัด ไม่ได้ติดต่อกับเค้า จนจบมาหลาย ปี ก็ได้ติดต่อกับเค้าเนื่องจากความบังเอิญ รุ่นพี่ในรุ่นเดียวกันกับเค้าเสีย เราไม่ได้ตั้งใจไปงานศพ และไม่ได้รู้ข่าวพี่คนนี้ (ซึ่งลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งด้วย) แต่เราไปงานศพของญาตผู้ใหญ่ที่วัดเดียวกัน เลยได้เจอกันโดยบังเอิญ เจอกับรุ่นพี่หลายๆ คนรวมทั้งเค้าด้วยก็ได้ติดต่อกัน และเราก็โสดเค้าก็โสด
ก็เลยชวนกันไปกินข้าวดูหนังตามประสา แต่ไม่ได้ชัดเจนมาก ไม่ได้แสดงออก แล้วก็ห่างกันไป
พอผ่านมาอีกไม่ถึงปี ที่บ้านเค้าประสบปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ รุ่นพี่รุ่นน้องมีการระดมทุนช่วยเหลือเพื่อนๆ ในคณะ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม facebook เราก็ช่วยไปค่ะ หลายๆ คนก็รู้ว่าเราปล่อยเงินกู้ นอกจากเราจะช่วยไปแล้ว เค้าก็มาขอกู้เพิ่มกัน รวมไปถึงพี่คนนี้ด้วย
ก็กู้เงินกันมาอีก 3 ปีค่ะ เค้าก็ส่งตรงตลอดนะคะ แต่ว่าพอส่งครบแล้วก็จะกู้ใหม่ต่อไปเรื่อยๆ รวมๆ แล้วเป็นสิบครั้งจนถึงปัจจุบัน ระหว่างนั้นก็มีการพูดคุยเป็นห่วง ปรึกษากัน แต่เป็นลักษณะผู้ใหญ่คุยกันแล้ว คือคุยกันเรื่องชีวิต ปัญหา การหาทางแก้ การงาน การมองโลก อะไรแบบนั้น ออกแนวเป็นห่วงเป็นใยกัน
เราก็รู้สึกดีค่ะ เค้าก็ยังโสดต่อไป เราก็โสดต่อไปจนตอนนี้ก็เราก็จะ 28 แล้ว เราก็เริ่มอยากมีครอบครัว แต่เราก็ไม่ได้คิดจะคบใครเลย
เมื่อเร็วๆ นี้เราเกิดไปเห็นครอบครัวนึง ที่เป็นลูกหนี้เรา ซึ่งกู้เงินกับเรามาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ค่ะ รู้จักกันค่อนข้างดี หัวหน้าครอบครัวคือตัวพี่ผู้ชายเค้าป่วยด้วยโรคมะเร็ง เรามีโอกาสไปเยี่ยมหลายครั้ง ความรักของพวกเค้าทำให้เราอยากมีครอบครัว แต่เรื่องการเงินของพวกเค้าก็สร้างปัญหาให้ครอบครัวพวกเค้ามาก
ก็เลยมานั่งถามใจตัวเองว่า เราโอเคมั้ย เราโอเคกับใครอื่นอีกมั้ย ก็ได้คำตอบว่าเป็นพี่คนนี้ ที่เรารู้สึกผูกพันมาก และเค้าก็ค่อนข้างชัดเจนเหมือนกันว่าเค้าก็อยากอยู่กับเรา เพราะเค้าก็พูดกับเราหลายครั้ง ว่าเราควรหันหน้ามาคบกันจริงจังมั้ย เพราะเค้าไม่ได้รู้สึกดีกับใครเลย (ตลอดช่วงเวลาที่เจอกันโดยบังเอิญและติดต่อกันมา เค้าก็ไม่มีแฟนเลยจริงๆ ค่ะ เค้าไม่ใช่คนเจ้าชู้ด้วย แต่เป็นคนหน้าตาดี เป็นเดือนของคณะในสมัยทีเราเรียน) เวลาเราไปไหนด้วยกันเจอกัน เราจะรู้สึกเหมือนเป็นแฟนกันค่ะ แต่ไม่เคยยอมรับที่จะคบกับเค้าแบบจริงจังเลย
เราแอบไปเกริ่นๆ กับแม่ เพราะว่าด้วยความคิดของเราเองว่าเค้ากู้เงินตลอด อาจจะไม่มีวินัยทางการเงิน แต่เค้าก็ส่งตรงทุกครั้งไม่เคยต้องได้ตามเลย เราก็เลยสองจิตสองใจ แม่ก็บอกว่าให้ถอยออกมามอง มันเหมือนเราได้ศึกษาเค้าไปสักพักแล้ว เรารู้แล้วว่าเค้าเป็นแบบนี้ เรื่องเงินก็สำคัญเหมือนกัน เพราะว่าครอบครัวจะไปได้ดี เรื่องการเงินก็มีส่วน
