จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สถาบันการเงินหลายแห่งมีการออกมาตรการมาช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบในทันที โดยเฉพาะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ อาทิ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่จัด 7 มาตรการมาช่วยเหลือเร่งด่วน
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ที่มีการช่วยเหลือทั้งในส่วนวงเงินกู้ระยะสั้นและวงเงินกู้ระยะยาว มีทั้งการขยายเวลาชำระหนี้ให้จนถึงการพักหนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือลูกค้าเกษตรกร
Advertisement
ธนาคารออมสิน ที่มีทั้งสิ่งของบรรเทาทุกข์เบื้องต้น และเตรียมมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูต่อเนื่องไว้รองรับ
นอกจากนั้น ธนาคารพาณิชย์ก็เริ่มทยอยออกมาตรการช่วยเหลือกันตามมา โดยทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ขอให้สถาบันการเงินเร่งช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ภายใต้แนวทางที่ ธปท.กำหนดและมีการผ่อนเกณฑ์ให้
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ว่า ฤดูฝนปี 2568 เสี่ยงเกิดน้ำท่วมสูง โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ปริมาณฝนตกสะสมทั่วประเทศสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 30 ปี ถึง 10.3% สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ท่วมรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
โดยปริมาณน้ำฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างมากมายมหาศาล มากกว่าทุกปี จึงทำให้น้ำระบายลงทะเลไม่ทัน จนท่วมหนักไปทั่ว บางจุดต้องมีการอพยพผู้คน ขณะเดียวกัน ก็สร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินอย่างมาก ซึ่งหลังน้ำลดคงมีการประเมินตัวเลขความเสียหายที่ชัดเจนออกมาอีกทีพร้อมชี้ว่าอีก 25 ปีต่อจากนี้ ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 12.5 ซม. โดยภายในปี 2593 คาดว่าปัญหาน้ำท่วมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยราว 0.3% ของ GDP
ซึ่งก่อนหน้านี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคกลาง ก็มีความกังวลกันว่าสถานการณ์น้ำจะเหมือนปี 2554 เนื่องจากปริมาณเต็มเขื่อนหลักในระดับใกล้เคียงกัน โดยหากมีพายุหนัก ๆ ลงมาซ้ำก็มีโอกาสจะเกิดวิกฤตซ้ำรอยได้
แม้โชคจะยังดีที่ไม่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าประชาชนในบางพื้นที่ บางจังหวัด ต้องถูกน้ำท่วมหนักไม่แพ้ปี 2554
จะเห็นได้ว่าประเทศไทยเราเสี่ยงจะถูกน้ำท่วมหนักได้ทุกปี และมีโอกาสเกิดขึ้นได้ในทุกภาคของประเทศ ไล่มาตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคใต้
ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็เป็นปัญหาใหญ่ที่รอการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งจากภาครัฐและการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะหากแก้ไม่ได้ เราก็จะอยู่กับความเสี่ยงไปตลอด... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/columns/news-1926343
วิกฤตน้ำท่วม
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ที่มีการช่วยเหลือทั้งในส่วนวงเงินกู้ระยะสั้นและวงเงินกู้ระยะยาว มีทั้งการขยายเวลาชำระหนี้ให้จนถึงการพักหนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือลูกค้าเกษตรกร
Advertisement
ธนาคารออมสิน ที่มีทั้งสิ่งของบรรเทาทุกข์เบื้องต้น และเตรียมมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูต่อเนื่องไว้รองรับ
นอกจากนั้น ธนาคารพาณิชย์ก็เริ่มทยอยออกมาตรการช่วยเหลือกันตามมา โดยทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ขอให้สถาบันการเงินเร่งช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ภายใต้แนวทางที่ ธปท.กำหนดและมีการผ่อนเกณฑ์ให้
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ว่า ฤดูฝนปี 2568 เสี่ยงเกิดน้ำท่วมสูง โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ปริมาณฝนตกสะสมทั่วประเทศสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 30 ปี ถึง 10.3% สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ท่วมรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
โดยปริมาณน้ำฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างมากมายมหาศาล มากกว่าทุกปี จึงทำให้น้ำระบายลงทะเลไม่ทัน จนท่วมหนักไปทั่ว บางจุดต้องมีการอพยพผู้คน ขณะเดียวกัน ก็สร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินอย่างมาก ซึ่งหลังน้ำลดคงมีการประเมินตัวเลขความเสียหายที่ชัดเจนออกมาอีกทีพร้อมชี้ว่าอีก 25 ปีต่อจากนี้ ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 12.5 ซม. โดยภายในปี 2593 คาดว่าปัญหาน้ำท่วมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยราว 0.3% ของ GDP
ซึ่งก่อนหน้านี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคกลาง ก็มีความกังวลกันว่าสถานการณ์น้ำจะเหมือนปี 2554 เนื่องจากปริมาณเต็มเขื่อนหลักในระดับใกล้เคียงกัน โดยหากมีพายุหนัก ๆ ลงมาซ้ำก็มีโอกาสจะเกิดวิกฤตซ้ำรอยได้
แม้โชคจะยังดีที่ไม่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าประชาชนในบางพื้นที่ บางจังหวัด ต้องถูกน้ำท่วมหนักไม่แพ้ปี 2554
จะเห็นได้ว่าประเทศไทยเราเสี่ยงจะถูกน้ำท่วมหนักได้ทุกปี และมีโอกาสเกิดขึ้นได้ในทุกภาคของประเทศ ไล่มาตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคใต้
ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็เป็นปัญหาใหญ่ที่รอการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งจากภาครัฐและการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะหากแก้ไม่ได้ เราก็จะอยู่กับความเสี่ยงไปตลอด... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/columns/news-1926343