ลดน้ำหนักจาก 88 มาที่ 63 ด้วยเทคนิกของการพัฒนาปัญญาด้านการกิน(มีวีดีโอให้ความรู้ด้วย)

เริ่มด้วยการให้ดูผลลัพท์กันก่อนครับ เทียบ Before & After

และนี่คือร่างกายผม ณ ปัจจุบันครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ต้องบอกว่าวิธีการที่จะนำเสนอต่อไปนี้ไม่มี (หรืออาจจะมีแต่ผมไม่รู้) ผู้เชี่ยวชาญด้านไหนนำมาใช้เลย นั้นคือการใช้หลักพุทธศาสนา คือเรื่อง ไตรสิขา ศีล สมาธิ ปัญญา(โภชเน มตฺตญฺญุตา) มาพัฒนาตัวเอง
และเท่าที่ผมศึกษาหาข้อมูลยังไม่เจอใครใช้เทคนิกนี้ เพราะพอพูดถึงลดความอ้วนกันแล้วหรือดูแลสุขภาพทุกคนก็จะคุยกันส่วนใหญ่เรื่องสูตรอาหาร
และถ้ารายการอาหารที่ดีที่ถูกต้องตามหลักวิชาการต่อร่างกาย ทั้งปริมาณ และ สารอาหารนั้น ซึ่งถ้าทำได้ผมว่ามันถูกต้องเลยครับ

แต่ปัญหาถ้าเรามาดูกันจริงๆว่าทำไมหลายๆคนจึงไม่สามารถทำได้ ผมเองคงตอบว่าเรามุ่งไปแก้ที่เหตุปัจจัยที่ผิดไป

สิ่งแรกเลยจะเห็นว่าถ้าไปศึกษาเรื่องสูตรอาหารมา ทั้งปริมาณ และ ประเภทอาหารนั้น ผู้ที่อยู่ในขั้นปฏิบัติ จะค่อนข้างมีความทุกข์ และความอยากในอาหารเดิม

แค่นี้เราก็จะเริ่มเจอสาเหตุที่แท้จริงแล้ว ว่าปัญหาอยู่ที่สภาพการทำงานของนามธรรม หรือแรงขับ หรือ ตัณหา หรือ ความอยาก ในการเสพรสชาติ ต่างหากที่เป็นปัญหาที่แท้จริง

คราวนี้เราก็ต้องมาศึกษาต่อว่าสภาพนามธรรมนี้จะหายไปได้อย่างไร
จริงๆจะหายหรือลดได้ก็เพราะมันมีเหตุ ถ้ากำจัดเหตุ หรือพัฒนาปัจจัยฝ่ายบวกขึ้นได้มันก็จะมีการพัฒนามากขึ้นเพื่อให้เรากินอาหารแบบมีความสุขได้

เบื้อต้นผมขอแนะนำตัวนิดหนึ่งก่อนว่าการมาแนะนำอะไรแบบนี้นั้นผมใช้ทักษะการสังกต เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในใจ และการต่อสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในใจ ตามแนวพุทธศาสนา และผมเองยังทำงานร่วมกับคุณหมอ นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ในการจัดอบรม การใช้ สติ สมาธิ ปัญญาในการปรับพฤติกรรมกับผู้ป่วยโรคมะเร็ง และโรคไต ที่ต้องเปลี่ยนอาหารการกิน แล้วตัวอาหารนี่แหละทำให้ผู้ป่วยมีความทุกข์ ตอนนี้จัดมาทั้งหมด 8 รอบแล้วครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ซึ่งผมใช้กระบวนการ การจัดเหตุ จัดปัจจัย เพื่อเปลี่ยนและพัฒนาปัญญาของผู้บริโภค
จากเดิมที่มีความสุขจากการเสพในรสชาติ(ตัณหา)
มาเป็น
ความสุขที่ได้กระทำให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพที่ดี (ฉันทะ)

และสุขแบบตัณหานั้น คือสุขการกับเสพ ใครๆก็ทำได้ มนุษย์ที่ไม่ต้องฝึกฝนก็สามารถทำได้เลย ไม่ต้องเรียนรู้ก็ทำได้เลย แต่ผลที่เกิดกับชีวิตนั้นไม่แน่ไม่นอน บางทีสุขก็จริงแต่ผลเสียก็เยอะ หรือบางทีไม่สุขแต่ผลดีกับมากมาย ซึ่งตรงนี้เป็นความลัพท์ซึ่งปุถุชน ส่วนใหญ่นั้นมองไม่เห็นกฏของธรรมชาติข้อนี้

ผมเองซึ่งเป็นคนชอบพุทธศาสนามากๆตอนนี้ก็ถือว่าเข้าปีที่ 9 ในการศึกษาได้แล้ว ก็เลยใช้ตรงนี้แหละมาเข้าใจสภาพนามธรรมที่ทำงานให้คนไม่สามารถควบคุมอาหารหรือกินอาหารให้ดีต่อสุขภาพได้ และแก้ที่สาเหตุ จนนำไปสู่งการเปลี่ยนพฤติกรรมในการมองหาอาหาร และความเข้าใจในการบริโภคอาหาร


ซึ่งรายละเอียดผมคงพิมพ์ไม่หมดเพราะแค่พูดอย่างเดียวก็ เกือบ 3 ชม. แล้วผมเลยอัดวีดีโอใน Class Being New eating behavior with Mindfullness ที่ผมสอนมาให้ทุกคนได้ฟังแบบฟรีๆกันเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เมื่อเข้าใจการทำงานภายในร่างกาย ก็ง่ายขึ้นต่อการคุมอาหาร 1 of 2
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เมื่อเข้าใจการทำงานภายในร่างกาย ก็ง่ายขึ้นต่อการคุมอาหาร 2 of 2
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

การกระทำและสิ่งแวดล้อมและแรงขับภายใน(สภาพนามธรรม)ก็ส่งผลถึงความสำเร็จในการดูแลสุขภาพควบคุมอาหาร1of3
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
การกระทำและสิ่งแวดล้อมและแรงขับภายใน(สภาพนามธรรม)ก็ส่งผลถึงความสำเร็จในการดูแลสุขภาพควบคุมอาหาร2of3
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
การกระทำและสิ่งแวดล้อมและแรงขับภายใน(สภาพนามธรรม)ก็ส่งผลถึงความสำเร็จในการดูแลสุขภาพควบคุมอาหาร3of3
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

และสุดท้ายผมขอฝาก FP ผมไว้หน่อยนะครับ สำหรับท่าที่อยากตามอ่านบทความเล็กๆน้อยๆที่ผมชอบแปลของต่างประเทศในเรื่องความรู้ของการทำงานของร่างกายมาเพื่อพอเราเข้าใจมันมากขึ้น การรับประทานอาหารของเราจะดีขึ้นเองครับผม
https://www.facebook.com/whatismindfuleating/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่