คิดว่าเราควรลองคบกับเค้าจริงจังดู และช่วยเค้าแก้ปัญหาเรื่องเงินจนตัดเรื่องนี้ออกจากชีวิตพวกเราได้ หรือ
เราควรจะคุยกับเค้าจริงจังดู ว่าอยากจะคบกับเราจริงๆ มั้ย ถ้าอยากก็ต้องเคลียร์กับเราเรื่องนี้ว่าทำไมเพราะอะไร (เราไม่เห็นว่าเค้ามีความเดือดร้อนทางการเงินอื่นๆ นะคะ เงินที่ยืมก็แค่ครั้งละสี่ห้าหมื่นเท่านั้นเอง ซึ่งเราไม่เคยถามว่ายืมไปทำอะไร แต่เค้าก็ไม่เคยบอกว่ายืมไปทำอะไร) พวกเราเป็นแบบมีโลกส่วนตัวสูงทั้งคู่น่ะค่ะ
นิสัยอื่นๆ ของเค้าดีค่ะ เป็นคนทำงานดี ตั้งใจทำงาน ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี ไม่มีเรื่องผู้หญิง เป็นครูที่หล่อหน้าตาดี แต่ค่อนข้างดุ เวลาเด็กๆ มัธยมปลายมากรี๊ดกร๊าดเค้าก็จะดุและเตือน เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงไม่ค่อยติดต่อเพื่อน ไม่ค่อยชอบสังสรรค์ ถ้าเพื่อนจะติดต่อส่วนมากก็เรื่องสำคัญ เค้าก็จะมาเช่นอาจารย์ที่คณะเสีย เค้าก็มาทุกครั้งทุกงาน งานเลี้ยงรุ่นไม่มาค่ะ เค้าไม่ชอบใช้ของแพง ไม่ติดกับวัตถุ แต่เราก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าเค้ากู้เงินไปทำอะไร ส่วนเรื่องครอบครัวของเค้าที่บ้านเราไม่รู้เลยจริงๆ ไม่เคยถาม เค้ามีเล่าบ้างนิดหน่อย ส่วนเราก็ไม่เคยเล่าให้เค้าฟัง เพราะไม่ชอบเอาเรื่องครอบครัวไปเล่าให้คนอื่นฟัง ยกเว้นมีเรื่องที่น่าดีใจ เช่นน้องชายแต่งงานก็จะชวน
เราคิดว่านิสัยเค้ากับเรา เข้ากันได้ดีค่ะ เวลาอยู่กับเค้าแล้วสบายใจมาก ติดอยู่ตรงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เราไม่สบายใจ เราควรทำแบบไหนดีคะ ถ้าคุณผู้ชายที่มีนิสัยลักษณะนี้อยู่ ให้คำแนะนำเราบ้างก็ดีนะคะ อาจจะมีมุมอื่นที่เราไม่รู้และนึกไม่ถึงจริงๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ
ตกหลุมรักลูกหนี้ ควรตัดใจมั้ยคะ
เรามีอาชีพปล่อยเงินกู้ค่ะ ซึ่งเป็นแบบถูกกฏหมาย ขึ้นทะเบียนถูกต้อง ดอกเบี้ยไม่เกินกฏหมายกำหนด เราเลยไม่เจอลูกหนี้โหดๆ ที่ดูน่ากลัวเช่น ย้ายบ้านหนี หรือด่า เวลาเราทวงถาม ส่วนใหญ่ก็จะทำงานดีๆ ค่ะ ทำงานธนาคาร ราชการ เป็นครู ทำงานโรงพยาบาลอะไรแบบนี้
เราอยู่ต่างจังหวัด ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ ที่เกริ่นถึงเรื่องลูกหนี้มาเพราะจะนำเข้าเรื่องคนที่เราตกหลุมรักค่ะ
เค้าเป็นครูค่ะ อยู่โรงเรียนในกรุงเทพ อันที่จริง เค้าก็ไม่ได้เริ่มมาจากการเป็นลูกหนี้เรา เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันในมหาวิทยาลัยมาก่อนค่ะ มหาวิทยาลัยอยู่กลางเมืองที่กรุงเทพ เค้าเป็นพี่รหัส เราเป็นน้องรหัสแบบจำเป็น (พี่รหัสเราเค้าซิ่วไปเรียนที่อื่นหลังจากมหาวิทยาลัยเปิดสักพักค่ะ) เค้าก็เลยรับโอนต่อมา
ตอนสมัยเรียน เค้าก็เป็นรุ่นพี่ที่ดี น่ารัก อบอุ่น คอยแนะนำคอยช่วยเหลือ แมนๆ ดีค่ะ เราก็ชอบเค้า แต่เรามีแฟนอยู่ จึงเรียกว่าปลื้มกับบางอย่างที่เค้าทำมากกว่า เค้าก็มีแฟนตลอด แต่มีปีละคน คือตอนเค้าปีหนึ่งก็ได้ข่าวว่าแฟนอีกคน พอเราเข้ามาเค้าปีสองก็เปลี่ยน จนจบปี 4 ก็ปีละคน
เค้าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง คนที่เค้าคบด้วยสมัยนั้น ก็จะพวกเด็กเรียนบ้าง เด็กกิจกรรมบ้าง เดาสเปคไม่ถูก
แต่ตอนช่วงที่เราเป็นน้องรหัสเค้า เค้ากับเราก็สนิทกันจนเราขึ้นปีสอง เค้าก็เคยมาเปลี่ยนท่าทีจากรุ่นพี่เป็นอยากให้มาคบกัน แต่เราก็ปฏิเสธ เพราะเรามีแฟนอยู่ค่ะ และเราเป็นคนรักเดียวใจเดียวค่อนข้างมาก ตอนนั้นก็ยอมรับว่าปลื้มเค้ามากเหมือนกัน แต่เราเป็นคนที่ถ้ามีแฟนแล้วจะติดแฟนมาก และเราก็มีแฟนมาน้อยมากค่ะ แค่สองคน
พอเวลาผ่านไป เราเรียนจบก็กลับมาทำงานที่บ้านที่ ต่างจังหวัด ไม่ได้ติดต่อกับเค้า จนจบมาหลาย ปี ก็ได้ติดต่อกับเค้าเนื่องจากความบังเอิญ รุ่นพี่ในรุ่นเดียวกันกับเค้าเสีย เราไม่ได้ตั้งใจไปงานศพ และไม่ได้รู้ข่าวพี่คนนี้ (ซึ่งลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งด้วย) แต่เราไปงานศพของญาตผู้ใหญ่ที่วัดเดียวกัน เลยได้เจอกันโดยบังเอิญ เจอกับรุ่นพี่หลายๆ คนรวมทั้งเค้าด้วยก็ได้ติดต่อกัน และเราก็โสดเค้าก็โสด
ก็เลยชวนกันไปกินข้าวดูหนังตามประสา แต่ไม่ได้ชัดเจนมาก ไม่ได้แสดงออก แล้วก็ห่างกันไป
พอผ่านมาอีกไม่ถึงปี ที่บ้านเค้าประสบปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ รุ่นพี่รุ่นน้องมีการระดมทุนช่วยเหลือเพื่อนๆ ในคณะ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม facebook เราก็ช่วยไปค่ะ หลายๆ คนก็รู้ว่าเราปล่อยเงินกู้ นอกจากเราจะช่วยไปแล้ว เค้าก็มาขอกู้เพิ่มกัน รวมไปถึงพี่คนนี้ด้วย
ก็กู้เงินกันมาอีก 3 ปีค่ะ เค้าก็ส่งตรงตลอดนะคะ แต่ว่าพอส่งครบแล้วก็จะกู้ใหม่ต่อไปเรื่อยๆ รวมๆ แล้วเป็นสิบครั้งจนถึงปัจจุบัน ระหว่างนั้นก็มีการพูดคุยเป็นห่วง ปรึกษากัน แต่เป็นลักษณะผู้ใหญ่คุยกันแล้ว คือคุยกันเรื่องชีวิต ปัญหา การหาทางแก้ การงาน การมองโลก อะไรแบบนั้น ออกแนวเป็นห่วงเป็นใยกัน
เราก็รู้สึกดีค่ะ เค้าก็ยังโสดต่อไป เราก็โสดต่อไปจนตอนนี้ก็เราก็จะ 28 แล้ว เราก็เริ่มอยากมีครอบครัว แต่เราก็ไม่ได้คิดจะคบใครเลย
เมื่อเร็วๆ นี้เราเกิดไปเห็นครอบครัวนึง ที่เป็นลูกหนี้เรา ซึ่งกู้เงินกับเรามาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ค่ะ รู้จักกันค่อนข้างดี หัวหน้าครอบครัวคือตัวพี่ผู้ชายเค้าป่วยด้วยโรคมะเร็ง เรามีโอกาสไปเยี่ยมหลายครั้ง ความรักของพวกเค้าทำให้เราอยากมีครอบครัว แต่เรื่องการเงินของพวกเค้าก็สร้างปัญหาให้ครอบครัวพวกเค้ามาก
ก็เลยมานั่งถามใจตัวเองว่า เราโอเคมั้ย เราโอเคกับใครอื่นอีกมั้ย ก็ได้คำตอบว่าเป็นพี่คนนี้ ที่เรารู้สึกผูกพันมาก และเค้าก็ค่อนข้างชัดเจนเหมือนกันว่าเค้าก็อยากอยู่กับเรา เพราะเค้าก็พูดกับเราหลายครั้ง ว่าเราควรหันหน้ามาคบกันจริงจังมั้ย เพราะเค้าไม่ได้รู้สึกดีกับใครเลย (ตลอดช่วงเวลาที่เจอกันโดยบังเอิญและติดต่อกันมา เค้าก็ไม่มีแฟนเลยจริงๆ ค่ะ เค้าไม่ใช่คนเจ้าชู้ด้วย แต่เป็นคนหน้าตาดี เป็นเดือนของคณะในสมัยทีเราเรียน) เวลาเราไปไหนด้วยกันเจอกัน เราจะรู้สึกเหมือนเป็นแฟนกันค่ะ แต่ไม่เคยยอมรับที่จะคบกับเค้าแบบจริงจังเลย
เราแอบไปเกริ่นๆ กับแม่ เพราะว่าด้วยความคิดของเราเองว่าเค้ากู้เงินตลอด อาจจะไม่มีวินัยทางการเงิน แต่เค้าก็ส่งตรงทุกครั้งไม่เคยต้องได้ตามเลย เราก็เลยสองจิตสองใจ แม่ก็บอกว่าให้ถอยออกมามอง มันเหมือนเราได้ศึกษาเค้าไปสักพักแล้ว เรารู้แล้วว่าเค้าเป็นแบบนี้ เรื่องเงินก็สำคัญเหมือนกัน เพราะว่าครอบครัวจะไปได้ดี เรื่องการเงินก็มีส่วน
คิดว่าเราควรลองคบกับเค้าจริงจังดู และช่วยเค้าแก้ปัญหาเรื่องเงินจนตัดเรื่องนี้ออกจากชีวิตพวกเราได้ หรือ
เราควรจะคุยกับเค้าจริงจังดู ว่าอยากจะคบกับเราจริงๆ มั้ย ถ้าอยากก็ต้องเคลียร์กับเราเรื่องนี้ว่าทำไมเพราะอะไร (เราไม่เห็นว่าเค้ามีความเดือดร้อนทางการเงินอื่นๆ นะคะ เงินที่ยืมก็แค่ครั้งละสี่ห้าหมื่นเท่านั้นเอง ซึ่งเราไม่เคยถามว่ายืมไปทำอะไร แต่เค้าก็ไม่เคยบอกว่ายืมไปทำอะไร) พวกเราเป็นแบบมีโลกส่วนตัวสูงทั้งคู่น่ะค่ะ
นิสัยอื่นๆ ของเค้าดีค่ะ เป็นคนทำงานดี ตั้งใจทำงาน ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี ไม่มีเรื่องผู้หญิง เป็นครูที่หล่อหน้าตาดี แต่ค่อนข้างดุ เวลาเด็กๆ มัธยมปลายมากรี๊ดกร๊าดเค้าก็จะดุและเตือน เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงไม่ค่อยติดต่อเพื่อน ไม่ค่อยชอบสังสรรค์ ถ้าเพื่อนจะติดต่อส่วนมากก็เรื่องสำคัญ เค้าก็จะมาเช่นอาจารย์ที่คณะเสีย เค้าก็มาทุกครั้งทุกงาน งานเลี้ยงรุ่นไม่มาค่ะ เค้าไม่ชอบใช้ของแพง ไม่ติดกับวัตถุ แต่เราก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าเค้ากู้เงินไปทำอะไร ส่วนเรื่องครอบครัวของเค้าที่บ้านเราไม่รู้เลยจริงๆ ไม่เคยถาม เค้ามีเล่าบ้างนิดหน่อย ส่วนเราก็ไม่เคยเล่าให้เค้าฟัง เพราะไม่ชอบเอาเรื่องครอบครัวไปเล่าให้คนอื่นฟัง ยกเว้นมีเรื่องที่น่าดีใจ เช่นน้องชายแต่งงานก็จะชวน
เราคิดว่านิสัยเค้ากับเรา เข้ากันได้ดีค่ะ เวลาอยู่กับเค้าแล้วสบายใจมาก ติดอยู่ตรงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เราไม่สบายใจ เราควรทำแบบไหนดีคะ ถ้าคุณผู้ชายที่มีนิสัยลักษณะนี้อยู่ ให้คำแนะนำเราบ้างก็ดีนะคะ อาจจะมีมุมอื่นที่เราไม่รู้และนึกไม่ถึงจริงๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